‘บิ๊กโจ๊ก’ นั่งที่ปรึกษา สบ9 คุมยุทธศาสตร์ชาติ คืนเส้นทางดาวรุ่ง ตร. / โล่เงิน

โล่เงิน

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ นั่งที่ปรึกษา สบ9

คุมยุทธศาสตร์ชาติ

คืนเส้นทางดาวรุ่ง ตร.

 

สัปดาห์นี้วงการสีกากีต่างจับตาการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 4/2564 วันที่ 17 มีนาคม มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน

วาระสำคัญคือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพลตำรวจยศ พล.ต.ต.ขึ้นไป จำนวน 3 กลุ่ม

ได้แก่ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. (ยศ พล.ต.อ. เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.) แต่งตั้งจากผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ครองตำแหน่งครบ 1 ปี จะเกษียณอายุราชการในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือสิ้นปีงบประมาณ 2564 จำนวน 7 ตำแหน่ง

ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. (ยศ พล.ต.ท.เทียบเท่า ผบช.) แต่งตั้งจากรอง ผบช.ที่ครองตำแหน่งครบ 1 ปี จะเกษียณในสิ้นปีงบประมาณ 2564 หรือสิ้นเดือนกันยายน 2564 จำนวน 16 ตำแหน่ง

และตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. (ยศ พล.ต.ต.เทียบเท่า ผบก.) แต่งตั้งจากรอง ผบก.ที่ครองตำแหน่งครบ 5 ปี จะเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ 2564 จำนวน 30 ตำแหน่ง

โดยการแต่งตั้ง “ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.” “ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร.” “ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร.” เป็นการแต่งตั้งผู้ที่ครบวาระเกษียณราชการเพื่อปูนบำเหน็จเลื่อนสูงขึ้นก่อนเกษียณราชการ

สำหรับผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ได้นั่งตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ติดยศ พล.ต.อ. ได้แก่ พล.ต.ท.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์, พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ, พล.ต.ท.อดิศร์ งามจิตสุขศรี, พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ, พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี, พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข และ พล.ต.ท.สุรพล อยู่นุช

ส่งผลให้เก้าอี้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ว่างลงถึง 7 ตำแหน่ง และคาดว่าจะมีการแต่งตั้งตัวบุคคลทดแทนตำแหน่งว่าง ในวาระเดือนตุลาคม 2564

 

สําหรับการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ ยังมีวาระที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ “ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ9)” เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร. ทำหน้าที่ขับเคลื่อนงานด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ที่ได้ขออนุมัติ ก.ตร. เปิดไว้รองรับการกลับมาเป็นตำรวจของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล

เมื่อครั้งการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 3/2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ชี้แจงการกำหนดตำแหน่งดังกล่าวขึ้นมาว่า เป็นนโยบายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมองว่าจำเป็นต้องมีตำแหน่งนี้ สำหรับการดูเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติมา ตรงนี้ ตร.มองว่าต้องมีใครสักคนทำหน้าที่ดูเรื่องยุทธศาสตร์ ศึกษา และให้คำปรึกษา จึงกำหนดตำแหน่งดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว

ในที่สุด ก.ตร.นัด 17 มีนาคม แต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล นั่งตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ9) ไม่พลิกโผ

ใช้เวลาเพียง 12 วัน นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีมีหนังสือส่งตัวกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นขั้นตอนปกติตามกฎหมาย ช่วงที่ผ่านมาก็มีลักษณะแบบนี้ อย่าให้เป็นประเด็นเลย เรื่องตำแหน่งที่เปิดมาให้ เนื่องจากให้ความสำคัญเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ตำรวจ และการปฏิรูปตำรวจ การเปิดตำแหน่งมาเพื่อจะทำตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีขั้นตอนการสอบสวน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ต่อหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ยังไม่ได้พูดถึงตรงนี้

ด้าน ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นการรับโอนข้าราชการพลเรือนมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา สบ9 ทำหน้าที่ตามที่ ก.ตร.ให้ความเห็นชอบไว้ เป็นที่ปรึกษาให้กับ ผบ.ตร.ในเรื่องยุทธศาสตร์ และปฏิบัติหน้าที่ตามมอบหมายเป็นเรื่องๆ ตอนนี้คงต้องทำงานที่ปรึกษาสักระยะหนึ่งก่อน

จึงเป็นที่น่าจับตาเส้นทางชีวิตของบิ๊กโจ๊กหลังคืนถิ่นสีกากี แบบไร้อุปสรรคขวากหนาม

มีกระแสคาดการณ์ถึงขนาดว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์อาจติดเทอร์โบขึ้นรอง ผบ.ตร. ทันทีในการแต่งตั้ง ผบก.-รอง ผบ.ตร. วาระ 2564

โดยมีตำแหน่งว่างจาก พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. จ่อคิวเกษียณกันยายนนี้

 

ทั้งนี้ เมื่อเปิดกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 หมวด 2 หลักเกณฑ์การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ส่วนที่ 1 การคัดเลือกหรือแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ข้อ 16 การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตั้งแต่ระดับจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึงระดับสารวัตร ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาจากคุณสมบัติ ดังนี้

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร. ขณะยศ พล.ต.ท. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปี

จึงถือว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ยังไม่ครบหลักเกณฑ์ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค เพราะที่ผ่านมาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีการยกเว้นหลักเกณฑ์ให้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ความสามารถมาแล้วหลายครั้ง

หากเดือนตุลาคม บิ๊กโจ๊กได้นั่งเก้าอี้รอง ผบ.ตร. ติดยศ พล.ต.อ. มีสิทธิ์ลุ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ต่อจากบิ๊กปั๊ด ที่จะเกษียณปี 2565 ทันที ด้วยยังเหลืออายุราชการถึง 10 ปี

ถือเป็นนายพลที่อายุน้อย ที่ไปถึงปลายยอดสุดขององค์กร และเมื่อโอกาสมาวางอยู่ตรงหน้า ก็ต้องย่อมคว้าไว้เป็นธรรมดา

 

ทว่าก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะยังมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่เกษียณพร้อมกันปี 2566 ทั้งคู่ถูกวางตัวมานาน ให้มานั่งเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์

รวมไปถึง พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณ 2566 และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณ 2567 ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะได้อัพขึ้นรอง ผบ.ตร.ในปีนี้ และมีโอกาสคว้าไม้ต่อจากบิ๊กปั๊ดเช่นกัน

ทั้งนี้เมื่อมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นตัวแปร อาจทำให้แคนดิเดตหลายคนต้องหืดขึ้นคอ เพราะนายพลหนุ่มดาวรุ่งกลับมาพุ่งแรงอีกครั้ง

จากแรงอธิษฐาน “ศัตรูที่คิดร้าย ขอให้แพ้ภัยไปในที่สุด และให้ข้าพเจ้ากลับมาเป็นข้าราชการตำรวจที่ยิ่งใหญ่ต่อไปโดยเร็วด้วยเทอญ…สาธุ” ที่วัดบึงกระดาน อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อกรกฎาคม 2563

หากเปรียบชีวิตนายพลหนุ่ม คงเหมือนแมว 9 ชีวิต แต่หนทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ขึ้นกับฝีมือ และโชคชะตา ฟ้าลิขิต