ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมไปเกี่ยวข้อง กับเรื่อง “เรือดำน้ำ” และ ฟุตบอล?

เรียกเขาว่า “พี่ดร” ตามประสาอาวุโสกว่า (เสียชีวิตแล้ว) แล้วก็เป็นนักศึกษาสถาบันเดียวกัน แต่เดินนำหน้าไปก่อนตามไม่ทัน แม้แต่เพียงแค่จะได้เห็นหลังไวๆ

ชื่อจริงท่านชื่อ อุดร ฐาปโนสถ เป็นคนเขียนหนังสือ และนักแปล ใช้นามปากกาว่า “คนเดิม” ในนิตยสาร “ลลนา” ยุคที่ (พี่แต๋ว) สุวรรณี สุคนธ์เที่ยง (สุคนธา) นักเขียนระดับฝีมือชาวศิลปากรผู้มีชื่อเสียง ที่จากไปในวัยยังไม่สมควร เป็นเจ้าของ และบรรณาธิการ

อาจเป็นเพียงเรื่องบอกกล่าวเล่าขานกันต่อๆ มา แต่มันเป็นเรื่องราวที่สังคมของคนสูงวัยแถวหน้าพระลานไม่เคยสลัดมันให้หายไปจากความทรงจำได้ จนกระทั่งได้พบเจอตัวจริงเมื่อท่านเดินทางกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทย หลังจากไปทำงานในสถานีวิทยุ “เสียงมอสโก” ภาคภาษาไทยของประเทศรัสเซีย เพราะเชี่ยวชาญเรื่องภาษา โดยเฉพาะกับภาษารัสเซีย

ในยุคสมัยของ (พี่ดร) อุดร ฐาปโนสถ กระแสเรื่องการปกครอง การเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ แรงมาก เป็นสิ่งที่น่ากลัว และต้องห้ามสำหรับบ้านเรา

ใครมีท่าทีว่าเอนเอียงไปฝักใฝ่ชอบพอลัทธิดังกล่าว แค่อยากรู้อยากเห็นเพื่อเป็นการศึกษาก็ไม่ได้ ถูกจับตามองจากทางการบ้านเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ตำรวจสันติบาล” ขณะนั้น

สำหรับประเทศซึ่งปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ อย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่า “จีนคอมมิวนิสต์” สหภาพโซเวียต-รัสเซีย (ก่อนล่มสลาย) เป็นแผ่นดินที่ต้องห้ามสำหรับคนไทย ปัญญาชนคนไทยทั้งหลายก็ยังไม่วายที่จะแอบเดินทางไปกันเสมอๆ

ปรากฏว่าเมื่อเดินทางกลับมาก็จะต้องถูกควบคุมตัวไปคุมขังเพื่อทำการสอบสวน

นักการเมือง นักหนังสือพิมพ์อาวุโสทั้งหลายล้วนผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวกันมามากมาย ไม่เว้นกระทั่งนักการทูต และแม้แต่ในรัฐบาลของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 13, พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ รวมทั้งข้าราชการะดับปลัดกระทรวง ซึ่งตัดสินใจเดินไปเปิดสัมพันธไมตรีกับจีนแผ่นดินใหญ่

หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ใช้ลีลาวาจาทางการทูตพูดจาจนเป็นที่ชอบอกชอบใจของผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านประธาน เหมา เจ๋อ ตุง ทำให้ท่านเมตตาจนสามารถแก้ปัญหาเรื่องพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย อันเป็นเรื่องหนักอกหนักใจของประเทศไปได้ในระดับหนึ่ง แต่เหตุการณ์ปี พ.ศ.2518 ครั้งกระนั้นได้กลับตาลปัตร หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กับคณะของท่านที่เดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นิยมการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์

พี่ (ดร) อุดร ฐาปโนสถ ศิษย์รุ่นพี่ของชาวศิลปากร เดินทางไปทำงานยังประเทศรัสเซียเพราะรู้เรื่องราวภาษาเป็นอย่างดี ส่วนท่านจะนิยมชมชอบลัทธิคอมมิวนิสต์หรือไม่ ไม่มีใครไปผ่าหัวใจของท่านออกมาพิสูจน์ แต่เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทยพร้อมครอบครัวก็เห็นท่านเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวตัวเป็นเกลียว หนำซ้ำไม่เคยจะเอ่ยเอื้อนเรื่องการเมืองมากไปกว่าเรื่องตลกเฮฮา

นอกจากสถานที่ทำงาน เช่น กองบรรณาธิการหนังสือ “ลลนา” ร้าน “มิ่งหลี” หน้าพระลาน รวมทั้งที่บ้านพักของครอบครัวของ (พี่แต๋ว) อาจารย์สุวรรณี สุคนธ์เที่ยง (สุคนธา) เท่านั้นที่มักจะได้พบกันเป็นประจำ นอกจากนั้นก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขา อาจเป็นเพราะต่างวัยจนเรียนไม่ทันกันจึงไม่ค่อยจะคุ้นเคย

อยู่มาวันหนึ่ง (หลายสิบปีมาแล้ว) ท่านมาบอกพวกเราว่าสันติบาลเชิญตัวไปคุยทำท่าสอบถามสืบสวนสารพัดเรื่อง ไต่ถามประวัติมากมาย

สุดท้ายถามข่าวแปลกประหลาดฟังแล้วเครียดจนน่าตกใจว่า “ได้ข่าวว่ารัสเซียส่งเรือดำน้ำเข้ามาในน่านน้ำไทยใช่ไหม? ตอนนี้อยู่ที่ไหนคุณรู้หรือไม่?”

ทั้งวงสุราถามกลับไปแทบจะพร้อมกันว่า “แล้วพี่ตอบเขาว่ายังไงล่ะ?”

แทนที่พี่ดรจะตกอกตกใจ หรือวิตกกังวล กลับหันไปคว้าแก้วเหล้ายกขึ้นจิบสบายๆ ก่อนจะบอกว่า ผมบอกกับพวกเขาว่า “ไม่รู้เรื่องจริงๆ ไม่เคยได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย เขาก็ยังซักถามต่อไม่หยุด ผมก็เลยจนใจตอบกลับไปว่า– “เออ-ได้ข่าวว่าเอาไปจอดไว้ที่น้ำตกอะไรซักแห่งหนึ่งแถวจังหวัดเชียงใหม่ละกระมัง–แต่วันนี้ผมยังไม่ได้กลับเข้าบ้านอาจจะไปจอดอยู่ในชักโครกบ้านผมก็ได้”

(ฮาจริงๆ / ไม่รู้รอดพ้นของหนักมาได้ยังไง)

นึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านเลยเป็นทศวรรษนี้ขึ้นมาย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคงสืบเนื่องจากข่าวเรื่อง “กองทัพเรือ” จะซื้อ “เรือดำน้ำ” จากประเทศจีนถึง 3 ลำ ลำละ 12,000 ล้านบาท รวมกันก็เป็นเงินไม่มากมายเลยแค่ 36,000 ล้านบาทแค่นั้นเอง

อันที่จริงความพยายามจะจัดซื้อเรือดำน้ำนั้นมีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายรัฐบาล และผ่าน “ผู้บัญชาการทหารเรือ” มาหลายคนเต็มทีแล้ว ขณะเดียวกันก็มีแต่เสียงคัดค้านกันมากมายโดยทั่วไปบอกว่าประเทศนี้ยากจน น่านน้ำของเราไม่ได้ใหญ่โตกว้างยาวนัก ทุกวันนี้จะเอาเรือดำน้ำไปรบกับใครกัน ไม่ควรเอาเงินจำนวนมากไปทิ้งจมน้ำไว้

เรือดำน้ำเหล่านี้มันจะได้ทำงานอย่างคุ้มค่ากับเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลจริงๆ หรือ? ไม่ใช่เอามาดำกั๊กๆ โก้ๆ เท่ๆ เหมือนเป็นการประกาศศักดาเกทับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงเท่านั้นเอง หรือยังไง? ซื้อเพราะอะไร เอาเงินมาพัฒนาประเทศด้านอื่นก่อนจะดีกว่าไหม ถ้าถามว่าจังหวะมันพอดิบพอดีพอเหมาะเจาะที่จะจัดซื้อใน “รัฐบาลทหาร” ชุดนี้หรือไม่? มันก็ตอบยากพอๆ กับตอบง่ายว่า กับรัฐบาลที่ไม่มีฝ่ายค้านจะทำอะไรก็ย่อมทำได้อยู่แล้ว

แต่รัฐบาล “ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” มาจากการ “ยึดอำนาจ” นั้น บางทีก็ขัดกับกฎหมายประเทศในโลกประชาธิปไตย อย่างน้อยก็สหรัฐ ซึ่งไม่สามารถขายอะไรหนักๆ ให้ได้ อย่างเช่น เรือดำน้ำ จึงต้องซื้อจากประเทศจีน ส่วนมันจะดีไม่ดีอย่างไร ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีเรื่องเรือดำน้ำ

บอกได้แต่เพียงว่าต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ให้ลูกหลานได้จดจำกับ “ความกล้าหาญในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ” ครั้งนี้?

อันที่จริงมิได้สนใจแต่เฉพาะเรื่องศิลปะ เรื่องกีฬาทุกชนิดมันก็ชโลมหัวใจให้สดชื่นมีความสุขสดชื่นได้ ขณะยังหนุ่มแน่นมีเวลาจะหาโอกาสเดินทางไปยังสนามแข่งกีฬาที่ชอบเสมอๆ แต่ทุกวันนี้คงแบกสังขารไปไม่ไหวต้องพึ่งพาการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และสื่อทุกชนิดหลายช่องทาง โดยเฉพาะกับศึก “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป” (ยูโร 2016) ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

ในขณะฝรั่งเศสเจ้าภาพครั้งนี้ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันได้อย่างเรียบร้อยผ่านพ้นไปโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง การก่อการร้ายดังที่ทั่วโลกหวาดหวั่น มีเพียงแฟนบอลชาวอังกฤษปะทะกับรัสเซียนิดหน่อย เจ้าภาพได้ผลกำไรมากเท่าไร ตัวเลขยังไม่ปรากฏ

แต่ความสำเร็จเหล่านั้นจะเทียบกับตำแหน่ง “แชมป์ยุโรป” ที่เจ้าภาพหวังไว้ไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ “เป็นทีมเต็ง 1” มาตลอด ซึ่งถ้าได้แชมป์หนนี้จะเป็นครั้งที่ 3 เท่ากับเยอรมนี และ สเปนทันที

มองเล่นๆ อีกมุมหนึ่งผ่านม่านตาทางลบแง่ร้ายแบบมีเรื่องบุญ-กรรม โชควาสนา และวิชามารเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คงแปลกดีเหมือนกัน จากทีมฟุตบอล 24 ทีมนั้นผลการแข่งขันพลิกผันแพ้ชนะไขว้กันไปมาจนกระทั่งทีมใหญ่ๆ มาเจอกันก่อน อย่างอิตาลี เยอรมนี เบลเยียม อังกฤษ สเปน ตกรอบกันเป็นว่าเล่น วันที่เยอรมนีบดกับอิตาลี ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นการชิงชนะเลิศได้นัดหนึ่งแล้ว

ยิ่งในวันที่เยอรมนีตัดเชือกกับฝรั่งเศส ว่ากันว่านั่นก็เป็นการ “ชิงชนะเลิศ” อีกครั้ง?

เป็นเรื่องของโชควาสนาที่อังกฤษ ซึ่งมีปัญหาการลงประชามติจนต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ทีมฟุตบอลใหญ่ของเขากลับต้องมาแพ้ทีมของประเทศเล็กๆ มีประชากรไม่ถึง 5 แสนคนอย่างไอซ์แลนด์ ไม่รู้เหมือนกันว่าในประวัติศาสตร์สหราชอาณาจักร ไปทำเวรกรรมอะไรไว้กับประเทศนี้บ้าง?

สำหรับกรรมการที่ว่ากันว่าตรงไปตรงมา แต่ถ้าลองแอบคิดร้ายๆ ถึงใจคน ใครจะไปล้วงออกมาดูให้เห็นได้ วันที่เจ้าภาพฝรั่งเศสซดกับเยอรมนีในรอบรองชนะเลิศ เยอรมนีขยับนิดหน่อยกรรมการก็เป่าเอาๆ โดยเฉพาะกับลูก “จุดโทษ” นั้นถ้าเป็นทีมฝรั่งเศสโหม่งกรรมการจะเป่าหรือเปล่า? ยังสงสัย เพราะลูกที่ทำให้เกมเปลี่ยนจนพลิกผันลูกนั้นกรรมการแค่ “อมนกหวีด” ไว้เฉยๆ ไม่เป่าก็ไม่มีใครตำหนิได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นัดชิงชนะเลิศระหว่างเจ้าภาพฝรั่งเศสกับโปรตุเกส คิดกันไหมว่าซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำไมลงไปวิ่งได้แค่ 24 นาทีจึงโดนบดถึงสองครั้งเหมือนกับเป็นการ “สั่งเก็บ” ถึงกับต้องหลั่งน้ำตาถูกหามขึ้นเปลออกมาจากสนาม อาจเป็นเรื่องบังเอิญเท่าๆ กับตั้งใจที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ ก็ได้ แต่สุดท้าย “โรนัลโด้” ก็ยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องยิงประตูฝรั่งเศส เพียงแค่ต้องเดินกะเผลกๆ ขึ้นไปรับรางวัลอันยิ่งใหญ่

ไม่เคยเชื่อเลยสักนิดว่าทุกอย่างไม่ได้เกิดเพราะความคิดแยบยลของคน อย่างมากก็คิดเป็นเรื่อง “เวรกรรม” ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็ตาม