ผ่าโรดแม็ปเปิดประเทศ อีกครั้ง! ไฟเขียวรับต่างชาติไม่ต้องกักตัว ลุ้นวัคซีน-ท่องเที่ยว ดัน GDP โต 4% /ศัลยา ประชาชาติ

บทความพิเศษ

ศัลยา ประชาชาติ

 

ผ่าโรดแม็ปเปิดประเทศ อีกครั้ง!

ไฟเขียวรับต่างชาติไม่ต้องกักตัว

ลุ้นวัคซีน-ท่องเที่ยว ดัน GDP โต 4%

 

ทันทีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศ “เปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป เสียงประสานตอบรับเกิดขึ้นทั่วทิศทาง

แผนเปิดประเทศ-ในพื้นที่นำร่อง 6 เมืองท่องเที่ยว ถูกกระชับ-ย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น จากกำหนดเดิมวันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 มีจังหวัดภูเก็ตเป็น “Phuket sandbox” ปั๊มชีพจรหัวเมืองท่องเที่ยวที่หายใจรวยรินให้กลับคึกคักอีกครั้ง

ผลจากการลงพื้นที่ซาวเสียงชาวภูเก็ต ของ “คณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” ที่มี “ทศพร ศิริสัมพันธ์” เป็น “หัวเรือใหญ่” พร้อมด้วย “เลขาธิการสภาพัฒน์” ดนุชา พิชยนันท์ และ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน

ทำให้เกิดโรดแม็ปเปิดประเทศ-รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่

 

ระยะที่ 1 ช่วงไตรมาสสองของปี 2564 (เมษายนถึงมิถุนายน)

นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน “ครบโดส” จะได้รับการกักตัวภายในที่พักเป็นระยะเวลา 7 วัน ก่อนที่จะสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง โดยต้องมีการกำหนดเส้นทางและมาตรการที่เหมาะสมในการเดินทาง (Seal Route)

ระยะที่ 2 ช่วงไตรมาสที่สามของปี 2564 (กรกฎาคมถึงกันยายน) นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วและมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบสามารถเดินทางเข้าภูเก็ตโดยตรงผ่านเครื่องบิน และท่องเที่ยวในพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตโดย “ไม่ต้องกักตัว”

นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวต้องอยู่ในจังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน (Phuket Sandbox) ก่อนที่จะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้

โดยการดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขอื่นๆ เช่น เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน การติดตามตัวผ่านแอพพลิเคชั่น “Thailand Plus” หรือ “หมอชนะ”

ระยะที่ 3 ช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2564 (ตุลาคมถึงธันวาคม) นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับการฉีดวัคซีนแล้วและมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางเข้า “พื้นที่นำร่อง” อื่นๆ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ พังงา อำเภอสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และเชียงใหม่ โดยตรงผ่านเครื่องบินและสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่ได้โดยไม่ต้องกักตัว

นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวต้องอยู่ภายในพื้นที่นำร่องเป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขอื่นๆ ดังกล่าวมาแล้วด้วย

ระยะที่ 4 ช่วงไตรมาสที่หนึ่งของปี 2565 (1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป) นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วและมีผลการตรวจโควิด-19 “เป็นลบ” สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว

 

ไทม์ไลน์เปิดประเทศดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าทันทีที่จังหวัดภูเก็ต “คิกออฟ” รับนักท่องเที่ยวได้โดย “ไม่ต้องกักตัว” วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไปจะมีนักท่องเที่ยวทะลักเข้ามากว่า 1 แสนคน ภายใน 1 เดือน

ททท.การรันตีเป้ารายได้กับคณะรัฐมนตรี ในปี 2564-2565 2,500,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ตลาดต่างประเทศ ปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 6.5 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 53,500 บาท รายได้ 347,750 ล้านบาท

และปี 2565 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 20.8 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 62,500 บาท รายได้ 1,300,000 ล้านบาท รายได้รวม 1,218,150 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดในประเทศในปี 2564 คาดจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 160 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,000 บาท รายได้ 870,400 บาท และในปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยว 180 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,950 บาท รายได้ 1,200,000 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยบวกทางด้านเศรษฐกิจทุกมิติ ขึ้นอยู่กับแผนการจัดหา-กระจายวัคซีน และฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทั้งประเทศ จำนวน 63 ล้านโดส ภายในปี 2564 โดยมีเป้าหมาย 50% ของประชากร (33.5 ล้านคน) แบ่งออกเป็น

ระยะแรก (กุมภาพันธ์ถึงเมษายน) วัคซีนจากบริษัทซิโนแวค 2 ล้านโดส และระยะที่ 2 (มิถุนายนถึงธันวาคม) วัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 61 ล้านโดส

ในห้องประชุมศูนย์บริหารเศรษฐกิจโควิด-19 (ศบศ.) “พล.อ.ประยุทธ์” ได้สั่งการให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ-รมว.สาธารณสุข ร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง กับธนาคารกรุงไทย

ต้องผนึกกำลัง 4 ประสาน “ระดมฉีดวัคซีน” โดยให้สำรวจความต้องการการฉีดวัคซีนและใช้ช่องทางการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ-ถิ่นพำนักปัจจุบันเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนและจุดบริการฉีดวัคซีน

 

จังหวัดนำร่อง-ภูเก็ตที่จะ “เปิดประเทศ” โดย “ไม่กักตัว” ตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส จากตัวเลขฐานประชากร 417,402 คน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 ประชากรที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป 310,537 คน (100%) กลุ่มที่ 2 แรงงานในธุรกิจท่องเที่ยว 94,100 คน (100%) กลุ่มที่ 3 แรงงานในธุรกิจอื่น 5,250 คน (70% จากทั้งหมด 7,500 คน) และกลุ่มที่ 4 แรงงานต่างด้าว 56,700 คน (70% จากทั้งหมด 81,000 คน) รวม 466,587 คน / 933,174 โดส

สำหรับภาพรวมการจัดสรรวัคซีนกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยว 8 จังหวัด ได้รับจัดสรรวัคซีนจำนวน 240,000 โดส ได้แก่ กระบี่ 10,000 โดส ชลบุรี (พัทยา) 20,000 โดส พังงา 10,000 โดส ภูเก็ต 100,000 โดส สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) 50,000 โดส เชียงใหม่ 20,000 โดส ระยอง 20,000 โดส และขอนแก่น 10,000 โดส

ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ทำแผนเสนอขอโควต้าวัคซีนไปยังกระทรวงสาธารณสุข ประมาณ 5 ล้านโดส เพื่อกระจายไป 4 เมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และเชียงใหม่

โดยวัคซีนทั้งหมดจะฉีดให้กับแรงงานในภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 5 จังหวัดเมืองท่องเที่ยว-รายได้หลักมาจากภาคการท่องเที่ยว ประกอบด้วย กระบี่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) ชลบุรี (เมืองพัทยา) และเชียงใหม่

นอกจากปัจจัยการจัดสรร-กระจาย-เข้าถึงวัคซีนใน 6 หัวเมืองท่องเที่ยวตามแผนการเพื่อให้ถึงเป้าหมายมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 3 ล้านคน เพื่อให้สร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 1.5 แสนล้านบาทแล้ว

ปัจจัยชี้ขาดจีดีพีในปี 2564 ขยายตัวได้ 4% ขึ้นอยู่กับ “เครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว” ต้องขับเคลื่อนเต็มสูบ ภายใต้การปักหมุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เร่งลงมือทันที

สภาพัฒน์รายงานตัวเลขเป้าหมาย 4 เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก ได้แก่ การส่งออกต้องขยายตัว 8% โดยการเจาะตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่มและตลาดใหม่ แก้ปัญหาค่าระวางสูงขึ้นจากการขาดแคลนตู้สินค้า ลดขั้นตอนพิธีศุลกากร ค่าเงินบาทแข็งค่า

การลงทุนภาครัฐต้องมี 12% โดยงบฯ ลงทุนต้องเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 80% และงบฯ รัฐวิสาหกิจ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และส่งเสริมการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP)

การลงทุนภาคเอกชน 4.3% ต้องเร่งรัดการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมจาก BOI ให้เกิดการลงทุนจริง ลดอุปสรรคการลงทุนในประเทศ ทั้งของนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกเพื่อดึงดูดนักลงทุนการบริโภคภาคเอกชน 2.2% โดยการรักษาระดับรายได้ของประชาชนและภาคธุรกิจ เช่น โครงการเราชนะ คนละครึ่ง ม33เรารักกัน และการรักษาระดับการจ้างงาน

ภายใต้แผนปฏิบัติการเปิดประเทศ-ฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกินครึ่งประเทศ คือความหวัง-และความมุ่งมั่นทางการเมืองของรัฐบาลประยุทธ์ 2/4 ที่ต้องพุ่งไปให้ถึง “แดนบวก” ให้ได้

และปักหมุดตัวเลขที่ต้องไปให้ถึงจีดีพี 4% ในปี 2564 นี้