ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 เมษายน 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
“นอกเครื่องแบบ”
การเดินทางของตำรวจไทย (6)
กองตระเวน
ภายใต้การควบคุมของมิสเตอร์ยาร์ดิน
พ.ศ.2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกระทรวงแบบใหม่ขึ้นทั้งหมด 12 กระทรวง โดยมีเสนาบดีประจำกระทรวงเป็นหัวหน้า
เฉพาะกรมกองตระเวนมีฐานะเป็นกรมใหญ่ในกระทรวงนครบาล ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์เป็นเสนาบดีกระทรวงนครบาล และยังคงรักษาการในตำแหน่งจากวางกรมกองตระเวนไปพลางก่อน
ต่อมากรมพระนเรศวรฤทธิ์ทรงเห็นว่า กรมกองตระเวนเป็นกรมใหญ่ สมควรต้องมีผู้รับผิดชอบโดยตรง จึงกราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงจ้างชาวอังกฤษที่มีประสบการณ์ในกองงานตระเวน มาบริหารและปรับปรุงกรมกองตระเวนของไทยให้ทันสมัยเหมือนตำรวจที่ประเทศอังกฤษ
จึงมีพระบรมราชานุญาตให้จ้าง “มิสเตอร์เอ เย เอ ยาร์ดิน” (อาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ ยาร์ดิน – Mr.Arthur John Alexander Jardine) ข้าราชการกองตระเวนอังกฤษที่ประเทศอินเดีย สังกัดกรมกองตระเวนเมืองพม่า ตำแหน่งเจ้ากรมแขวงผาปูน เมืองพม่า
โดยรัฐบาลประเทศอังกฤษให้ไทยขอยืมตัวมิสเตอร์ยาร์ดินเป็นระยะเวลา 9 ปี เริ่มทำงานในตำแหน่ง “ผู้บังคับการกองตระเวน” (Chief Commissioner) เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2440 มีหน้าที่บริหารกองตระเวนและปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ของกรมกองตระเวน
มิสเตอร์ยาร์ดินได้เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างบริหารงานของกรมกองตระเวนเสียใหม่ โดยให้ยุบรวมกองตระเวนต่างๆ เข้าด้วยกัน มีผู้บังคับบัญชาเป็นลำดับชั้น ดังต่อไปนี้
1. อธิบดี (Inspector General) มิสเตอร์ยาร์ดิน
2. รองอธิบดี (Deputy Inspector General) มี 2 ตำแหน่ง
– รองอธิบดีชาวไทยได้แก่ พระยาอินทราธิบดี สีหราชรองเมือง
– รองอธิบดีชาวอังกฤษ ได้แก่ มิสเตอร์เบนส์ (Mr.Baines)
3. เจ้ากรมแขวง Superintendents of Divisions) มี 3 ตำแหน่ง
– เจ้ากรมแขวงกรุงเทพชั้นใน มิสเตอร์สคินเนอร์ (Mr.Skinner)
– เจ้ากรมแขวงชั้นนอก ได้แก่ หม่อมเจ้าสง่างาม
– เจ้ากรมแขวงรถไฟ ได้แก่ มิสเตอร์เชอร์แมน (Mr.Sherman)
4. ปลัดกรม (Assistant Superintendents) มี 4 ตำแหน่ง ได้แก่ หลวงธรณีนฤเบศร หลวงนรารักษพลขันธ์ มิสเตอร์คอมเบอร์ (Mr.Comber) และมิสเตอร์ฮาร์ตเนลส์ (Mr.Hartnells)
5. สารวัตรใหญ่ (Chief Inspectors) มี 5 ตำแหน่ง ได้แก่ หลวงวิสูทธิ์บริหาร หลวงทุระการกำจัด หลวงอนุมัติมนูกิจ หลวงบูรีรัฐพิจารณ์ (มิสเตอร์เชอร์รีฟ – Mr.Sheriff) และมิสเตอร์เฮิร์น (Mr.Hern)
ทำการคัดเลือกพลตระเวนชาวอินเดียจำนวน 30 คน เพื่อจัดตั้งเป็น กองตระเวนม้า ขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย
มีการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นสีกากีเหมือนอย่างกองตระเวนที่ประเทศอินเดีย เนื่องจากเดิมใช้เครื่องแบบสีน้ำเงิน เมื่อใช้งานโดนแดดโดนฝนไประยะหนึ่ง สีจะซีดจางไม่เท่ากัน จึงกำหนดแจกเครื่องแบบให้กับพลตระเวนทุกคน คนละ 2 สำรับ
กำหนดอัตราเงินเดือนที่เพียงพอและมีสวัสดิการที่ดี เพื่อเป็นกำลังใจให้พลตระเวนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง
รวมทั้งจัดให้มีนกหวีดแก่พลตระเวนที่เข้ายามประจำการ พร้อมจัดให้มีกุญแจมือและโซ่ล่ามผู้ต้องหาประจำโรงพัก
ต่อมา พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าระพีพัฒนศักดิ์ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระยศท้ายสุด) เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล เห็นพ้องต้องกันว่า สมควรมีตำแหน่งเจ้าพนักงานไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (Coroner) เพื่อให้การดำเนินคดีผู้กระทำผิดมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
จึงมอบหมายให้มิสเตอร์ยาร์ดิน อธิบดีกองตระเวน เป็นผู้ร่างกฎระเบียบเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพที่เสียชีวิตโดยอาการที่ไม่ธรรมดา เช่น ถูกฆาตกรรม หรือกระทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย) เป็นต้น
นอกจากนี้ มิสเตอร์ยาร์ดินได้คัดค้านแนวคิดที่จะยกเลิกกองตระเวนรถไฟ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย (โอนภารกิจเดิมของกองตระเวนรถไฟ ไปให้กองตระเวนภูธรทำหน้าที่) โดยให้เปลี่ยนเป็นการปรับลดอัตรากำลังพลของกองตระเวนรถไฟแทน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย
งานการปรับปรุงกองตระเวนที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือการปรับปรุงหน่วยราชการกองตระเวนชั้นนอก เนื่องจากมีอาณาเขตพื้นที่รับผิดชอบกว้างขวางมาก จึงได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน โดยให้ยึดเอาแนวคลองแสนแสบและคลองภาษีเจริญเป็นเส้นแบ่งเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่
1. กองตระเวนชั้นนอก แขวงฝ่ายเหนือ ที่ว่าการแขวงอยู่ที่ตำบลคลองรังสิต โดยมีมิสเตอร์อี ดับเบิลยู ตรอตเตอร์ (Mr.E.W. Trottter) เป็นเจ้ากรมแขวงฝ่ายเหนือ มีโรงพักในความรับผิดชอบ ดังนี้
– โรงพักเมืองประทุมธานี
– โรงพักศีศะกระดาน
– โรงพักจัดตลาดขวัญ
– โรงพักปากคลองรังสฤษที่ 9
– โรงพักหน้าไม้บึงหนัง
– โรงพักบางเขน
– โรงพักเมืองนนทบุรี
– โรงพักสามง่ามลำหิน
– โรงพักคำพล้อย
– โรงพักบางใหญ่
– โรงพักปากคลองรังสฤษ
– โรงพักบึงเตย
– โรงพักบางคูเวียง
– โรงพักปากคลองรังสฤษที่ 13
– โรงพักบึงน้ำรักษ์
– โรงพักคลองมหาสวัสดิ์
– โรงพักบ้านแหลมใหญ่
– โรงพักสายไหม
– โรงพักวัดละหาร
2. กองตระเวนชั้นนอก แขวงฝ่ายใต้ มีที่ว่าการแขวงอยู่ที่ตำบลปากน้ำฝั่งตะวันออก โดยมีมิสเตอร์มาร์ติน (Mr.Martin) เป็นเจ้ากรมแขวงฝ่ายใต้ มีโรงพักในความรับผิดชอบ ดังนี้
– โรงพักเมืองสมุทรปราการ
– โรงพักบางขุนเทียน
– โรงพักพระโขนง
– โรงพักบางพลีใหญ่
– โรงพักมหาไชย
– โรงพักเปรง
– โรงพักบางเกลือ
– โรงพักเจียระดับ
– โรงพักบางระนาด
– โรงพักเมืองนครเขื่อนขันธ์
– โรงพักสำโรง
– โรงพักราชบูรณะ
– โรงพักศีศะจระเข้
– โรงพักบ้านไร่
– โรงพักคลองตัน
– โรงพักคลองภาษีเจริญ
– โรงพักแสนแสบ
– โรงพักหนองจอก
จะเห็นได้ว่าการปรับปรุงกองตระเวนโดยมิสเตอร์ยาร์ดินเป็นการวางรากฐานอันมั่นคงของงานตำรวจสมัยใหม่ในยุคต่อๆ มา
สะท้อนให้เห็นถึงการมองการณ์ไกลของในหลวงรัชกาลที่ 5 และข้าราชการในยุคนั้น ที่ไม่ยอมนิ่งดูดาย เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาหน่วยงานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ให้มีความทันสมัยตามอย่างสากลให้จงได้ มิได้ปล่อยปละละเลย แต่กลับมีความมานะพยายามหาหนทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาโดยลำดับ
ที่กล่าวมาแล้ว คือการรักษาความสงบเรียบร้อยที่มุ่งเน้นแต่ภายในขอบเขตพระนครและปริมณฑล แต่ดั้งเดิมมา ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคนั้นยังไม่มีหน่วยงานตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดเป็นการเฉพาะ ในยามปกติก็จะให้เจ้าเมืองเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีกรมการเมือง นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ช่วย
แต่ถ้ามีปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชมเกินกำลังที่จะจัดการ ก็จะร้องเรียนมายังส่วนกลางเพื่อขอจัดตั้งกองตระเวนเป็นครั้งคราว โดยใช้ภาษีส่วนหนึ่งของเมืองนั้นดำเนินการ แล้วเกณฑ์ราษฎรออกปราบปราม
ปฏิบัติเช่นนี้แล้ว หากยังไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนกลางก็จะต้องให้ความช่วยเหลือด้วยการส่งข้าหลวงจากกรมพระตำรวจออกไปร่วมดำเนินการ เมื่อเสร็จภารกิจก็จะถอนตัวกลับที่ตั้ง
ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเมื่อ พ.ศ.2435 และได้ปรับปรุงกองตระเวน โดยยกฐานะขึ้นเป็นกรม ขึ้นกับกระทรวงนครบาลแล้ว อีก 5 ปีต่อ คือปี พ.ศ.2440 จึงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกรมตำรวจภูธรขึ้น โดยมีร้อยเอกยี เชา (G. Schau) หรือหลวงศัลวิธานนิเทศ นายทหารชาวเดินมาร์กจากกรมมหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นเจ้ากรมตำรวจภูธร ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทยที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยศท้ายสุด) ดำรงตำแหน่งเสนาบดี
ความแตกต่างประการหนึ่งของกรมตำรวจภูธร และกรมกองตระเวน ก็คือกรมตำรวจภูธรที่จัดตั้งในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 จัดกองกำลังตามรูปแบบ “ยองดามส์” (Gendarmeries) ของประเทศฝรั่งเศส ลักษณะเป็นกองกำลังกึ่งทหารและพลเรือน
แต่กรมกองตระเวนที่แต่เดิมคือ กองโปลิศคอนสเตเบิล (พ.ศ.2405) จัดตั้งในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วมาปรับเปลี่ยนเป็นกองตระเวน (พ.ศ.2420) ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5
ใช้การจัดแบบแผนเดิมตามอย่างประเทศอังกฤษคือ “คอนสเตเบิล” (Constable)