เปิดถ้อยแถลง ผบ.ตร. ยัน ‘ต่อศักดิ์’ บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวคดีไอซ์ 1.5 ตัน ย้อนปมวุ่นจับยาภาค 6 / อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

เปิดถ้อยแถลง ผบ.ตร.

ยัน ‘ต่อศักดิ์’ บริสุทธิ์

ไม่เกี่ยวคดีไอซ์ 1.5 ตัน

ย้อนปมวุ่นจับยาภาค 6

 

เป็นเรื่องสะเทือนเลื่อนลั่นวงการสีกาสี สำหรับกรณีเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่ง นำหนังสือราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเปิดเผย

โดยหนังสือดังกล่าวลงนามโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เนื้อหาพาดพิงถึงนายตำรวจคนดังอย่าง ผบช.ก. ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนค้ายาเสพติดในพื้นที่กองบัญชาการภาค 6

สร้างความสงสัยและกระแสวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่

ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำองค์กรต้องออกมาคลี่คลายข้อสงสัย เพื่อรักษาความเชื่อมั่นขององค์กรตำรวจต่อสายตาประชาชนให้คงไว้

ในที่สุด พล.ต.อ.สุวัฒน์ก็ออกมาแถลงยืนยันชัดเจนว่าไม่มีนายพลตำรวจไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งนั้น

ที่เกิดเป็นข่าวก็แค่เอกสารหลุดบางส่วน แต่เมื่อสอบสวนโดยละเอียดแล้วไม่มีอะไรยืนยันชัดเจน

โปร่งใส ไม่ช่วยเหลือใครเป็นพิเศษอย่างแน่นอน!!

เป็นคำยืนยันจาก ผบ.ตร. ส่วนประชาชนจะชั่งน้ำหนักข้อมูลอย่างไร ก็เป็นเรื่องวิจารณญาณของแต่ละบุคคล

ผบ.ตร.ยัน ‘บิ๊กต่อ’ บริสุทธิ์

วันที่ 5 มีนาคม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รอง ผบช.ภาค 6 พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภาค 6 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงกรณีข่าวเกี่ยวกับการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ภูธรภาค 6 ที่ถูกพาดพิงเกี่ยวพันกับ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.

โดยระบุว่า ยอมรับว่ามีเอกสารราชการบางส่วนหลุดเผยแพร่ไปทางสื่อ ซึ่งเป็นเอกสารที่เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวน เป็นเพียงจำนวนน้อย ถือเป็นข้อเท็จจริงบางส่วนที่หลุดไป แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นทั้งหมด จึงเกิดการตั้งคำถามว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส ช่วยเหลือใครเป็นพิเศษหรือไม่

ซึ่งส่งผลกระทบ กลายเป็นบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

ผบ.ตร.ระบุอีกว่า หลังตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่าเอกสารที่หลุดไปมีเพียงชิ้นเดียว ซึ่งระบุว่าเป็นการนำภาพ พล.ต.ท.ที่พนักงานสอบสวนให้ผู้ต้องหาดู ก็บอกว่าเห็นที่เมียวดี แต่ไม่ได้บอกต่อว่ามาทำอะไร มาหาใคร หรือเจอใคร ซึ่งไม่มีที่มาที่ไปหรือสิ่งแวดล้อมอะไรเลย

เมื่อให้ตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำผิด โดยมองว่าเอกสารที่หลุดออกมาไม่ใช่หลักฐานทั้งหมดของคดี ยืนยันว่าการสืบสวนสอบสวนคดีนั้นมีการทำงานร่วมกันหลายหน่วย หากมีหลักฐานความผิดชัดเจนจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถปิดบังได้

จึงมองว่าการบิดเบือนข้อมูลลักษณะนี้ต้องการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้ยังเห็นว่าตำรวจทั้ง 2 นายที่ถูกกล่าวอ้างก็ยังพูดคุยกัน ส่วนเรื่องเอกสารหลุดสั่งให้จเรตำรวจเร่งตรวจสอบหาที่มาที่ไปแล้ว

“การสืบสวนต้องไปดูว่าบรรยากาศในการพูดคุยวันนั้นเป็นอย่างไร มีการพูดว่ารู้จักคนทำบ่อน หากบอกอย่างชาวบ้านก็ต้องรู้จักกัน แต่รู้จักกันแบบไหน ให้เงินให้ทองกันอะไรยังไง มีการอ้างถึงบุคคลที่ 3 บช.ภาค 6 ก็สอบสวนแล้ว ต้องดูว่าอารมณ์ไปมาอย่างไรถึงมาถึงตรงนี้ได้”

ยืนยันไม่มีหลักฐานเชื่อมโยง!??

ย้อนคดีจับไอซ์ 1.5 ตัน

สําหรับรายละเอียดของคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 2557-2563 โดยปี 2557 ตำรวจจับกุมนายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา หรือหนูเฉิน พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ถูกออกหมายจับคดีฟอกเงินทั้งสิ้น 56 หมาย ระหว่างการดำเนินคดีนายฐปนันท์หลบหนีประกันชั้นอุทธรณ์

ต่อมา 18 ตุลาคม 2562 ที่ด่านตรวจความมั่นคงร่วมบ้านห้วยยะอุ ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จ.ตาก พร้อมด้วย พ.อ.เทอดศักดิ์ งามสนอง รองผู้บัญชาการ กกล.นเรศวร นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด พร้อมทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 กำลังฝ่ายปกครอง ตชด.346 ตำรวจ บก.ภ.จ.ตาก ตร.สภ.พะวอ

ตร.บช.ปส.ภาค 6 และชุดตรวจร่วมตรวจสอบรถบรรทุกพ่วงยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 72-2439 นครปฐม ลูกพ่วงทะเบียน 72-2440 นครปฐม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ด่านตรวจร่วมบ้านห้วยยะอุจับกุมได้ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสมโชค เนียมสกุล อายุ 38 ปี เป็นคนขับ และนายสกล การุณรักษ์ อายุ 34 ปี นั่งคู่มาข้างคนขับ เนื่องจากตรวจพบรถคันดังกล่าวซุกซ่อนไอซ์จำนวนมากไว้ใต้พื้นรถ

จากนั้นนำตัวผู้ต้องหามาชี้จุดซุกซ่อน จากนั้นมีการตรวจสอบพบไอซ์จำนวนมาก ใช้เวลานับชั่วโมงจึงสามารถนำออกมาได้ทั้งหมด พบไอซ์รวมทั้งหมด 1,500 กิโลกรัม มูลค่าหลายพันล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าไอซ์ทั้งหมดถูกอำพรางมาในสลากเป็นห่อใบชายี่ห้อหนึ่ง

โดยทั้งคู่ให้การซัดทอดไปถึงผู้เกี่ยวข้องในขบวนการอีก 8 ราย ตำรวจออกหมายจับไว้ และตามจับกุมได้ 6 ราย มีผู้หลบหนี 2 รายคือ นายเกิดชนะ มีนา และนายยงค์ วงศ์สว่างกุล

ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 บช.ปส. และ ป.ป.ส. ขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์เจ้าของอู่ต่อรถบรรทุกที่ใช้ขนถ่ายยาเสพติดในคดีไอซ์ 1.5 ตัน แต่แยกดำเนินคดีอีกสำนวน

กระทั่ง 23 ตุลาคม 2563 ตำรวจสามารถตามจับกุมนายเกิดชนะได้ ดำเนินการสอบปากคำและส่งตัวให้อัยการ นายเกิดชนะให้การพาดพิงถึงพลเรือน 4 ราย และข้าราชการ 4 ราย ทีมสืบสวนจึงนำข้อมูลทั้งหมดประกอบสำนวน นอกจากนี้ ยังพบข้อเท็จจริงบางอย่าง จนขยายผลดำเนินคดี น.ส.หลิน-ชาล์ คนจัดการเงิน และนายฐปนันท์ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่หลบหนีประกันชั้นอุทธรณ์เมื่อปี 2557 จึงแยกดำเนินคดีอีกสำนวน ในข้อหาสมคบ (ม.8 วรรคแรก) และจับกุม น.ส.หลิน-ชาล์ได้เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 พร้อมอายัดเงินสดได้กว่า 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนอื่นๆ หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็จะขยายผลต่อไป

สำหรับการจับกุมนายสมโชคและนายสกล พร้อมพวกอีก 6 รายในคดีไอซ์ 1.5 ตัน ศาลตัดสินเมื่อ 24 กันยายน 2563 ผลตัดสินมีทั้งจำคุกตลอดชีวิต จำคุก 33 ปี และยกฟ้อง 3 ราย

ส่วนกรณีการจับกุมเจ้าของอู่ต่อรถ สำนวนอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล กรณีการจับกุม น.ส.หลิน-ชาล์ พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด ได้ส่งสำนวนให้อัยการเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2564

เป็นจุดเริ่มต้นของคดีที่สร้างแรงสะเทือนวงการสีกากี

ยื่นฟ้องเพจดังใส่ร้าย

 

ส่วนที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตก็สืบเนื่องมาจากเอกสาร ตร. ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 โดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ลงนามในบันทึกข้อความด่วนที่สุดถึง พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 ให้รายงานชี้แจง กรณีเมื่อวันที่ 1 และ 18 ธันวาคม 2563 ที่ประชุมเร่งรัดคดีจับกุมนายสมโชค เนียมสกุล และนายสกล การุณรักษ์ ขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ขนยาไอซ์ 1,500 ก.ก. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่ให้การระบุถึงผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด 8 คน ในจำนวนนี้มี 3 คนเป็นนายทหารและนายตำรวจด้วย

ต่อมาวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ผบช.ก. ส่งตัวแทนแจ้งจับเพจโพสต์หมิ่นประมาทพัวพันแก๊งยาไอซ์ โดยมอบหมาย พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ โตอดิเทพย์ รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ปทส. ในฐานะคณะทำงานป้องกันยุทธการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะทาง แจ้งความกับ พ.ต.ต.พุฒินันท์ นาสุวรรณ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีเพจข่าว “สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ” ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังเผยแพร่ข่าวและภาพพร้อมข้อความอันเป็นเท็จ โดยนำเอกสารหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวน

พ.ต.ท.เอกศิษฏ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเพจดังกล่าวโพสต์หนังสือราชการเป็นคำสั่งให้รายงานชี้แจงกรณีการจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมยาไอซ์ 1,500 กิโลกรัมในพื้นที่ จ.ตาก เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ระบุว่า ผู้ต้องหาให้การซัดทอดไปถึงนายทหารและนายตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ด้วย พร้อมระบุว่ากรณีดังกล่าวพนักงานสอบสวนไม่ขยายผล แต่เร่งสรุปสำนวนคดีให้อัยการสั่งฟ้อง

ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เอง กลับไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับพนักงานสอบสวนรายนี้ จากกรณีที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.ต่อศักดิ์มีรายชื่อถูกพาดพิงถึงตามคำสั่งนี้ และเพจนี้ยังนำหนังสือคำสั่งดังกล่าวซึ่งเป็นความลับทางราชการมาเผยแพร่ อีกทั้งนำภาพ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์มาประกอบ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

ขณะที่ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากการถูกกล่าวหา ต้องดำเนินคดีเพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรี

จนมาได้คำยืนยันจาก ผบ.ตร.ว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีมูล ข้อครหาเป็นอันตกไป!!!