โอลิมปิกที่โตเกียวห้าม ‘กุ๊กกิ๊ก’ / พิศณุ นิลกลัด

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน

พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

โอลิมปิกที่โตเกียวห้าม ‘กุ๊กกิ๊ก’

 

ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า โตเกียว โอลิมปิก 2020 ที่เลื่อนมาแข่งขันระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคมปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักกีฬา 11,000 คน จาก 206 ประเทศเข้าร่วมชิงชัย จะไม่มีการเลื่อนการแข่งขันอีก

และจะห้ามนักกีฬากุ๊กกิ๊กกันในหมู่บ้านนักกีฬา

ดูจากกฎข้อบังคับในคู่มือนักกีฬาโอลิมปิก หรือ The Playbook ความหนา 33 หน้า ที่มีการอัพโหลดออนไลน์ให้กับนักกีฬาโอลิมปิกและคนทั่วไปได้อ่านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดยมีจุดประสงค์เพื่อนักกีฬาโอลิมปิก นักกีฬาพาราลิมปิก และคนญี่ปุ่น ปลอดภัยและมีสุขภาพดี

 

หนึ่งในกฎเข้มที่เขียนไว้ชัดเจนใน The Playbook คือ “Limit your physical contact with athletes, maintaining a two-metre distance at all time.”

“ลดการสัมผัสทางกายกับนักกีฬาคนอื่นๆ รักษาระยะห่าง 2 เมตรตลอดเวลา”

แม้จะไม่บอกตรงๆ ว่าห้ามนักกีฬากุ๊กกิ๊กกัน แต่การบอกให้รักษาระยะห่าง 2 เมตร ก็เป็นที่รู้กันว่าห้ามกุ๊กกิ๊ก

ส่วนจะแจกถุงยางอนามัยในหมู่บ้านนักกีฬาซึ่งถือปฏิบัติมาทุกครั้งนับตั้งแต่โอลิมปิก 1988 ที่เกาหลีใต้หรือไม่ ใน The Playbook ไม่ได้เขียนเอาไว้

ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งล่าสุดที่ริโอ ประเทศบราซิล ปี 2016 มีการแจกจ่ายถุงยางให้กับนักกีฬาในหมู่บ้านนักกีฬา จำนวน 450,000 ชิ้น ให้กับจำนวนนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน 11,238 คน

แบ่งเป็นถุงยางสำหรับผู้ชาย 350,000 ชิ้น และถุงยางสำหรับผู้หญิง 100,000 ชิ้น

เฉลี่ยแล้ว แจกถุงยาง 40 ชิ้นต่อนักกีฬา 1 คน ซึ่งหลายคนก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า ในการแข่งขันโอลิมปิก 17 วัน จะใช้ถุงยางอนามัยถึง 40 ชิ้นต่อคนเลยหรือ

สำหรับหน้ากากนั้น The Playbook เขียนไว้อย่างเข้มงวดว่า นักกีฬาต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นแต่ตอนฝึกซ้อม แข่งขัน รับประทานอาหาร และตอนนอน

ส่วน Face Shield จะนำมาใส่แทนหน้ากากไม่ได้

 

นักกีฬาที่ลงแข่งขันโอลิมปิกไม่ถูกบังคับว่าต้องฉีดวัคซีนปัองกันโควิด จะฉีดหรือไม่ฉีดก็ได้ แต่ว่าต้องทำตามกฎเข้มในคู่มือเหมือนกันหมด

ไม่ใช่ว่าตัวเองฉีดวัคซีนโควิดแล้วจะสามารถกุ๊กกิ๊กกับนักกีฬาคนอื่นได้ นอกจากนั้น นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของทีม ห้ามเข้าชมกีฬาประเภทอื่น

ชมได้แต่กีฬาประเภทที่ตัวเองแข่งขัน นอกจากนี้ ยังถูกห้ามปาร์ตี้และช้อปปิ้ง

ส่วนแฟนกีฬาที่เข้าชมการแข่งขันในสนาม ห้ามตะโกนเชียร์ หรือร้องเพลงเชียร์ เพราะเกรงว่าน้ำลายจะกระเด็น ดังนั้น หากจะเชียร์ ทำได้แต่ปรบมือ

 

เชื่อว่านักกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้คงเซ็งไปตามๆ กัน กับการห้ามกุ๊กกิ๊กในหมู่บ้านนักกีฬา

คนที่ติดตามโอลิมปิกอยู่ตลอดก็จะทราบว่าหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกนั้นเป็นแหล่งรวมนักกีฬาวัยหนุ่มสาวที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านและร่างกายฟิตสุดยอด

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจการแข่งขันของตัวเองแล้ว ทุกคนก็พร้อมจะออกไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนักกีฬาคนอื่นแบบตัวต่อตัว

ไม่ว่าจะเพื่อเป็นการฉลองชัยชนะที่เพิ่งได้เหรียญรางวัล

หรือต้องการใครสักคนมาปลอบโยนจากความพ่ายแพ้

และทุกคนเป็นอิสระจากนักข่าวหรือผู้ปกครอง

หมู่บ้านนักกีฬาจึงเป็นสวรรค์สำหรับการกุ๊กกิ๊กโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีข่าวรั่วไหลออกนอกหมู่บ้าน

นักกีฬาที่ภารกิจการแข่งขันเสร็จสิ้นเร็วตั้งแต่วันแรกๆ มักเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ

เพราะสามารถจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือ สนุกสนานอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาได้อย่างเต็มที่

 

ทุกครั้งเมื่อพูดถึงการกุ๊กกิ๊กกับนักกีฬา ก็จะมีประเด็นที่คนถกเถียงกันมาอย่างยาวนานว่า ควรหรือไม่ควรที่นักกีฬาจะกุ๊กกิ๊กกันในช่วงใกล้แข่งขัน เพราะมีนักกีฬาหลายคนเชื่อตามโค้ชต่อๆ กันมาว่าถ้าห้ามนักกีฬากุ๊กกิ๊กก่อนแข่ง

พลังงานที่ไม่ต้องเสียไประหว่างการกุ๊กกิ๊กจะไปช่วยเสริมให้นักกีฬามีความแข็งกร้าวและมีประสิทธิภาพในการแข่งขันมากขึ้น

ความเชื่อดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มองว่าการกุ๊กกิ๊กเป็นตัวบ่อนทำลาย ทั้งพละกำลังและสมาธิของนักกีฬา โดยมีแนวคิดว่าตอนที่เสร็จสมอารมณ์หมาย ร่างกายจะสูญเสียฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่สำคัญต่อกล้ามเนื้อและความแข็งกร้าว ดังนั้น การกุ๊กกิ๊กในคืนก่อนแข่งจึงเป็นเรื่องต้องห้าม

แต่ในปี 2016 มีการพิจารณาบทความวิจัยเรื่องการกุ๊กกิ๊กกับผลต่อการเล่นกีฬา โดยเลือกงานวิจัยในอดีตที่ดีที่สุด 142 ชิ้น จากทั้งหมด 512 ชิ้นมาพิจารณา

ได้ข้อสรุปว่าไม่มีข้อมูลใดๆ ในงานวิจัยทั้ง 142 ชิ้นที่สนับสนุนความเชื่อที่บอกว่าการกุ๊กกิ๊กจะส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของนักกีฬาเลย

ในทางตรงกันข้ามพบว่า ถ้านักกีฬาได้ทำกิจกรรมกุ๊กกิ๊กก่อนแข่งล่วงหน้าอย่างน้อย 10 ชั่วโมง กลับส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคนที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเหมาะสม เช่น ไม่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

 

เราก็ต้องติดตามกันว่าโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวจะมีการทำลายสถิติกันเยอะหรือไม่

หากมีการทำลายสถิติกันมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่า การไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีการกุ๊กกิ๊กก่อนแข่งขัน เป็นเรื่องดีสำหรับนักกีฬา

แต่ถ้านักกีฬาทำผลงานได้ไม่ดี ก็อาจจะโทษว่าการห้ามกุ๊กกิ๊กในหมู่บ้านนักกีฬานี่แหละทำให้เกิดผลลบต่อประสิทธิภาพในการแข่งขัน