คนดวงแรง ‘บิ๊กป้อม-ธรรมนัส’ ทีมเสื้อตราไก่ พปชร. กับทายาท 3 ป. และศึกทัพฟ้า วัดพลัง ‘แอร์บูล-มานัต’ / รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

คนดวงแรง ‘บิ๊กป้อม-ธรรมนัส’

ทีมเสื้อตราไก่ พปชร.

กับทายาท 3 ป.

และศึกทัพฟ้า วัดพลัง ‘แอร์บูล-มานัต’

หลังชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกจับตามองอีกครั้ง

กล่าวกันว่า การที่ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่หาเสียงเอง และขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรก มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร พปชร.ชนะเลือกตั้ง และชื่อของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังพอขายได้ รวมทั้งนโยบายการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ อีกด้วย

แต่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า เพราะคนนครศรีธรรมราชรักพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว เพราะมี ส.ส.อยู่แล้ว 3 คน และคนใต้ชอบการเมืองด้วย ตนเองเป็นแค่ส่วนประกอบ

ที่สำคัญ งานนี้ยังเป็นผลงานของ ร.อ.ธรรมนัสที่ดูแลศึกเลือกตั้ง และลุยลงพื้นที่มาเป็นระยะๆ แล้ว

ร.อ.ธรรมนัสจึงถูกจับตามองว่า จะได้ขยับชั้นขึ้นเป็น รมว.หรือไม่ ทั้ง รมว.แรงงาน หรือ รมว.เกษตรฯ หรือ รมว.ทรัพยากรฯ หลังมีข่าวการแลกกระทรวงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลใหม่

ยิ่งเมื่อได้รับพระราชทานของขวัญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เปรียบเสมือนกำลังใจในการทำงาน ก็ยิ่งทำให้ ร.อ.ธรรมนัสถูกจับตามอง

ท่ามกลางกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่ ร.อ.ธรรมนัสก็มีการเตรียมการไว้ เพราะมี ส.ส.ในมือ 30-40 คนอยู่แล้ว ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.อีสานและภาคเหนือ และตั้งชื่อกลุ่มว่า “อีสานล้านนา” ที่ในอนาคตอาจกลายเป็นชื่อพรรค

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสแค่เตรียมการไว้ก่อน หากมีการยุบสภาในปลายปีนี้ หรือกลางปีหน้า ที่จะมีการเลือกตั้ง แต่ในตอนนี้ต้องช่วยพี่น้อง 3 ป.ในการสร้างพรรคพลังประชารัฐให้แข็งแกร่งเสียก่อน

เพราะมีข่าวสะพัดว่า จากความขัดแย้งระหว่างเสี่ยแฮงค์ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการพรรค กับอาจารย์แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค อาจสะเทือนเก้าอี้เลขาธิการพรรค

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ในการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐหลังจากที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หลุดจากการเป็นรัฐมนตรี

และมีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส จากรองหัวหน้าพรรค จะขยับมาเป็นเลขาธิการพรรค ที่ทำหน้าที่แม่บ้านของพรรคพลังประชารัฐ เพราะโดยคุณสมบัติและงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งผลงานที่ผ่านมา ไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความเหมาะสม เพราะเป็นเสมือนมือขวาของ พล.อ.ประวิตรและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ

ที่สำคัญ ยังเป็นทีมเดียวกับนางนฤมล และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่ พล.อ.ประวิตรไว้วางใจและเดินเกมทางการเมืองให้มาตลอด

แต่ ร.อ.ธรรมนัสยังมีปัญหาในเรื่องภาพพจน์เก่าๆ ในอดีตที่กลายเป็นจุดอ่อนถูกโจมตี ทำให้พี่น้อง 3 ป.ไม่อาจวางตัวเป็นทายาท เป็นนายกฯ ในอนาคต แต่ก็ฝากความหวังไว้ได้ ในการสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เข้ามายึดอำนาจรัฐ

จึงไม่แปลกที่ ร.อ.ธรรมนัสจะเป็นสมาชิกทีมเสื้อตราไก่ของ พล.อ.ประวิตร ที่มีสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นรูปไก่ เนื่องจากเกิดปีระกา ที่มักจะทำของที่ระลึกในโอกาสต่างๆ เช่น ปีใหม่ และวันเกิด ที่มีรูปไก่แจกเสมอๆ

นอกจากนี้ การที่ ร.อ.ธรรมนัสสวมแหวนครุฑทอง ก็ถือว่ามีนัยสำคัญ เพราะเป็นความเชื่อเรื่องอำนาจบารมี โดยใส่ตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจ มาจนปัจจุบัน ทุกอย่างก็ราบรื่น ปังปุริเย่ โดยเป็นครุฑทอง สำนักอาจารย์วราห์ ที่ พล.อ.ประวิตรก็เป็นลูกศิษย์ และสะสมครุฑเช่นกัน

ขณะที่พรรคใหม่ของปลัดฉิ่ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทยนั้น มีการเตรียมการไว้แล้ว แต่รอนายฉัตรชัยเกษียณกันยายนนี้

งานนี้ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แม้นายฉัตรชัยจะถูกมองว่าเป็นมือขวาก็ตาม

ทั้งนี้เพราะมีข่าวในแวดวงการเมืองว่า นายฉัตรชัยเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์กับหลายพรรคหลายกลุ่ม ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นคนสุราษฎร์ฯ และใกล้ชิดกับพรรคภูมิใจไทย ก่อนที่จะมาเป็นมือขวาพล.อ.อนุพงษ์ มท.1 ในยุค คสช.เรื่อยมาจนปัจจุบัน

การตั้งพรรคของนายฉัตรชัยจึงถูกมองว่า เพื่อมาเป็นพันธมิตรกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคสำรองของพี่น้อง 3 ป. หากพรรคพลังประชารัฐเป็นอันต้องแตกสลายไปในที่สุด

เพราะเวลานี้พี่น้อง 3 ป.กำลังถูกจับจ้องว่า จะขี่หลังเสือไปให้นานที่สุด และยังไม่เห็นวี่แววว่าจะวางมือเมื่อใด

 

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะพร้อมเป็นนายกฯ จนครบเทอมนี้ และในสมัยหน้า อีก 4 ปีก็ตาม

แต่กระแสเชียร์ พล.อ.ประวิตรให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เกิดขึ้นตลอด โดยเฉพาะเมื่อมาเป็นหัวหน้าพรรค พปชร. เพราะถือว่ามาตามครรลองประชาธิปไตย

ยิ่งย้อนดูไปที่ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป.ที่แนบแน่นยาวนาน และบุญคุณที่ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่มีต่อน้องๆ 2 ป. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ที่เคยกล่าวเสมอว่า ผมมีวันนี้ได้เพราะพี่ป้อม

จนเคยมีการพูดกันในแวดวงทหารสาย 3 ป. ว่า วันหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์อาจจะยอมถอย แล้ววางมือเพื่อให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีแทนก็ได้

โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งหน้า หากยังใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก็มีโอกาสที่บรรดา ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคที่จะร่วมรัฐบาลในตอนนั้น โหวตให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ แต่ก็ต้องใส่ชื่อ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อหมายเลข 1 และอยู่ในลิสต์นายกฯ ของพรรค

เพราะแน่นอนว่า บรรดา ส.ส.ก็อยากให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ เองเพราะใกล้ชิดมากกว่า และเจรจาได้มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์

คล้ายๆ กับเหตุผลที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หนุนให้ พล.อ.ประวิตรเป็น รมว.มหาดไทยเอง เพราะคุยง่ายกว่า ประสานงานง่ายกว่า พล.อ.อนุพงษ์ แต่ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้นได้

 

แต่เรื่องเก้าอี้นายกฯ นี้ โหรวารินทร์ บัววิรัตน์ เลิศอดีตโหร คมช. ก็เคยดูดวงว่า ป.ประวิตรจะได้เป็นนายกฯ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็น ป.ประยุทธ์ แต่ดวงนั้นก็ยังอยู่

ทั้งนี้เพราะหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์เคยทาบทามให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธ และมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรจะเป็นเองเพราะเป็นผู้นำการรัฐประหาร และเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด ตนเองจะช่วยสนับสนุนเต็มที่ จะเป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม คุมกองทัพและตำรวจให้

เก้าอี้ สร.1 นายกรัฐมนตรี กับดวงชะตาของ พล.อ.ประวิตร จึงยังคงมีความเกี่ยวพันกันอยู่ และจึงทำให้ถูกจับตามองว่า ในวันหนึ่ง พล.อ.ประวิตรจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์สั่งสร้างลิฟต์ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล แบบเงียบๆ 2 เดือนเสร็จ พร้อมกับเปลี่ยนพรมจากสีแดงเป็นสีเขียว ก็ทำให้ถูกมองว่า ทำเพื่อรองรับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่

โดยเฉพาะโอกาสที่ พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถูกจับตามองอีกครั้ง

ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์หวังเพียงแค่อำนวยความสะดวกให้ พล.อ.ประวิตรที่ขาไม่ดี และคณะผู้สูงอายุ หรือผู้พิการที่มาเยี่ยมทำเนียบรัฐบาล มาพบนายกรัฐมนตรี ได้มีลิฟต์ในการใช้งานแทนการขึ้นบันไดที่สูงราว 30 ขั้น

ที่สำคัญคือ พล.อ.ประวิตรจะได้ขึ้นไปไหว้ศาลพระพรหมบนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า บ้านนรสิงห์แห่งนี้ได้อีกด้วย เพราะทางขึ้นชั้น 3 ที่ผ่านมาลำบาก แต่ลิฟต์ที่สร้างใหม่นั้น ขึ้นไปถึงชั้น 3 ได้เลย

แต่ก็ถูกมองว่า สร้างไว้รองรับ พล.อ.ประวิตรเผื่อจะเป็นนายกฯ ในอนาคตกันเลยทีเดียว จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ตำหนิว่า คำถามแบบนี้ใช้ไม่ได้

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรยืนยันหนักแน่นว่า ผมจะไม่เป็นนายกฯ ถึง 3 ครั้ง ด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ทั้งนี้ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรมักระมัดระวังในการที่จะไม่พูดเรื่องเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หรือทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หวาดระแวงว่าตนเองอยากเป็นนายกฯ

แม้แต่เมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเดินทางไปต่างประเทศ แล้วแต่งตั้งให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ รักษาการนั้น เมื่อสื่อแกล้งเรียก พล.อ.ประวิตรว่านายกฯ ก็จะถูก พล.อ.ประวิตรตำหนิทุกครั้ง

“ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์คิดว่าตนเองอยากเป็นนายกฯ” พล.อ.ประวิตรเคยกล่าวไว้

รวมถึงการยืนยันว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าพอแล้ว ขอวางมือทางการเมือง ตัว พล.อ.ประวิตรเองก็จะขอพักผ่อนเช่นกัน

เพราะการที่ตนเองเข้ามาครั้งนี้ ก็เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ขอร้องให้มาช่วยงาน ช่วยกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง

รวมทั้งเคยระบุว่า การที่ตนเองมาเป็น รมว.กลาโหมในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2551 จนมาเป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมในยุค คสช. และจนปัจจุบัน เป็นการตกกระไดพลอยโจน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์เชียร์ก็ตาม

ดังนั้น โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะถอยแล้วให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีแทนจึงเกิดขึ้นได้น้อยมาก

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรรู้ตัวเองดีว่าสุขภาพไม่แข็งแรง ขาเดินกะเผลกๆ ไม่สง่างาม จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตนเองไม่เป็น รมว.กลาโหม และมาเป็นรองนายกฯ อย่างเดียว เพราะเวลาตนเองไปเดินในหมู่นายทหารที่เดินกันสง่างาม แล้วมันดูน่าเกลียด

 

ดังนั้น การสร้างลิฟต์ที่ตึกไทยคู่ฟ้าจึงถูกมองในอีกมุมหนึ่งว่า เป็นการรองรับ พล.อ.ประยุทธ์เอง ที่อาจจะต้องเป็นนายกฯ ไปจนแก่ ตามที่ได้วางยุทธศาสตร์ชาติเอาไว้ 20 ปีก็เป็นได้

เพราะจนทุกวันนี้ ยังไม่เห็นทีท่าว่าพี่น้อง 3 ป.จะลงจากหลังเสือ เมื่อใด และจะลงอย่างไร เพราะทิศทางของพรรคพลังประชารัฐก็ดูมีความเข้มแข็งมากขึ้น แม้จะมีปัญหาความขัดแย้งภายในอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็มีการเตรียมตั้งพรรคการเมืองใหม่มาเป็นพันธมิตรไว้เตรียมรองรับอย่างน้อย 2 พรรคแล้ว

ดูท่าทางว่าทั้งสามพี่น้องคงต้องอยู่ในสนามการเมืองไปจนกว่าจะมีทายาททางการเมืองที่เหมาะสมและไว้วางใจได้ และสามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามไม่ให้มาเป็นรัฐบาลมายึดอำนาจรัฐได้

เพราะทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังจำเป็นต้องมีทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ คอยช่วยเหลือทั้งในเรื่องงานการเดินเกม รวมถึงเรื่องของความเชื่อดวงชะตาที่เกื้อหนุนกัน

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะควบ รมว.กลาโหม แต่บารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมแทรกซึมได้ทั้งกองทัพ ยังจำเป็นต้องอาศัยบารมีของพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ หนุนหลังอยู่

ในการจัดโผทหารและโผตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์จึงยังคงปรึกษา พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์อยู่ นอกเหนือจากที่มีบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม น้องรักของ พล.อ.ประวิตรคอยช่วยดูแลอยู่แล้ว

รวมทั้งโผโยกย้ายทหาร หรือโผเมษาฯ ครั้งนี้ด้วย เพราะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นสูงในหลายเหล่าทัพ

โดยเฉพาะที่กองทัพอากาศ ที่อุณหภูมิร้อนสุดขีด เพราะในการโยกย้ายครั้งนี้มีข่าวสะพัดว่า บิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. จะจัดทัพใหม่ ด้วยการแก้ไขในสิ่งที่บิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ.คนก่อน ทำเอาไว้ หรืออาจเรียกได้ว่า ล้างบางบิ๊กนัต เลยทีเดียว

เพราะได้รับการร้องเรียนจากนายทหารอากาศหลายคน หลายรุ่น ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะจากการแต่งตั้งโยกย้ายในยุค พล.อ.อ.มานัต

รวมทั้งเสียงบ่นจากอดีต ผบ.ทอ.หลายคนที่เห็นว่า สิ่งที่ พล.อ.อ.มานัตทำไว้ไม่ถูกต้องนัก ในการยึดหลักเอาคนเก่ง คนฉลาด แต่อะไรคือเครื่องวัดที่แท้จริง จะต้องจบจากต่างประเทศเท่านั้นหรือไม่

จึงกลายเป็นแรงกดดันให้ พล.อ.อ.แอร์บูลต้องเร่งแก้ไขใน 1 ปีที่เป็น ผบ.ทอ.

แม้ว่า พล.อ.อ.มานัตจะเป็นคนเลือก พล.อ.อ.แอร์บูลมาเป็น ผบ.ทอ.เอง ถึงขั้นยอมแตกหักกับบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี เพื่อน ตท.20 ที่ใครๆ ก็คาดคิดว่า จะได้เป็น ผบ.ทอ. ด้วยการดึง พล.อ.อ.แอร์บูลจากกรุ ทอ. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความสนิทสนมใดๆ กันมากนัก แต่เพราะ พล.อ.อ.มานัตมองว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตนเองมากที่สุด และคิดว่า คงคุยง่าย และจะสานต่อสิ่งที่ตนเองวางเอาไว้

พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง

ครานั้น พล.อ.อ.มานัตให้เหตุผลที่เลือก พล.อ.อ.แอร์บูลเป็น ผบ.ทอ. เพราะมีคุณสมบัติ 6 ประการ 10 Q และประเมินคะแนนได้สูงสุด

แต่มาตอนนี้ พล.อ.อ.มานัตกลับเอ่ยปากกับคนใกล้ชิดว่า นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ที่สนับสนุน พล.อ.อ.แอร์บูลเป็น ผบ.ทอ.

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ทำตามที่ พล.อ.อ.มานัตวางเอาไว้

ทั้งการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใน TAi บริษัทอุตสาหกรรมการบินของ ทอ. การแก้ไขสัญญา ข้อตกลงต่างๆ ใหม่หมด

ไม่ได้สานต่อนโยบาย Purchase and Development : P&D ของ พล.อ.อ.มานัต ที่ตัองการสนับสนุนภาคเอกชนไทยให้พัฒนา เพื่อที่ ทอ.จะได้ไม่ต้องพี่งพิงต่างชาติ การผลิต สร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่าง ทอ.ไทย และภาคเอกชนต้องมีส่วนร่วม

แต่มุมมองของ พล.อ.อ.แอร์บูลมองว่า กองทัพอากาศควรจะได้ประโยชน์ ไม่ใช่บริษัทเอกชน

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ พล.อ.อ.มานัตผิดหวัง แล้วเขียนข้อความแชร์กันในหมู่นายทหารอากาศที่ใกล้ชิด ตำหนิการทำงานของ พล.อ.อ.แอร์บูล โดยที่ข้อความเหล่านั้นถูกกระจายออกไปในวงกว้าง จนได้อ่านกันทั้ง ทอ.

รวมทั้ง พล.อ.อ.แอร์บูลด้วย

พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา

จึงมีข่าวลือสะพัดว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะคืนความชอบธรรมด้วยการดึงบิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันทน์ จากรอง เสธ.ทหาร บก.กองทัพไทย กลับมาเป็น เสธ.ทอ. หลังจากที่โผตุลาคม 2563 โดน พล.อ.อ.มานัตเตะโด่งพ้นทัพฟ้า ไปอยู่ทัพไทย เขึ่ยออกนอกเส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ทอ.

จากเดิมที่บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีต ผบ.ทอ.ได้วางตัวเอาไว้ให้เป็น เสธ.ทอ. และเป็น ผบ.ทอ.ในอนาคตอันใกล้

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.อ.มานัต กับ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ มีเรื่องคาใจกันมายาวนาน

ข่าวลือระบุถึงขั้นที่ว่า จะส่งเสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. นายทหาร ตท.23 ที่ พล.อ.อ.มานัตดันขึ้นมา ให้ข้ามสลับไปเป็นรองเสธ.ทหาร ที่กองทัพไทยแทน ปิดทางขึ้น ผบ.ทอ. เพราะเกษียณ 2567 พร้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ รุ่นพี่ ตท.22

พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันทน์

แม้จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใน ทอ.ว่า คืนความชอบธรรมให้ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ถือว่าถูกต้อง แต่การเด้ง พล.อ.อ.ชานนท์ออกไปนั้น ถือว่าแรง เพราะเป็นนายทหารที่เก่ง ที่เติบโตมาตามไลน์

เพียงแต่ พล.อ.อ.มานัตเร่งจากเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ 6 เดือน มาเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทอ. 6 เดือนแล้วขึ้นเสธ.ทอ.เลย เพื่อหวังให้เป็น ผบ.ทอ.ต่อจาก พล.อ.อ.แอร์บูลที่จะเกษียณกันยายน 2564 นี้

เพราะเป็นนักบินเอฟ 16 เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน 403 กองบิน 4 และเติบโตมาในกรมยุทธการทหารอากาศมาโดยตลอด จนมาเป็นผู้บังคับการกองบิน 4 ก่อนไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศไทย ประจำกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน

 

ไม่แค่นั้น ยังมีข่าวสะพัดอีกว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะขอตัวบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง รอง ผบ.ทหารสูงสุด กลับมาเป็นรอง ผบ.ทอ. สลับกับบิ๊กตุ่น พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์

ทั้งนี้ พล.อ.อ.สุรพลเป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อ.มานัต แล้วไปเรียนเยอรมนีด้วยกัน แต่ทว่าไม่ได้เป็นนักบิน แต่เป็นนายทหารนักวิชาการ จบด๊อกเตอร์

ที่สอดคล้องกันกับที่มีข่าวว่า กรมกำลังพล ทอ.มีการแก้ระเบียบ ในการกำหนดว่า รอง ผบ.ทอ.จะต้องเป็นเหล่านักบิน ตามที่ พล.อ.อ.แอร์บูลสั่งการ

ที่ยิ่งทำให้ข่าวการโยก 2 บิ๊ก ทอ.กลับจากกองทัพไทยสะพัดหนัก โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์นั้นแฮปปี้กับ พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ จนเคยมีข่าวว่า จะหนุนให้เป็น ผบ.ทอ. ตั้งแต่โผที่แล้ว แต่ พล.อ.อ.มานัตยืนยันชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูล

แม้ว่าในโผเมษาฯ นี้ บิ๊กแจ๊ด พล.อ.อ.นฤพล จักรกลม ลาออกก่อนเกษียณ จะมีการแต่งตั้งพลอากาศเอกมาทดแทนก็ตาม แต่ตำแหน่งรอง ผบ.ทอ. และรอง ผบ.ทหารสูงสุด เป็นอัตราพลอากาศพิเศษ

 

แต่ในที่สุด มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ท้วงติงเอาไว้เพราะเกรงว่า จะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง และเป็นตำแหน่งหลัก ไม่เหมาะที่จะโยกย้ายในโผกลางปี โดยให้พิจารณาอีกครั้งในการโยกย้ายกันยายน

เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการให้ พล.อ.อ.สุทธิพันธ์กลับมาเป็น ผบ.ทอ.จริงๆ ก็สามารถโยกกลับมาในโผปลายปีนี้ได้

หรือต้องการคืนความชอบธรรมให้ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ก็ตาม ก็สามารถส่งกลับ ทอ.ได้ในโผปลายปี

แต่กระนั้น ด้วยเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับให้ พล.อ.อ.แอร์บูลเก็บความลับในการโยกย้ายครั้งนี้ให้ดีที่สุด เพราะเกรงจะมีข่าวออกมาสร้างความวุ่นวาย ก็ยิ่งทำให้เชื่อกันว่า จะต้องมีการย้ายในบางตำแหน่ง

งานนี้อย่ามองข้ามพลังของ พล.อ.อ.มานัต ที่เป็นเพื่อนรักของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการฯ และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เพราะไม่เช่นนั้น คงไม่มีชื่อผ่านด่านมาชิงเก้าอี้ กสทช.

ดังนั้น พล.อ.อ.มานัตก็คงจะพยายามต้านทานอำนาจของ พล.อ.อ.แอร์บูลอยู่ด้วยเช่นกัน

ผบ.ทอ.คนต่อไปจึงยังไม่แน่ว่า ที่มีชื่อติดตัว พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. เพื่อนรักเตรียมทหาร 21 ของ พล.อ.อ.แอร์บูล จะได้เป็น ผบ.ทอ.หรือไม่

ส่วน พล.อ.อ.ชานนท์นั้นมีอายุราชการถึง 2567 ก็อาจถูกคั่นก่อนก็เป็นได้

แต่ถือได้ว่า โยกย้ายใหญ่กันยายนนี้ น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกองทัพอากาศเลยทีเดียว