สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / เหตุต้อง”เต้น”

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

เหตุต้อง”เต้น”

 

ขนาดนักข่าวนั่งไขว่ห้าง ยังทำให้ ตู่”เต้น”ได้

แล้ว การที่ “ตู่”-นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาประโคมฤกษ์ 444

วันที่ 4 เดือน 4 4 โมงเย็น สามัคคีประชาชน ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเปิดเผย

รวมถึง “เต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ถือฤกษ์ปลดกำไลได้รับอิสรภาพจากการเป็น”นักโทษ” ประกาศยืนเคียงข้าง น้องๆเยาวชน ที่ออกมาต่อสู้ทางการเมือง และหนึ่งในข้อเรียกร้องคือการ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์

แล้ว “ตู่” จะไม่”เต้น” ได้อย่างไร

เพียงอาจไม่แสดง”ความหวาดหวั่น”ออกมาให้เห็นโจ่งแจ้งนัก

แต่พลิ้ว ไปในแนว “ด้อยค่า” ด้วยการบอกว่า

“ขณะนี้มีคนออกมาพูดแล้วว่าไม่สนับสนุนด้วย แม้กระทั่งผู้นำเสื้อแดงเก่าๆ ก็บอกว่าไม่เอาด้วย”

ผู้นำเสื้อแดงเก่าๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

นายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย นั่นเอง

ที่ออกมาส่งสัญญาณถึงอดีตผู้นำหมู่บ้านเสื้อแดงทุกหมู่บ้านของประเทศไทย ที่มีอยู่กว่า 28,580 หมู่บ้าน ว่าอย่าไปหลงเชื่อคำเชิญชวนของ นายจตุพร ที่เรียกร้องให้ประชาชนออกไปขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

เพราะพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งแล้ว

ออกมา”ตีกัน”แบบนี้ จะบอกว่า ไม่ให้ราคา หรือ”ไม่เต้น” ก็คงไม่ได้

ด้วยหาก ตู่-เต้น ที่แม้ตอนนี้ จะเดินกันคนละทางก็ตาม แต่เกิดสถานการณ์เอื้อ ให้ “รวมกันตี”ก็คงเหนื่อยหนัก

ดังนั้น อะไรที่จะสะกัดได้ ก็ต้องรีบสะกัด

เพราะ การแย่งชิง”มวลชน”เป็นหัวใจของการเดินเกมการเมือง

และว่าไปแล้ว ในฝั่งฟาก รัฐบาล ก็กำลังเดินเกมมวลชน อย่างหนักเช่นกัน

โดยเฉพาะการเร่งสร้างพรรคพันธมิตร

ซึ่งว่ากันว่าตอนนี้ เดิน 2 ขา ขาหนึ่ง ใช้กลไก”ข้าราชการ”โดยเฉพาะกระทรวงแถวคลองหลอด เดินหน้าตั้งพรรค

อีกขาหนึ่ง มีการกล่าวขานบ่อยครั้ง ถึงชื่อ “แรมโบ้อีสาน” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่แนบแน่นกับนายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย

ที่อาจถูกวางบทบาทให้ ขับเคลื่อนพรรคมวลชน

โดยมีเป้าหมายที่จะดึงอดีต คนเสื้อแดงเข้ามาร่วม

ซึ่งหากทำได้สำเร็จ 3 ป.ก็จะมีฐานเสียงสนับสนุนหนาแน่น ทั้งผ่านกลไกลการสืบทอดอำนาจอย่างส.ว. ผ่านพรรคข้าราชการ และผ่านพรรคมวลชน

นั่นย่อมต้องถือว่ามีความพร้อมที่จะลุยเลือกตั้ง และครองอำนาจอีกต่อไปอีกยาวนาน

และฝ่ายรัฐบาล อาจมีความหวังลึกๆ ว่า อาจจะโน้มน้าว นายจตุพร ที่ระยะหลังถูกมองว่าเปลี่ยนไป ขัดแย้งกับ กลุ่มคนเสื้อแดง และขั้วนายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นอีกหนึ่งแนวร่วม ก็ได้

แต่ จู่ๆ นายจตุพร กลับมา”สามัคคีประชาชน”ด้วยการจับมือกับกลุ่มประชาธิปไตยออกมาชน พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง

ย่อมทำให้ฝ่ายรัฐบาลผิดแผนไปตามสมควร

จะนิ่งเฉยก็คงไม่ได้ ต้อง “เต้น”ไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ยิ่งเมื่อ”เต้น”นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาเคียงข้าง”ม็อบเยาวชน”ที่อยู่ในระส่ำระสาย ย่อมทำให้ขวัญกำลังใจดีขึ้น อาจจะนำไปสู่การปรับขบวนการต่อสู้ให้เป็นเอกภาพขึ้น

ผสานกับกระแสการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รอบใหม่

และการออกมาของกลุ่มพฤษภา2535 กลุ่มคนตุลาฯ

ทำให้”จุดร่วม”ของฝ่ายตรงข้ามรัฐชัดเจนขึ้น และอาจผสานกำลังรุกกลับ 3 ป.ได้อีกครั้ง

ด้วยภาวะเช่นนี้ ทำให้ ลุงตู่ในฐานะฝ่ายนำที่หวังจะสืบทอดอำนาจไปอีกนานๆจะอยู่เฉยๆ

ไม่”เต้น” ก็คงไม่ได้