“สุชาติ ชมกลิ่น”มั่นใจรักษาเก้าอี้ “จับกัง 1” พร้อมเป็น ‘ครูเฮ้ง’-รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

ปิยะ สารสุวรรณ

 

ในหมอกควันปรับ ครม.

‘สุชาติ ชมกลิ่น’

มั่นใจรักษาเก้าอี้ ‘จับกัง 1’

สถานีต่อไป พร้อมเป็น ‘ครูเฮ้ง’

ชื่อ “สุชาติ ชมกลิ่น” หรือ “เสี่ยเฮ้ง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถูกพูดถึงอีกครั้งทั้งในที่ลับ-ที่แจ้ง ท่ามกลางฝุ่นและควันการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/4

“สุชาติ” อดีตผู้บริหาร-ซีอีโอ บริษัท อรินสิริแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARIN จากตึกแถว 2-4 ห้อง ปัจจุบันสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จากจุดจดทะเบียน 1 ล้านบาท จนวันนี้ “ความมั่งคั่ง” ทะลุ 1,000 ล้านบาท

“ผมบริหารแบบนักธุรกิจ ผมเป็นซีอีโอบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก่อน จากทำตึก 2 ห้อง 4 ห้อง ภายใน 10 ปี ผมสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ จากจดทะเบียนล้านเดียว วันนี้มูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1,000 กว่าล้านบาท”

“กว่าจะเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ 4 ปี โคตรเหนื่อยเลย จากทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ต้องหาเงินสดไปใส่จนถึง 300 ล้านบาทกว่าจะจดทะเบียนได้”

 

“อดีตซีอีโออสังหาริมทรัพย์” ใช้กลยุทธ์ในการทำธุรกิจให้สำเร็จ มาเป็นกุญแจในการทำงานการเมืองให้ประสบความสำเร็จ

“ผมมีธุรกิจและทำการเมืองควบคู่กันมา ผมเป็น ส.ท.แสนสุข ผมเป็น ส.จ.ชลบุรี ผมเป็น ส.ส.เดินธุรกิจอีกขาหนึ่ง ชีวิตผมโชคดีทำมาพร้อมกันหมด และบรรจบมาที่แม่น้ำสายเดียว”

“สุชาติ” อดีตนักการเมืองท้องถิ่น-ส.ส.หนุ่มใหญ่จากภาคตะวันออก ทุกจังหวะก้าวทางการเมืองของเขา “ซ่อนเรื่องมวลชน” ไว้ทุกกระเบียด

กลยุทธ์การเดิน 2 ขา ธุรกิจ-การเมือง ซ่อนไว้ด้วย “มวลชน” ของเขา จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะทำให้พรรคฝ่ายค้าน “กาหัว” เป็นรัฐมนตรี 1 ใน 10 ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“เขาอภิปรายผม เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผมเอาหัวใจเขาไปหมด พรรคก้าวไกล หรืออนาคตใหม่ จะมี ส.ส.ปีกแรงงาน 7 คน มาจากกลุ่มสหภาพ แต่กลุ่มนี้เป็นเสี้ยวเดียวของกลุ่มสหภาพเองนะ เลยได้มาหลายล้านเสียง”

“แต่เชื่อหรือไม่ว่า สหภาพที่มีเยอะที่สุดตอนนี้ 90 เปอร์เซ็นต์มาอยู่กับผมหมดแล้ว เขา (ก้าวไกล/อนาคตใหม่) โกรธผมมาก ส.ส.ปีกแรงงาน 7 คนไม่กล้าอภิปรายผม เพราะพวกนี้มาจากสหภาพ แต่ไม่ใช่เบอร์ 1 เป็นแค่เบอร์ 2 เบอร์ 3”

“แรงงานอยู่กับผมมากกว่าธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า) ก็แล้วกัน”

“สุชาติ” อ้างว่า รู้ตื้น-ลึก หน้า-บาง เครือข่ายแรงงานของพรรคก้าวไกล ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่ท่าเรือแหลมฉบัง อาทิ นายสมพร ขวัญเนตร ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)

 

“จับกัง 1” วิเคราะห์สาเหตุที่ถูกจับขึ้นเขียงซักฟอก เพราะกระทรวงแรงงานเป็น “กระทรวงสร้างผลงาน” ให้กับรัฐบาลในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา จึงต้องการลดบทบาท-ดิสเครดิต เพื่อต้องการทำลาย พูดให้คลุมเครือ-ไม่พูดความจริงครึ่งเดียว

“จะมาอภิปรายผมน่ะเหรอ เขากลัวที่สุด คือ กลัวผมสวนกลับ เพราะผมรู้มากกว่าคนพูด คุณอภิปรายเกร็งนะ มีแต่ต้องชื่นชมผมเพราะผมช่วยพวกคุณ”

นอกจาก “สุชาติ” จะเก่ง-เอาตัวรอดจากคมฝีปากจากฝ่ายค้านแล้ว เขายัง “บวกมือ” เข้าไปด้วย เพราะกุมเสียงในพรรคภาคกลาง-ภาคตะวันออก และเสียงนอกพรรคที่กินข้าวกันทุกเดือน 20 กว่าชีวิต

“เป็นเรื่องปกติที่พรรคจะมีคนสนิทกันบ้าง เพราะเป็นพรรคใหญ่ แต่ละจังหวัดเป็นรอยต่อกันหมด การเมืองต้องมีเพื่อน ไม่ใช่เล่นกันแบบเอาเป็นเอาตาย วันนี้เราอยู่ในโหมดการเมือง เก่งบวกมือ ถึงเวลาโหวตใครจะคุยกับเราถ้าเราไม่มีพวก”

“ส.ส.แต่ละภาคต่างกัน ผมภาคกลางพวกมีฤทธิ์เดช เหินหาวได้ อยู่ตรงไหนไปได้หมดทุกพรรค ถ้าวันหนึ่งไม่มีลุงป้อม มีหัวหน้าพรรคแล้วพรรคแตก ผมไปอยู่พรรคไหนก็ได้ แต่ภาคใต้ เหนือ หรืออีสาน ลองย้ายพรรคดูสิ”

“นิสัยนักเลง รับปากคนแล้วต้องทำ เวลาเลือกตั้งผมไม่เคยจดชื่อจ่ายตังค์” เขาเฉลยไฉน ส.ส.ภาคกลาง-ตะวันออกถึงมีฤทธิ์?

“ในพรรคอยู่กับลุงป้อมทุกคน” สุชาติขมวดประเด็น พร้อมกับ “ผูกปม” การปรับ “ครม.ประยุทธ์ 2/4”

“การตั้งรัฐมนตรียากมากนะ ต้องหาคนที่มั่นใจว่าต้องทำได้ด้วย กระทรวงศึกษาฯ ยากไหม กรมใหญ่ กระทรวงใหญ่ เหมือนกับกระทรวงแรงงาน ไม่มีใครอยากมา กลัวสหภาพกันหมด ถ้าทำไม่ได้ร่วงเลยนะ”

“ถ้าผมทำ job expo จ้างงานล้านตำแหน่ง ไม่สำเร็จผมก็อยู่ไม่ได้ ผมออกไอเดียขึ้นทะเบียนต่างด้าว เอาคนใต้ดินขึ้นมาบนดิน ถ้าทำไม่ได้ผมก็พังเหมือนกัน”

 

“สุชาติ” เคยแบกน้ำตาลอยู่ท่าเรือ มีลูกน้อง 400 กว่าคน จึงดักทาง-แก้เกม นายจ้างลอยแพแรงงานต่างด้าว

“เราเคยคลุกคลี เราเคยกินนอนบนเรือกลางทะเลกับคนงานต่างด้าวมาแรมเดือน เรารู้วิถีชีวิตของคนงาน เรารู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานต่างด้าว”

“เราเคยเป็นพนักงานบริษัท เรารู้ว่า สิ่งที่พนักงานบริษัทต้องการคือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น โรงพยาบาลประกันสังคม กองทุนชราภาพ”

“กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงทำแต้ม มีคนอยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จำนวน 11 ล้านคน ถ้าทำให้เขารักผมได้ ยังไงกระทรวงแรงงานก็คือผม”

ที่ผ่านมาสหภาพแรงงานกับรัฐมนตรีแรงงานเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กันมาโดยตลอด ทำอย่างไรยุคนี้ถึงกลายมาเป็นพันธมิตรกัน? เขาตอบทันควัน

“เราอยู่ข้างเขา ทำให้เขา 8 เรื่อง จาก 10 เรื่อง อีก 2 เรื่องทำไม่ได้ก็ต้องบอกเขาว่าไม่ได้ เอาหมดทุกเรื่องไม่ได้”

“ยกตัวอย่างสหภาพมีอยู่ 100 คน เริ่มต้นเราอาจจะรู้จัก 10 คน แต่เมื่อวันหนึ่งเรารู้จัก 60 คน อีก 40 คนต้องเป็นเพื่อนเราหมด เราต้องคุมก้อนมากให้ได้ก่อน เขาก็จะเป็นแนวร่วมเราเอง”

“สุชาติ” บันทึกความประทับใจจากการแก้ปัญหานายจ้าง “ไม่จ่ายเงินชดเชย” ให้ลูกจ้าง 733 คน โดยให้อธิบดีกรมสวัสดิการ ทำคำสั่งถึงนายจ้างให้จ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้าง ซึ่งนายจ้างฟ้องศาลให้เพิกถอนคำสั่ง-สู้กันที่ศาล

“สุชาติ” สั่งให้เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกาขอความเห็น “ด่วนที่สุด” เรื่อง การนำเงินจากกองทุนว่างงานสามารถจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างได้หรือไม่ เนื่องจากคดีต้องจบในศาล

3 เดือนต่อไป “เลขาธิการกฤษฎีกา” ตอบหนังสือกลับมา ว่า “ทำได้-จ่ายได้”

เป็นการปลดล็อก-นำเงินกองทุนว่างงานมาชดเชยลูกจ้างได้ กว่า 17 ปี ตั้งแต่ตั้งกองทุนว่างงานไม่มีใครทำได้ ! สามารถช่วยเหลือลูกจ้าง-ครอบครัว 16,000 คนที่อยู่ในศาล 800 กว่าล้านบาท

“ผมบริหารความลำบากของคน ก่อนที่กระทรวงจะแข็งแรง ต้องบริหารความต้องการของคนก่อน แล้วค่อยไปคิดบริหารกองทุน ผมบริการกองทุนให้แข็งแรงได้ แต่ถ้าผมบริหารความลำบากของคนไม่ได้ ผมก็อยู่ไม่ได้”

“ผมอยู่กระทรวงไหนก็ทำได้ หลักการบริหารคือหลักการธุรกิจ สมมุติผมไปอยู่กระทรวงศึกษาฯ ต้องปฏิรูปตัวครูก่อน ให้ครูสอนนักเรียนให้เต็มเวลา ก่อนไปสอนพิเศษ ต้องทุบคลัสเตอร์ให้ร่วงก่อน ถ้าเป็นรัฐมนตรี (ศึกษา) จะทุบให้ดู”

“สุชาติ” พูดเป็นนัยว่า รัฐบาลทุกรัฐบาลกลัวที่สุดคือ ม็อบสหภาพ แต่วันนี้สามารถทำความเข้าใจและแก้ปัญหาให้สหภาพแรงงานได้ ไม่ใช่มั่นใจเกินไป แต่เป็นเพราะความจริงใจที่มีให้

“ถ้าให้ผมไป (กระทรวงศึกษาฯ) ม็อบเด็กก็หมด เพราะผมเข้ามาแก้ปัญหาให้ ไม่ใช่เข้ามาเอาเปรียบนักเรียน” ทว่าเขายังแบ่งรับ-แบ่งสู้ขอเป็นจับกัง 1 แก้ปัญหาแรงงานให้สะเด็ดน้ำก่อน

ไม่แน่ว่า “ครูเฮ้ง” อาจจับพลัดจับพลูเข้าไปแก้ปัญหาใน “กระทรวงเสมา” ที่มีปัญหาหมักหมม-ซุกอยู่ใต้พรมก้อนโต ไม่มีใครล่วงรู้-ล่วงได้เท่ากับนายใหญ่-พล.อ.ประยุทธ์