ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 พฤษภาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ใส่บ่าแบกหาม |
เผยแพร่ |
เธอจ๊ะ
3096 Days เป็นหนังเยอรมัน พอดีมาฉายในช่องเคเบิล ฉันเลยได้ดู
แม้จะเป็นหนังเยอรมัน เรื่องราวเกิดขึ้นที่นครเวียนนา แต่พอดีเขาสร้างเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยดูได้สบายๆ
หลังๆ มานี่ฉันสังเกตว่า หนังในช่องเคเบิลดูสนุกและน่าสนใจกว่าหนังในโรง ถ้าไม่นับหนังที่ใช้สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ถล่มทลายอย่างหนังซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ หนังอย่างนั้นต้องตะเกียกตะกายไปจ่ายตั๋วแพงๆ ในโรง เพราะมันจะได้อรรถรสในการชมกว่ามากมาย
ถ้าเป็นหนังชีวิตที่มีเนื้อหาและการแสดงดีๆ ดูในทีวีซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ เที่ยวคุ้มกว่าการไปดูในโรงมาก
3096 Days หรือ 3096 Tage สร้างจากเรื่องจริงของ Natascha Kampusch หญิงสาวที่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่อายุสิบขวบ โดยผู้ชายชื่อ Wolfgang Priklopil และกว่าจะหาทางหนีกลับมาได้ก็ใช้เวลา 3,096 วัน
3,096 วัน หรือก็คือประมาณ 8 ปี
หรือก็คือนาตาชาหลุดพ้นมาได้ อายุก็ 18 ปีเข้าให้แล้ว
หนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการลักพาตัวนี้ เพียงเริ่มเรื่องก็ทำให้ฉันกระสับกระส่ายไม่สบายใจได้แล้ว ก็เรื่องราวมันเป็นเรื่องลักพาตัวนี่นะ เรื่องนี้เด็กตัวน้อยต้องโดนกักขังจองจำ ทำมิดีมิร้ายใส่ไปตั้ง 3,096 วัน จะรู้สึกอื่นใดไปได้
นี่ขนาดฉันอ่านหนังสือมาแล้วนะ ฉันยังสะเทือนใจที่เห็นเป็นภาพ
เธอหาอ่านได้ หนังสือชื่อเดียวกัน 3096 Days นาตาชาตัวจริงเขียนบันทึกนี้เอง
หนังเริ่มที่นาตาชาโตแล้ว พยายามหาทางหนี
It was clear.
Only one of us would survive.
In the end, it was me. Not him.
แน่นอนอยู่แล้ว
เราคนใดคนหนึ่งจะรอด
ท้ายที่สุด เป็นฉัน ไม่ใช่เขา
บทหนังเขาเขียนมาอย่างใจดี ให้เราได้รู้ก่อนว่าตอนจบเป็นอย่างไร หนีออกมาได้ แต่ฉันสบายใจขึ้นไหม? ไม่สิ! เรากำลังจะได้ดูช่วงเวลาเลวร้ายอันยาวนาน
หนังยาว 111 นาที เราต้องดูเด็กหญิงเติบโตเป็นสาว ถูกทรมาทรกรรม
เรื่องเริ่มตอนนาตาชาโตแล้ว โจรลักพาตัวพานาตาชาไปเล่นสกี เมื่อขอไปเข้าห้องน้ำ มันเป็นห้องน้ำแบบมีหลายห้องเรียงแถวยาว โจรไปสแกนดูก่อนว่ามีใครเข้าอยู่ไหม เมื่อไม่มีนาตาชาถึงได้เข้า แต่บังเอิ๊ญบังเอิญ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเข้าห้องน้ำนี้ด้วยพอดี
Please, help me! I was kidnapped.
My name is Natascha Kampusch.
โปรดข่วยฉันที
ฉันถูกลักพาตัว
ฉันชื่อ นาตาชา คัมพุช
นาตาชาสบโอกาส รีบรวบรวมความกล้า บอกเขาไป แต่สาวคนนั้นกลับทำหน้าตาเหรอหรา พูดอะไรออกมาสองสามประโยค แล้วก็เดินจากห้องน้ำไป
สรุปคือ สาวเจ้าเป็นคนรัสเซีย ไม่เข้าใจภาษาเยอรมัน!
แล้วหนังก็ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อนาตาชาอายุ 10 ขวบ
นาตาชาเป็นเด็กอวบอ้วน มีแม่ที่คอยบังคับให้ทำนู่นทำนี่
แม่บังคับให้ใส่ชุดที่แม่ตัด พอไม่ใส่แม่ก็โกรธ
Other girl would be happy
if their mothers made them such nice dresses.
ถ้าเป็นเด็กหญิงอื่นๆ
เขาก็ต้องมีความสุขกันทั้งนั้นแหละที่แม่ตัดชุดสวยๆ ให้ใส่
นาตาชาไม่ได้มีปัญหากับชุดที่แม่ตัด แต่แบบของชุดที่แม่ตัด มันทำให้ลูกดูอ้วน ลูกเลยไม่ชอบ
Then don’t eat so many biscuits.
งั้นก็อย่ากินคุกกี้เยอะนักสิ
พอบอกแม่ แม่ไม่ตามที่ใจคิด แม่กลับเห็นว่างั้นก็อย่าอ้วนสิ
อ้าว! ไหงพูดงั้น?!!
แม่เข้มงวดจังเลย แต่ที่ดีๆ ของแม่ก็มีเยอะ เรื่องสำคัญคือ ที่พร่ำขอแม่มานาน นี่ก็สิบขวบ แม่อนุญาตแล้วให้เดินไปโรงเรียนเองได้
แล้วก็คือวันนั้นนั่นเอง ที่นาตาชาถูกลักพาตัว
ถนนหนทางดูปลอดภัย มองไปไม่ไกลก็มีเด็กคนอื่นกำลังเดินไปโรงเรียนเหมือนกัน ข้างถนนมีรถจอด คันหนึ่งเป็นรถตู้ เปิดประตูข้างไว้ คนขับหน้าตาปกติธรรมดาลงมานั่งที่ทางขึ้นลงนั้น แต่แค่เพียงนาตาชาเดินผ่านไปตรงนั้น ผู้ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นมาอุ้มขึ้นรถ รีบปิดประตู แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวการลักพาตัวนาตาชาเป็นข่าวใหญ่เกรียวกราว แต่ตำรวจออกหาแล้วก็หาไม่เจอ
โจรได้วางแผนไว้แล้วอย่างดี ดูจากห้องที่เอาไปขัง โจรสร้างเป็นห้องใต้ดินเล็กๆ แคบๆ ผนังทำจากปูนอย่างหนา เก็บเสียง มีปล่องสูงที่เพดานด้านบนให้อากาศถ่ายเท มีอ่างน้ำเล็กๆ ให้ได้ใช้
Nobody will find you.
You know where the shout goes!
Goes up to the roof.
ไม่มีใครหาเธอเจอหรอก
เสียงตะโกนจะไปไหนได้
ไปบนเพดานนู่น!
แต่ก็ใช่ว่านาตาชาจะไม่พยายาม ตะโกนสุดเสียงหลายครั้งหลายครา แล้วก็พบว่ามันไร้ประโยชน์จริงๆ
No one can hear you or even can smell you.
They’ll have to put sniffer dogs on the roof!
ไม่มีใครได้ยินเธอหรือแม้แต่ได้กลิ่น
ต้องให้หมาไปดมกลิ่นบนเพดานนู่น!
ครั้นจะลงไป ก็ต้องปีนบันไดชันๆ ลงไป คล้ายๆ แทรกตัวลงไปในหลุมแคบๆ ส่วนด้านบน โจรก็ออกแบบไว้แล้ว ให้มีกำแพงปิด และมีตู้เลื่อนไปบังกำแพงอีกที ไม่ต้องให้มีคนมาสงสัยว่าด้านหลังตู้มีอะไร
โจรไม่ได้เลี้ยงดูดี ให้อดมื้อกินมื้อ อาหารมีแต่พืชผัก กะหล่ำปลี แครอต ถั่ว อย่างละนิดละหน่อย มีขนมปังบ้าง เอาอาหารลงมาให้ที อีกสองสามวันก็ค่อยเอามาให้ใหม่
นาตาชาต้องกระเบียดกระเสียรทั้งของกินและของใช้ หิวนักก็กินน้ำจากก๊อก
แรกๆ นาตาชาก็หวัง คิดว่าโจรจะเป็นโจรเรียกค่าไถ่ แต่กาลเวลาผ่านไป เหมือนจะเป็นหน้าที่ที่ต้องสร้างความหวังใหม่ๆ ให้ตัวเอง
โจรทำร้ายและย่ำยีจิตใจด้วยคำพูด
You’re good for nothing. เธอมันไม่มีอะไรดี
No one wants you. ไม่มีใครต้องการเธอ
They don’t care about you! เขาไม่แคร์เธอหรอก
ตอนหลัง ถึงขนาดติดอินเตอร์คอม จะลุกขึ้นมาด่าว่าตอนไหนก็ได้ กลางดึกกลางดื่นก็ย่อมได้
โจรทำร้ายร่างกาย นอกจากให้อยู่อย่างอดๆ หยากๆ มีถึงขั้นลงไม้ลงมือ ลงมือชกต่อย ชกแรงขนาดซี่โครงร้าวก็ยังเคย และไม่ได้พาไปรักษา ปล่อยให้หายเอง
นาตาชาโตขึ้นด้วยการสั่งสอนตัวเอง มีหนังสือให้อ่านก็อ่านเท่าที่มี วันเกิดปีหนึ่ง โจรให้วอล์กแมนเป็นของขวัญ ก็ได้อาศัยฟังข่าวคราว นานๆ ทีก็ได้ยินข่าวเรื่องตัวเอง ข่าวรายงานว่าตำรวจยังหาไม่เจอ
โจรใช้งานหนักเยี่ยงทาส จะขยายห้อง ต้องทุบกำแพง ต้องก่ออิฐ ต้องฉาบปูน ทาสี งานของนาตาชาทั้งนั้น ถ้าทำช้า ทำไม่ได้ดังใจ ก็โดนลงโทษไปตามระเบียบ
แต่นาตาชาก็ไม่ย่อท้อต่อการสร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเอง
มีหลายครั้งที่สบโอกาสหนี แต่ก็ได้แต่มองโอกาสผ่านไป กลับมาตีอกชกหัว โกรธโทษตัวเองว่าทำไมทำไม่ได้ ทำไมไม่หนีไปเสียเล่า
หนังแบบนี้ทำให้ไม่สบายใจในเรื่องราว ไม่รู้สึกปลอดภัยที่ได้รู้ว่าสังคมของเรามีคนร้าย แต่ในทางหนึ่ง เราก็ได้รู้จักมองเห็นว่าชีวิตมีค่า ยามที่ถูกกักขังไว้ในที่แคบ ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ถูกทำร้ายด้วยวาจาและการกระทำของคนที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เราทำได้ก็แค่อดทนและไม่ลืมว่าวันดีๆ มีอยู่ข้างหน้า แม้จะแสนไกล
แต่เราจะอดทนรอและจะไปถึงมันให้ได้สักวัน
วันหนึ่งวันนั้น วันที่แสนไกล
ฉันเอง