ประสบการณ์ กับ คุณคลับเฮาส์ : ธงทอง จันทรางศุ

ธงทอง จันทรางศุ

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง

ธงทอง จันทรางศุ

 

คุณคลับเฮาส์

 

ผมเป็นคนไม่ยอมตกยุคกับใครง่ายๆ เรียกว่าถึงแก่แล้วแต่หัวใจยังมีไฟลุกโชนก็ว่าได้

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ที่ไหนเลยจะพลาดไปจากการสมัครเข้าไปเล่นในแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Clubhouse ได้เล่า

ใครเลยจะนึกว่าโทรศัพท์ที่ตอนแรกกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ทำให้คนอยู่ห่างกันโดยระยะทางหลายโยชน์สามารถพูดจาส่งเสียงสื่อสารถึงกันได้ แค่นั้นก็มหัศจรรย์พันลึกแล้ว

มาถึงทุกวันนี้โทรศัพท์สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกหลายร้อยเท่าพันทวี

จนสำหรับคนรุ่นใหม่ โทรศัพท์ได้กลายเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายหมายเลขที่ 33 ไปเสียแล้ว

เมื่อหลายปีก่อน โทรศัพท์มือถือเพิ่งโผล่เข้ามาชีวิตของผมใหม่ๆ ตอนนั้นผมก็ตื่นเต้นมากแล้ว ผมพยายามจดๆ จ้องๆ ทำความรู้จักโทรศัพท์มือถือแบบมิตรสหายที่เสมอบ่าเสมอไหล่กัน ไม่มีใครเป็นเบี้ยล่างใคร

แต่แล้วในที่สุดผมก็พลาดท่าและตกเป็นทาสของมันเข้าจนได้

ทุกวันนี้ ถ้าวันไหนออกจากบ้านโดยลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านแล้วก็เป็นอันว่า หายใจไม่ทั่วท้องไปทั้งวัน เพราะมัวแต่กังวลว่าแล้วจะติดต่อกับผู้คนทั้งหลายได้อย่างไร จะมีธุระร้อนที่ตกหล่นไปหรือไม่

คิดฟุ้งซ่านไปสารพัดล่ะครับ

 

จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนสองเดือนมานี้ ใครต่อใครพูดถึงแอพพลิเคชั่นที่มีใหม่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ ดังที่ผมออกชื่อไปแล้วข้างต้น รู้สึกได้ทีเดียวว่าใครต่อใครที่อยู่รอบตัวผมต่างเห่อของเล่นชิ้นใหม่นี้เป็นอย่างยิ่ง

เป็นแบบนี้แล้วคนอย่างผมจะอยู่นิ่งได้หรือ เราต้องมีของเล่นแบบนี้บ้างสิน่า

ว่าแล้วก็เรียกลูกศิษย์ที่อยู่บ้านใกล้มาช่วยอำนวยการจัดการให้ที เพราะตัวเองไม่มีปัญญาจะกดปุ่มโน้นปุ่มนี้ได้เป็นผลสำเร็จแน่

คุณลูกศิษย์ที่ว่ามากดปุ่มต่างๆ ในโทรศัพท์ของผมครู่หนึ่งแล้ว ก็ทำหน้าสลดสังเวชบอกผมว่า โทรศัพท์ของอาจารย์เก่าเกินไปเสียแล้ว ไม่สามารถจะเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นที่ว่านี้ได้

เราจะยอมแพ้เรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้

อีกสองวันหลังจากนั้นผมก็ไปที่ห้างใหญ่เพื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในราคาผ่อนส่ง 10 เดือนไม่เสียดอกเบี้ยมาใช้งาน

เด็กๆ ที่อ่านข้อความตอนนี้แล้วอย่ามาเลียนแบบผู้ใหญ่นิสัยเสียแบบผมนะครับ

 

เจ้าระบบที่ว่านี้เล่นเนื้อเล่นตัวพอสมควร เพราะไม่ใช่ว่าเราจะสมัครเองได้โดยลำพัง หากแต่จะต้องมีสมาชิกเก่าเป็นผู้เชื้อเชิญให้เราเข้าไปอยู่ในระบบ

ข้อนี้ไม่ยากครับ มีคนอาสาทำให้ผมหลายราย และแล้วผมก็ได้เข้าไปอยู่ในระบบโดยใช้ชื่อจริงและรูปจริงของตัวเองเป็นเครื่องหมายการค้าสำคัญ

พอทำดังที่ว่านี้สำเร็จเรียบร้อย ผมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคลับเฮาส์ไปแล้ว

สองวันแรกนี่ผมยังไม่พูดจาหืออืออะไรกับใคร ได้แต่เพียงเข้าไปสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

พอดีช่วงนั้น “คุณโทนี่” ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเข้ามาปรากฏตัวในคลับเฮาส์เป็นครั้งแรก ผมไม่ได้ฟังเองหรอกครับ แค่ที่มีคนบอกเล่าให้ฟังก็ตื่นเต้นมีสีสันมากแล้ว

ทำให้ผมพอจะอนุมานได้ว่า เมื่อเราเข้าไปอยู่ในแวดวงเป็นคนที่พูดอภิปราย และใครต่อใครเขาเห็นอยู่บนจอว่าเราปรากฏตัวอยู่ในหัวข้อสนทนาเรื่องนั้นแล้ว ใช่ว่าเราจะพูดได้ตามใจเราฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่ เพราะอาจมีคนถามเรื่องที่เราไม่อยากพูดหรือไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แล้วในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อแบบนั้นเราจะทำอะไรได้บ้าง

ได้ยินว่าหลายคำถามคุณโทนี่ก็อึ้งไปเหมือนกัน

 

หลังจากสอดส่องดูลาดเลามาได้พอสมควร ผมก็ลองเชิงโดยตรวจดูหัวข้อที่ปรากฏอยู่ในคลับเฮาส์ค่ำวันหนึ่งว่ามีอะไรที่พอจะเข้าไปฟังหรือเข้าไปพูดได้บ้าง พอดีเชียวครับที่วันนั้นมีหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องการประกอบวิชาชีพกฎหมายในยุคปัจจุบัน ซึ่งวิทยากรที่พูดคุยกันอยู่มีหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ผู้พิพากษา อัยการ นิติกร นักกฎหมายกฤษฎีกา ทนายความในสำนักงานกฎหมายระดับนานาชาติ ทนายความตามบริษัท รวมทั้งอาชีพเงินเดือนน้อยน่าสงสาร เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย

หัวข้อแบบนี้รวมทั้งหน้าตาคนพูดคนฟังที่ปรากฏอยู่บนจอโทรศัพท์น่าจะปลอดภัยสำหรับผม ว่าแล้วผมก็กดปุ่มพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงสนทนาของหัวข้อนี้ทันที

ฟังเขาพูดกันไปสักพัก ผมเกิดคันปากขึ้นมา จึงกดปุ่มยกมือขอพูดเสริมประเด็นบางประเด็นบ้าง

ผู้ดำเนินการหลักเขาก็ดีใจหาย และอนุญาตให้ผมพูดเสริมความได้ตามที่ตั้งใจ เราแก่แล้วพูดสักห้านาทีก็เหลือเฟือครับ พูดนานไปคนจะเบื่อเสียเปล่าๆ

วงสนทนาวันนั้นประกาศตั้งแต่ต้นว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่สองทุ่มครึ่งจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาพอเหมาะดีมากสำหรับผมเพราะกินข้าวเย็นอิ่มแล้ว จะเป็นเวลาว่างก่อนจะเข้านอน

ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราพูด เราก็นั่งฟังอยู่เฉยๆ

 

ฟังแล้วก็ได้ความรู้หรือประสบการณ์ดีมากครับ เพราะใช่ว่าผมจะไปรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวิชาชีพกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคสมัยที่ผมเพิ่งเรียนจบเป็นอันมาก การได้ฟังข้อมูลและประสบการณ์ตรงจากคนที่ทำมาหากินในวิชาชีพกฎหมายแขนงต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก

เช่น การทำงานเป็น Lawyer หรือทนายความประจำสำนักงานกฎหมายระดับนานาชาติที่เล่าลือกันว่าทำงานหนักหักโหม จริงหรือไม่จริงเพียงใดนั้น

ค่ำวันนั้นก็ได้ยินจากปากเจ้าตัวผู้มีประสบการณ์ตรงว่า ที่พูดกันเป็นภาษาอังกฤษว่าทำงานตั้งแต่ Nine to Five ซึ่งแปลเป็นไทยตรงไปตรงมาว่า ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็นนั้น

ตามความเป็นจริงในสำนักงาน หมายความว่าทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึงตีห้าของเช้าวันรุ่งขึ้น

คุณพระคุณเจ้า!

 

ขณะที่ผมกำลังฟังรายการดังกล่าวเพลิดเพลินใจอยู่นั่นเอง มีคุณสมาชิกในวงสนทนาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ยกมือขอพูดบ้าง

แน่นอนว่าผู้ดำเนินรายการหลักย่อมอนุญาตให้พูดได้ตามปกติ

คุณคนที่ว่า ตั้งคำถามว่า อาชีพนักกฎหมายทั้งหลายก็พูดกันมามากแล้ว อยากรู้ว่า “เนติบริกร” นั้น ต้องสมัครกันที่ไหนและต้องทำอย่างไรบ้าง แถมยังออกชื่อเนติบริกรตามความเห็นของผู้พูดมาด้วยสองสามราย

ผมซึ่งนอนฟังอยู่บนเตียงกำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว ตาโตเป็นไข่ห่านขึ้นมาเลยทีเดียว

คุณผู้ดำเนินรายการหลักได้สติก่อนผม และอธิบายด้วยความนุ่มนวลว่า การสนทนาของเราค่ำวันนี้พูดถึงอาชีพนักกฎหมายที่เป็นกระแสหลักต่างๆ เช่น ผู้พิพากษา อัยการหรือทนายความ เรื่องที่ถามมานั้นเห็นจะต้องไว้คุยกันในหัวข้ออื่นนะคะ

เรื่องก็เลยสงบเรียบร้อยกันลงไป

 

นี่เป็นตัวอย่างที่ได้ยินด้วยประสบการณ์ตรงว่า ในคลับเฮาส์นั้น คนที่ยกมือพูดมาจากสารพัดทิศและสารพัดความเห็น ผู้ดำเนินรายการหลักต้องคุมเกมอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องใจกว้างพอที่จะเปิดโอกาสให้คนที่ยกมือพูดได้แสดงความเห็นตามสมควรด้วย

ประสบการณ์อีกครั้งหนึ่งของผมในคลับเฮาส์ ไม่ใช่อื่นไกลเลยครับ มติชนนี่แหละมาชวนผมพูดคุยในหัวข้อประมาณว่า ชิม ช้อป เมาธ์ ย่านเก่า เล่าพระนคร และยกฐานะให้ผมเป็นวิทยากรคนหนึ่งประจำหัวข้อ คู่กันกับอาจารย์ประภัสสร์ ชูวิเชียร ที่มาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร

รายการคุยกันวันนั้นเริ่มตั้งแต่สามทุ่ม และพยายามจะจบลงให้ได้ตอนห้าทุ่ม แต่กว่าจะขมวดจบได้จริงก็ห้าทุ่มครึ่งพอดี

หัวข้อแบบนี้ไม่มีอันตรายครับ ประเมินเหตุการณ์แล้วน่าจะยากมากที่จะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าจับเวลาดูแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งที่พูดกันถึงเรื่องอาหารการกิน เข้าร้านโน้นออกร้านนี้จ้าละหวั่นไปหมด

รายงานข่าวจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติแจ้งว่า มื้อกลางวันและมื้อเย็นวันรุ่งขึ้น ร้านอาหารใหญ่น้อยที่ถูกพูดจาพาดพิงถึงในรายการของเรา ขายดิบขายดีไปตามๆ กัน

 

ทุกวันนี้ผมก็แวะเวียนเข้าไปดูหัวข้อที่สนทนาพูดคุยกันในคลับเฮาส์อยู่แทบทุกวัน แต่ไม่ค่อยกล้ากดเข้าไปฟังเนื้อหาจริงๆ หรอกครับ เพราะนึกเองเออเองว่า ถ้าใครเขาเห็นว่าผมฟังการสนทนาเรื่องนั้นๆ อยู่ บางหัวข้อก็ล่อแหลมแล้วที่คนรู้ว่าผมสนใจฟัง แถมบางหัวข้อเขาเลยจะออกปากให้ผมพูดบ้างน่ะสิ เรื่องมันจะไปกันใหญ่

คนที่อยู่มานานและมีคนรู้จักมากอย่างผมนี้ ชีวิตไม่ง่ายนะครับ

บางอารมณ์เราอยากจะฟังให้มาก ได้ยินให้หลากหลาย เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับนึกตรึกตรอง โดยไม่จำเป็นต้องถูกเรียกร้องหรือบังคับให้พูด

สงสารผมเถิดนะครับ คุณคลับเฮาส์