ย้อนเหตุการณ์ ตร.คุกคามดาราสาว ? อ้างงานหนัก-จนเบลอ วอนสังคมช่วยตัดสิน

ดาราสาวเล่านาทีระทึกตร.ตามเข้าห้องน้ำปั๊มอ้างงานหนัก-จนเบลอวอนสังคมช่วยตัดสิน

เป็นช่วงขาลงอย่างชัดเจน สำหรับภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจไทย

ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันจนเป็นที่แพร่โควิดระลอก 2

การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่ถูกนำไปเป็นข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในกรณีตั๋วตำรวจ หรือตั๋วช้าง

มาจนถึงการทำหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมของประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่มีการตั้งคำถามถึงการใช้ความรุนแรง ทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง

เรื่องทั้งหมดที่ยังไม่สามารถชี้แจงให้สังคมเข้าใจได้

ก็มาเกิดข้อครหาอีกอย่างในเรื่องการถ้ำมอง หรือแอบถ่ายคลิปไม่เหมาะสม โดยมีผู้เสียหายเป็นดาราสาว ซึ่งได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

แต่สุดท้ายเรื่องราวก็เงียบหาย จนต้องออกมาประกาศผ่านโลกโซเชียล

เท่านั้นคดีก็มีความคืบหน้า ก่อนสรุปว่าเป็นเรื่องที่ตำรวจผู้ต้องสงสัยเบลอ นอนน้อย ไม่ได้ตั้งใจ

จนดาราสาวต้องถอนแจ้งความ แต่ก็ยังติดใจ และขอให้สังคมตัดสินแทน

แม้จะไม่เป็นคดีความ แต่ส่งผลกระทบต่อเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้!??

ดาราโวย ตร.ตามเข้าห้องน้ำ

เหตุการณ์อื้อฉาวครั้งนี้เป็นที่รับรู้ในสังคมเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อดารานักแสดงสาว หมิว-สิริลภัส กองตระการ โพสต์เฟซบุ๊กเตือนภัยถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ตัวเองเกือบตกเป็นเหยื่อ โดยเป็นเหตุการณ์เมื่อกลางดึกวันที่ 6 มีนาคม ขณะที่นักแสดงสาวแวะจอดปั๊มน้ำมัน ย่านพหลโยธิน เพื่อแวะเข้าห้องน้ำ ริมถนนรัชดาภิเษก แต่กลับถูกชายฉกรรจ์บุกตามเข้าไป

โดยหมิว สิริลภัส เล่าเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนไปส่งเพื่อนที่ลาดพร้าวซอย 8 และจะไปคุยเรื่องเพลงที่ซอยรัชดาฯ 32 ระหว่างทางประมาณ 23.30 น. ตนแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งระหว่างจอดรถก็รู้สึกกังวลว่าจะไม่ปลอดภัย

เมื่อเดินเข้าห้องน้ำรู้สึกว่ามีคนตามเข้ามา จึงยืนสังเกตห้องข้างๆ ก็เห็นว่ามีคนเข้ามา แต่ไม่ปิดประตู จากนั้นเห็นชายคนหนึ่งออกมา ในมือถือโทรศัพท์มือถือ จึงถ่ายวิดีโอไว้ โดยบันทึกภาพชายคนดังกล่าวเดินออกมา เมื่อถามว่าเข้าไปห้องน้ำหญิงทำไม ก็บอกว่าไม่มีอะไร พอถามมากเข้าก็รีบขับรถที่คล้ายรถตำรวจออกไป

จึงไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.พหลโยธิน ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม แต่ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงจำเป็นต้องนำมาโพสต์ในโลกออนไลน์ ให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ

หลังจากการโพสต์ข้อความดังกล่าว วันรุ่งขึ้น 20 มีนาคม ก็มีความคืบหน้าทันที โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังจากเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 มีนาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถพิสูจน์ทราบรถยนต์และผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวแล้ว พบเป็นตำรวจสังกัด บช.น.

อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนเรียกตัวตำรวจนายดังกล่าวมาสอบปากคำ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยต้นสังกัดได้มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว

ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ ส.ต.ท. ซึ่งเป็น ผบ.หมู่จราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ คู่กรณีของดาราสาว เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา

ซึ่งเจ้าตัวให้การยอมรับว่าได้เข้าไปในห้องน้ำจริง แต่อ้างว่าเป็นเพราะรีบไปเข้าห้องน้ำ ไม่ทันสังเกตเป็นห้องน้ำหญิงหรือชาย ไม่มีเจตนาจะถ่ายภาพดาราสาว หลังเกิดเหตุก็รีบกลับออกมาทันที

โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ผลรายงานการตรวจสอบภาพในโทรศัพท์มือถือของตำรวจคนดังกล่าว และยังไม่ได้สอบปากคำผู้เสียหาย จึงยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ ส.ต.ท.นายนี้

ใช้เวลาทำคดีกว่า 2 สัปดาห์ถึงมีความคืบหน้า!??

แจงวุ่น-เบลอจากการทำงาน

ด้านนักแสดงสาว หมิว สิริลภัส ก็เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมคราฟต์แมน แบงคอก โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ไปส่งเพื่อนที่ลาดพร้าวซอย 8 และกำลังไปคุยเรื่องเพลงต่อ ก่อนแวะปั๊มเข้าห้องน้ำ โดยวันนั้นมีชุมนุมทางการเมือง ด้วยต้องเดินทางคนเดียว จึงระวังตัวมากขึ้น

เมื่อเข้ามาในปั๊ม ตอนจอดรถเห็นอีกคันจอดข้างๆ ซึ่งเราก็ระวังตัว ก่อนหยิบมีดปอกผลไม้และมือถือไปเข้าห้องน้ำ ตอนเราเดินเข้าไป ได้ยินเสียงอีกคนเข้าห้องน้ำตามมา จึงยืนบนชักโครกขึ้นมาดูห้องข้างๆ พบว่าประตูห้องน้ำข้างๆ ไม่ล็อกและเสียงเงียบ ไม่ได้เตรียมทำธุระส่วนตัวหรืออะไร ทำให้พบถึงความผิดปกติ แต่ก็ไม่กล้าไปดู

ก่อนมีจังหวะที่อีกฝ่ายมองขึ้นมาพบเป็นชายหัวเกรียนและเป็นไปตามคลิป เขาก็รีบออกจากห้องน้ำไป เราก็ถามว่าเข้าห้องน้ำหญิงมาทำไม แถมยังถือโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่ยังไม่ได้ถ่าย ถ้าจะถามมีคลิปหรือไม่ คงไม่มีแน่นอน ต่อมาชายคนดังกล่าวขึ้นรถตำรวจ ทำให้งงว่าคืออะไร เพราะเป็นการคุกคามทางเพศ จะบอกว่าเข้าห้องผิด ห้องน้ำมีป้ายชัดเจนเป็นห้องน้ำหญิงและชาย ทางเข้าคนละทางกัน ช่วงนั้นก็มีไฟสว่าง อ้างได้ไงว่าไม่ได้ดูป้าย

“อยากถามว่าถ้าเราเข้าห้องน้ำผิด ออกมาเจอก็คงต้องขอโทษและอธิบาย แต่อีกฝ่ายปฏิเสธว่าไม่มีอะไรและมีเจตนาบริสุทธิ์ นอกจากนี้ เมื่อเข้าห้องน้ำไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำธุระส่วนตัวอะไรด้วย เหตุการณ์นี้เป็นการคุกคามและละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือไม่ ต้องไปถามอีกฝ่าย เราไม่อยากตีความอะไร ก่อนหน้านี้เคยเจอแค่คุกคามในเน็ต แต่ไม่เคยเจอมาติดตามแบบนี้”

หมิวระบุเสียงสั่นว่า เรื่องนี้ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ เรื่องก็เงียบ จนกระทั่งเราโพสต์และเป็นข่าว เรื่องถึงคืบหน้า อยากให้ประชาชนช่วยติดตามเรื่องนี้ เราแค่อยากได้ความปลอดภัย หน้าที่ของตำรวจคืออะไร ไม่ใช่ดูแลประชาชนหรือ และตอนนี้เราถูกคุกคามจากอาชีพที่ควรได้รับความวางใจและดูแล แต่กลับมาคุกคามประชาชน แล้วเราจะไว้ใจใครได้อีก เมื่อตำรวจมาทำเสียเอง

เชื่อตำรวจหลายนายต้องการให้ความยุติธรรม โดยอยากให้เกิดขึ้น เพราะความเชื่อมั่นและเชื่อใจของตำรวจและประชาชนเริ่มห่างกัน

 

เป็นความในใจที่อยากให้ตำรวจรับทราบ

ถอนแจ้งความ-ให้สังคมตัดสิน

หลังจากแถลงข่าว น.ส.สิริลภัส หรือหมิว เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค ผกก.สน.พหลโยธิน เพื่อสอบปากคำ กรณีถูก ส.ต.ท.ศวัสกร หนูรี ผบ.หมู่จราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ ตามเข้าห้องน้ำ จนเป็นประเด็นในสังคม โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นทั้งคู่เดินออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณด้านหน้า สน.พหลโยธิน

โดย ส.ต.ท.ศวัสกรยกมือไหว้ดาราสาว พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันดังกล่าว สืบเนื่องจากตนทำงานหนัก เข้าเวรงานจราจรตั้งแต่เช้ามืดตี 5 และเลิกงานในเวลา 23.00 น. ขณะนั้นกำลังจะไปรับเพื่อนในย่านพหลโยธิน จึงจอดพักอยู่ที่สโมสรตำรวจ ก่อนจะขับรถมาตาม ถ.รัชดาภิเษก กระทั่งเกิดปวดท้องกะทันหัน จึงแวะเข้าปั๊มน้ำมันดังกล่าว ก่อนจะลงไปทำธุระ

ด้วยความที่พักผ่อนน้อย จึงมีอาการเบลอ เข้าห้องน้ำผิด จนกระทั่งเจอ น.ส.สิริลภัสร้องโวยวาย จึงรีบวิ่งหนีออกมาขึ้นรถขับออกไป ยอมรับว่าขณะนั้นตกใจมาก จึงไม่ได้อยู่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ น.ส.สิริลภัสทราบ ยืนยันไม่ได้ติดตามมาจากที่ใด และไม่ได้ใช้โทรศัพท์แอบถ่าย

ด้านดาราสาวเผยยังคาใจเพราะทำไมคนปวดท้องถึงไม่รีบเข้าห้องน้ำทำธุระ ยอมรับว่าอาจเป็นไปได้ที่ ส.ต.ท.จะพักผ่อนน้อยเนื่องจากทำงานหนัก แต่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด ต้องรอผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากตำรวจอีกครั้ง เพื่อคลายข้อสงสัย

ทั้งนี้ เมื่อได้ดูกล้องวงจรปิด ก็พบว่ารถเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจอดคนละเวลากัน รถที่จอดคันข้างๆ ไม่ใช่ระยะเวลาที่ตนจอดตรงร้านกาแฟ และระยะเวลาที่เขามาจอดหน้าห้องน้ำ เป็นคนละเวลากัน จอดคนละที่กัน ก็หายสงสัยว่าไม่ได้มีการตามมาจากที่ไหน

ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชคระบุว่า ไม่พบว่ามีพฤติการณ์ยกมือถือขึ้นมาถ่ายหรือชะโงกหน้ามาดูห้องน้ำ จึงไม่สามารถเอาผิดโทษอนาจารได้

“ถ้ามองในมุมของหมิว หมิวไม่สามารถดำเนินคดีอาญากับเขาได้ เพราะว่าด้วยหลักฐานมันถึงทางตันแล้ว หมิวอยากให้สังคมตัดสินต่อไปแล้วกัน ไม่อยากปักธงว่าอย่าไปตัดสินใครทั้งสิ้น แต่หมิวก็อยากให้สังคมเอาหลักฐานที่เผยแพร่ออกไป แล้วลองชั่งน้ำหนักดู แต่ละคนน่าจะมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ ว่าเชื่อทางไหน”

ยุติลงโดยไม่เป็นคดีความ แต่ในเรื่องความรู้สึกของสังคม เป็นอีกเรื่องหนึ่งจริงๆ