เครื่องเคียงข้างจอ : อะไรก็เป็นไปได้ / วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

 

อะไรก็เป็นไปได้

 

ตอนที่มติชนสุดสัปดาห์นี้ออกวางแผง ก็เป็นสัปดาห์ของการปิดการแข่งขันฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก 1 โดยเป็นที่ทราบกันแล้วว่าสโมสรที่ได้เป็นแชมป์ปี 2563-2564 นี้คือสโมสร บีจีปทุม ยูไนเต็ด นั่นเอง

บีจี ย่อมาจาก บางกอกกล๊าส บริษัทในเครือของบุญรอด บริวเวอรี่

นับเป็นครั้งแรกของสโมสรที่ได้แชมป์รายการใหญ่ของประเทศไทย หลังจากที่ก่อตั้งมาได้เพียง 12 ปี แถมรู้ตัวว่าเป็นแชมป์เร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย เพราะตอนได้แชมป์แน่ๆ แล้วจากคะแนนที่ทิ้งห่างอันดับสองนั้น บีจียังมีการแข่งขันรออยู่ถึง 6 นัด

ขอแสดงความยินดีกับผู้บริหาร นักเตะ โค้ชและทีมงาน และ จนท.ผู้เกี่ยวข้องของสโมสรทุกคนด้วยนะครับ

อยากจะบอกว่า ทีมบีจีที่ได้แชมป์ปีนี้ไปนั้น เมื่อปีที่แล้วยังเล่นอยู่ในไทยลีก 2 ซึ่งเป็นลีกรองอยู่เลย พอปีที่ผ่านมาคว้าแชมป์ของไทยลีก 2 ก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นไทยลีก 1 ตามหลักเกณฑ์

ซึ่งการเพิ่งกลับขึ้นมาเล่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลุกขึ้นมาคว้าแชมป์ได้เลย เพราะแต่ละสโมสรก็ล้วนทุ่มเท มีขุมกำลังที่น่ากลัวกันทั้งนั้น

บีจีไม่ใช่น้องใหม่ของไทยลีก 1 จริงๆ ถือว่าเป็นทีมในกลุ่มท็อปเท็นของไทยลีก 1 มาโดยตลอด แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือในปี 2562 สโมสรผลงานย่ำแย่เกินความคาดหมายจนต้องตกลงไปเล่นในไทยลีก 2

นี่คือสิ่งที่จะเขียนถึงในตอนนี้คือ “อะไรก็เป็นไปได้”

 

จากทีมเงินถุงเงินถัง มีนักเตะตัวดีๆ ทุ่มเทจ้างโค้ชและทีมงานมาทำทีม แต่กลับตกชั้นซะอย่างนั้น อะไรก็เป็นไปได้

ยังจำภาพความเศร้าของนักเตะและแฟนบอลของสโมสรในแมตช์สุดท้ายของการแข่งที่ต้องพบกับทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ต้องการผลแค่เสมอก็ทำให้ยังคงอยู่ในลีกได้ แต่กลับแพ้ด้วยสกอร์ 1-2 จนทำให้ต้องตกชั้นอย่างเหลือเชื่อ

แต่ทุกอย่างต้องเดินต่อ เจ้าของทีม ทีมงาน และนักเตะไม่ถอดใจ กลับร่วมมือร่วมใจกันและประกาศว่าภายในปีเดียวจะกลับมาใหม่

และพวกเขาก็ทำได้ และกลับมาใหม่อย่างยิ่งใหญ่ด้วย ด้วยการคว้าแชมป์ประจำปีนี้ดังว่า และลุ้นว่าเป็นแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย

เหตุการณ์นี้เทียบเคียงกันได้กับสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้ว จากการไต่เต้าจากลีกรองของฟุตบอลอังกฤษ ขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 และในปีนั้นเองพวกเขาก็สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ นั่นคือการคว้าแชมป์มาครอง ทำให้แฟนบอลทั่วโลกรู้จักเมืองไทยมากขึ้นอีกโข เพราะเจ้าของสโมสรคือคิง เพาเวอร์ ของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ที่ตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่

ใครจะเชื่อว่าจากสโมสรเล็กๆ แบบเลสเตอร์ แต่ได้รับการจัดการอย่างดี ที่ไม่รวมถึงการใช้ไสยศาสตร์นิดๆ อย่างรดน้ำมนต์ที่เสาโกล สามารถทำให้พวกเขายืนผงาดครองแชมป์ของลีกสูงสุดในอังกฤษ จนสร้างความประหลาดใจอย่างมากมาแล้ว

นี่ไง “อะไรก็เป็นไปได้”

 

ตอนนั้นโค้ชคือ กาลาดิโอ รานีเอรี ชาวอิตาเลียน โด่งดังมาก เป็นที่รักใคร่ของสโมสรและแฟนบอลเลสเตอร์อย่างมาก

แต่เชื่อไหม ในปีถัดมาเลย โค้ชรานีเอรีนี้ กลับต้องถูกปลดหลังจากทำหน้าที่เลยครึ่งทางมาไม่มาก เพราะผลงานตกต่ำผิดคาด จากที่รัก กลายเป็นไม่พอใจ ขับไล่ จากที่ยิ้มหวาน กลายเป็นไม่มองหน้ากัน

และปีถัดมาจากที่เป็นแชมป์ เลสเตอร์ก็จบที่อันดับ 12

ซึ่งก็คล้ายๆ กับกรณีของสโมสรลิเวอร์พูลยามนี้ ที่อะไรก็เป็นไปได้

จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองในรอบ 30 ปีของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว มาฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นอย่างสวยหรู เก็บชัยชนะและแต้มนำลิ่วทีมอื่นๆ จนทุกคนคิดว่าลิเวอร์พูลอาจคว้าแชมป์สองปีติดกันก็เป็นได้ เพราะนึกไม่ออกเลยว่าใครจะหยุดยั้งความร้อนแรงของพวกเขาได้

ซึ่งตรงข้ามกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้รองแชมป์ปีที่แล้ว ที่แม้จะเป็นอีกทีมที่ทุกคนจัดให้เป็นคู่แข่งที่จะแย่งแชมป์จากลิเวอร์พูล กลับเปิดตัวในช่วงแรกๆ ทำผลงานย่ำแย่มากๆ จนทีมเคยอยู่อันดับท้ายๆ ของตาราง ในขณะที่ลิเวอร์พูลนำลิ่วๆ ลอยลมอยู่ข้างบน

หลายสื่อบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสร็จแน่แล้วปีนี้ เพราะทำอะไรก็ไม่ดีไปหมด แพ้แม้แต่ทีมเล็กๆ

แต่เวลาผ่านไป “อะไรก็เป็นไปได้”

ใครเป็นแฟนฟุตบอลคงจะทราบดี แม้จะเหลือเกมให้เตะอีก 6-7 เกม แต่แฟนบอลและนักข่าวทุกสำนักก็เชื่อแล้วว่าสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงคว้าถ้วยแชมป์ไปครองแน่ๆ เพราะคะแนนนำห่างทีมคู่แข่งหลายช่วงตัว และฟอร์มดีไม่มีตกเลย

ในขณะที่ลิเวอร์พูลเอง จะประคองให้จบในหกอันดับแรกยังต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก พร้อมกับแช่งให้ทีมคู่แข่งพลาดด้วยนะ อะไรมันจะยากเย็นไม่สมกับดีกรีแชมป์เก่าขนาดนั้น

ใช่ครับ “อะไรก็เป็นไปได้”

 

ย้อนไปเมื่อปี 2561 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในการแข่งขันกีฬาเบสบอล ระดับมัธยมปลาย ชิงแชมป์แห่งชาติ ภาคฤดูร้อน เมื่อทีมโนเนมอย่าง “คานาอาชิ โนเกียว” ซึ่งเป็นทีมจากโรงเรียนการศึกษาด้านการเกษตรในจังหวัดอาคิตะ สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับทีม “โอซาก้า โทอิน” โรงเรียนยักษ์ใหญ่ อดีตแชมป์ภาคฤดูร้อน 4 สมัย ที่ผู้เล่นตัวหลักหลายรายเป็นถึงตัวทีมชาติญี่ปุ่น

ถึงแม้สุดท้ายทีมคานาอาชิ โนเกียว จะได้แค่รองแชมป์ แต่การที่เริ่มต้นแบบติดลบ และสามารถโค่นทีมใหญ่ๆ ลงได้จนถึงได้เข้าชิง ก็นับว่ามาไกลกว่าที่คิดเหลือเกิน

ในรอบชิง ชาวเมืองต่างลงขันนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้ทีมของตนได้เดินทางมาแข่งขัน แถมสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ ยังเอื้อชาวเมืองให้ได้เดินทางมาเชียร์ทีมรัก ด้วยการจัดเครื่องบินพิเศษบินตรงสู่สนามโคชิเอ็ง สังเวียนแข่งขันอีกด้วย

อะไรก็เป็นไปได้จริงๆ

 

เหมือนที่ใครเลยจะคิดว่า ในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อ 5 ปีก่อน ที่นางฮิลลารี คลินตัน นอนมาจากการสำรวจของโพลต่างๆ เตรียมฉลองชัยให้กับการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ถูกโดนัลด์ ทรัมป์ เอาชนะไปได้ในโค้งสุดท้ายแบบหักปากกาเซียน

หรืออย่างในประเทศไทยแลนด์แดนสยามของเราเองก็ใช่เล่น ผู้ที่ไม่เคยสัมผัสเส้นทางการเมืองมาเลยอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะใช้เวลาแค่ 49 วันในการหาเสียงก็สามารถก้าวสู่ผู้นำตึกไทยคู่ฟ้าได้

และในประเทศเพื่อนบ้านยามนี้ ที่จู่ๆ นางออน ซาน ซูจี ที่เคยนั่งเป็นผู้นำกำหนดบทบาทของรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง อยู่ดีๆ ก็ถูกกระชากลงจากตำแหน่งด้วยข้อหาสารพันที่รัฐบาลทหารได้กล่าวหาเธอ จากที่มีอำนาจ ก็หมดอำนาจโดยสิ้นเชิง และตกเป็นผู้ต้องหาหลากหลายคดีอีกด้วย

อะไรก็เป็นไปได้

 

จึงสอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาที่บอกว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ฉะนั้น อย่าไปยึดติดกับอะไร

จากต่ำสุดก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดมาแล้ว และที่นั่งสูงๆ อยู่วันนี้ พรุ่งนี้อาจตกลงมาคอพับคออ่อนอยู่ที่พื้นก็ได้

ทุกอย่างเป็นไปได้ ฉะนั้น อย่าประมาท และยึดติดกับตัวเองมากเกินไป ให้เปิดใจฟังเสียงคนอื่นให้มากๆ จะได้มีสติไตร่ตรอง และลุกขึ้นทำในสิ่งที่ควร

เพราะอะไรน่ะหรือ ก็อย่างที่บอก

“อะไรก็เป็นไปได้” นะโยม