หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๕) / ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๕)

 

ฉันอ่านเจอนักเขียนจีนคนหนึ่งชื่อ Cixin Liu ที่เขียน SF (นิยายวิทยาศาสตร์) ได้ดีเหลือเกิน ทั้งที่สนามนี้เป็นของชาวตะวันตกมาก่อน แต่เขาก็เขียนได้จับใจฉัน และมันเป็นความดีแบบจีน ที่ลึกซึ้ง กว้างใหญ่ และมีเอกลักษณ์บางอย่างของชนชาตินี้ มันเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มันก็ไม่เหมือนฝรั่ง เขาเขียนได้ดีเกือบทุกเรื่อง

นิยายวิทยาศาสตร์มีกาลเวลายาวนาน พลิกเปลี่ยนได้ว่องไว และทุกย่างก้าว มีปรัชญารองรับ และมีความหนักแน่นของมนุษยธรรมรองรับ ความใหญ่โตอลังการของมัน ทำให้ฉันทึ่ง

เช่น The Wandering Earth มันเป็นเรื่องของมนุษย์เจอปัญหา ดวงอาทิตย์กำลังจะขยายตัว กลายเป็น red giant ซึ่งเป็นความตายอย่างหนึ่งของดาวฤกษ์ และจะทำให้ดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวงของเรา ล้วนต้องตายหมด ด้วยดวงอาทิตย์จะขยายใหญ่

ปัญหาคือมนุษย์ในวันนั้น แม้จะรู้ตัวล่วงหน้าถึงสี่ร้อยปี แต่ก็หาวิธีเอาตัวรอดได้ยาก ด้วยเพราะเทคโนโลยีของมนุษย์ในวันนั้น ยังไม่สามารถสร้างยานอวกาศที่มีความเร็วใกล้แสงได้

การอพยพหนีภัยครั้งนี้ เดินทางไปยังดาวฤกษ์ที่ใกล้โลกที่สุดคือ Alpha Centauri ซึ่งอยู่ห่างออกไป 4.37 ปีแสง ยังต้องใช้เวลายาวนานถึง 2,500 ปี และด้วยระยะเวลายาวนานขนาดนี้ ไม่มียานอวกาศใดที่จะมีระบบนิเวศน์ที่ดีเพียงพอ รองรับสิ่งมีชีวิตได้ อย่าลืมว่าทุกระบบนิเวศน์ก็มีวันหมดอายุ

ดังนั้น พวกเขาจึงขับเคลื่อนโลกทั้งใบแทนยานอวกาศ ด้วยโลกทั้งใบจึงจะมีขนาดใหญ่พอจะเป็นระบบนิเวศน์ที่เพียงพอจะรองรับการเดินทางสองพันกว่าปีนี้ได้

ทุกสิ่งบนโลกในวันนั้น ซึ่งก็คือยานอวกาศลำหนึ่งนั่นเอง แม้จะเป็นลำที่ใหญ่มาก

ทุกสิ่งต้องเกี่ยวกับการอยู่รอด

สิ่งใดที่ไม่เกี่ยว ถือว่าไม่มีความสำคัญ

ซึ่งเปลี่ยนไปจากโลกทุกวันนี้ ซึ่งยังคงเป็นโลก ที่ใช้พลังงานมหึมา ใช้กับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ โลกของเรายังคงเต็มไปด้วยอารมณ์ของมนุษย์ที่เลื่อนลอยไปกับสิ่งไม่จำเป็น

ในยานลำนี้ มนุษย์ทุกคนจึงต้องเป็นสัจจนิยม เพราะชีวิตต้องคิด คำนวณอย่างแม่นยำ เพื่อความอยู่รอด

ทุกศาสนาตายหมด เพราะพวกมันเป็นเพียงการคาดเดา เป็นความเพ้อฝัน และมนุษย์ไม่มีเวลาสำหรับความเพ้อฝัน มนุษย์ต้องขุดอุโมงค์อยู่ ด้วยเพราะพื้นผิวของโลกจะหนาวเย็นเกินกว่าจะอยู่ได้ พวกเขาเวลาออกมาที่พื้นผิวโลก พวกเขาต้องสวมชุดอวกาศ

แต่กาลเวลา 2,500 ปีช่างยาวนาน อีกทั้งยังแบ่งออกเป็นห้ายุค แต่ละยุคยาวนานประมาณห้าร้อยปี

๑ ยุคของการเบรก

๒ ยุคของการหนีออกจากแรงโน้มถ่วงของสุริยจักรวาล

๓ ยุคของการเร่ง

๔ ยุคของการลดความเร่ง

๕ ยุคของดวงอาทิตย์ใหม่

เหตุที่ต้องแบ่งออกเป็นห้ายุค เพราะก่อนอื่น มนุษย์ต้องสามารถหยุดการหมุนรอบตัวเองของโลกให้ได้ก่อน เรียกว่าการเบรก การเบรกสิ่งที่มีขนาดใหญ่ระดับโลก ไม่ใช่ทำกันในวันสองวัน หากแต่ต้องทำนานถึงห้าร้อยปี

ต่อจากนั้น จึงจะเป็นการเร่งให้โลกนี้หนีพ้นแรงโน้มถ่วงของระบบสุริยจักรวาล ไปไกลถึงหมู่เมฆแห่งออร์ต การเร่งครั้งนี้ก็เช่นกัน กินเวลายาวนานถึงห้าร้อยปี

ต่อจากนั้น เมื่อมันเดินทางออกไปในอวกาศลึก มันจะเร่งไปสู่ความเร็วสูงสุด

จากนั้น จึงเป็นสิ่งตรงข้าม คือการลดความเร่ง มิเช่นนั้น มันก็จะเลยจุดหมายไป

และเมื่อเข้าใกล้จุดหมาย จึงจะเป็นยุคสุดท้าย

ทุกอย่างต้องใช้เวลายาวนาน

รวม 2,500 ปี มนุษย์ต้องเปลี่ยนถึง 100 ชั่วอายุคน

ตัวละครมากมาย หลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัด คือทุกสิ่งบนโลกของเราถูกทำลายหมด ไม่มีอีกแล้ว นครปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง หรืออย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ทุกนครบนโลกล้วนถูกทำลายหมดสิ้น ด้วยความร้อน และความเย็น แม้แต่มหาสมุทรทุกมหาสมุทรก็แข็งตัว กลายเป็นมหาสมุทรน้ำแข็ง

ไม่เหลือต้นไม้ใดบนโลก ไม่มีป่า ไม่มีทุ่งหญ้า

ชีวิตใดที่อยู่รอดได้ คือชีวิตที่หนีลงใต้ดิน

นี้หากเป็นการพนัน มันคือการเล่นแบบหมดหน้าตัก เอาความอยู่รอดของมนุษยชาติเป็นเดิมพัน

 

จินตนาการเหล่านี้กว้างใหญ่

หากดวงอาทิตย์จะกลายเป็น red giant จริง โลกของเราก็ต้องแหลกสลายอยู่ดี ดังนั้น หากมนุษย์สามารถขับเคลื่อนดาวเคราะห์ทั้งดวงได้ ก็น่าทำ ด้วยอย่างน้อย มันยังเหลือบางอย่างให้กอบกู้ วันที่เราไปถึงระบบสุริยจักรวาลใหม่ หลายอย่างยังอาจฟื้นฟูได้ ต้นไม้สามารถงอกเงยใหม่ได้ หากเรามีเมล็ด

ทวีปยังคงอยู่ได้ มหาสมุทรก็ยังฟื้นตัวได้ น้ำแข็งสามารถละลาย

แต่ความละเอียดของนิยาย อยู่ที่การเขียนถึงความเปลี่ยนแปลงของจิตมนุษย์ ในช่วงเวลา 2,500 ปีนั้น

มนุษย์เปลี่ยนจิต เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตอีกแบบ มันจะเหลือบางส่วนของมนุษย์โลกวันนี้ แต่สิ่งใดละที่จะยังเหลืออยู่ สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นจะเป็นอะไร

กว้างใหญ่ กล้าเขียน กล้าคิด กล้าจินตนาการ กล้าท้าทายหมดทุกสิ่งของมนุษย์

เวลาเขาเบรก หรือเขาเร่งโลกใบนี้ เขามีเครื่องจักรมากมายหลายพันเครื่องในการขับเคลื่อนดาวเคราะห์โลก กระจายตัวอยู่ในทุกภาคพื้นทวีป แต่ละเครื่องมีขนาดใหญ่เท่าขุนเขา หรือใหญ่กว่าเขาเอเวอเรสต์ มันเป็นการลงทุนหมดตัว ใช้ทรัพยากรหมดโลก

ฉันอดคิดไม่ได้ วันนี้มีแต่ชาติจีน ที่คิดถึงการสร้างดวงอาทิตย์เทียม ดวงจันทร์เทียม แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เป็นเพียงน้ำจิ้ม ตัวใหญ่จริงๆ ซ่อนอยู่ข้างหลัง นี่เขาจะเปลี่ยนโลกให้เป็นยานอวกาศ

ฟังดูวูบแรก คล้ายจะไร้สาระ ไร้เหตุผล แต่เมื่อมองลงไปในรายละเอียด มันไม่ได้เป็นดั่งนั้น หรือชะรอยว่า มันจะเป็นจริง นั่นต้องขึ้นอยู่กับว่า เขาจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกหรือไม่ ด้วยโครงการใหญ่เหล่านั้น คนทำต้องเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งก่อน

ดวงอาทิตย์เทียม ถูกส่งขึ้นสู่ฟ้า

ดวงจันทร์เทียม ก็ส่องแสงแข่งกับหลอดไฟ

เหมือนจะบ้าคลั่ง