ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 มีนาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ทะลุกรอบ |
ผู้เขียน | ดร. ป๋วย อุ่นใจ |
เผยแพร่ |
ทะลุกรอบ
ป๋วย อุ่นใจ
ยอมถ่ายไม่ออก
แต่ไม่ยอมหรอกที่จะไม่มีคู่
เคยเห็นจิ้งจกตกใจกันมั้ยครับ?
พอตกใจ จิ้งจกบางตัวจะรีบวิ่งหนี และในบางกรณี จะดุ๊กดิ๊กๆ แล้วทิ้งหางดิ้นได้ไว้ให้ดูต่างหน้าให้ผู้ล่างุนงง
และเมื่อผู้ล่ามัวแต่หันไปสนใจเจ้าหางดิ้นได้ เจ้าจิ้งจกหางกุดเอง ก็แว้บหนีหายไปจากสายตาเสียแล้ว
กลไกการสละอวัยวะเพื่อหลอกล่อดึงความสนใจของผู้ล่า อาจจะดูเหมือนเป็นกลไกที่ดีและแยบคาย
แต่ทว่าบ้าระห่ำและอาจต้องแลกมาด้วยราคาในชีวิตที่แพงอักโขที่จำเป็นต้องจ่าย
ซึ่งก็คือโอกาสในการอยู่รอดและสืบต่อเผ่าพันธุ์ที่อาจจะลดน้อยถอยลงไป
ในกรณีของจิ้งจกหรือจิ้งเหลน เมื่อสลัดหางทิ้งไป มันจะสูญเสียแหล่งสะสมไขมัน (fat storage) หลักไปด้วย
สำหรับส่วนหางที่สร้างใหม่ก็จะเล็กลง มักจะดูพิกลพิการ และมีผลชัดเจนต่อการเคลื่อนที่
ทำให้หนีหรือล่าได้ไม่ถนัดเหมือนเดิมแล้วยังอาจส่งผลต่อการเลือกคู่อีกด้วย
การยอมสละชิ้นส่วนร่างกายเพื่อความอยู่รอด แบบเฉือนเนื้อเพื่อหนีตายนี้ เพื่อซื้อเวลาในการหลบหนีทัน ไม่ได้พบแค่ในสัตว์พวกจิ้งจก จิ้งเหลนเท่านั้น
แต่ยังพบได้ในสัตว์นักล่า ท่าทางนักเลง อย่างแมงป่องอีกด้วย
เมื่อโดนคุกคาม แมงป่องบางชนิดในบราซิลจะมีกลยุทธ์ในการดีดหางออกมาเหมือนกัน ซึ่งพอผู้ล่าเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจ ตัวมันก็จะสามารถหลีกหนีจากผู้ล่าได้
แต่ราคาที่พวกมันต้องจ่ายนั้นสูงยิ่งกว่าในกรณีของจิ้งจก จิ้งเหลนอยู่มากมายมหาศาล พวกมันจะต้องจ่ายค่าหนีครั้งนี้ด้วยชีวิต
สำหรับแมงป่อง การสลัดหางคือ “คำสั่งประหารชีวิต” เพราะตำแหน่งของรูทวารหนักของพวกมันนั้นอยู่บริเวณใกล้ๆ ปลายหางเกือบถึงส่วนที่เป็นเข็มพิษ ซึ่งพอสลัดทิ้ง หลุดหายไป พวกมันก็จะไร้รูก้น
และในที่สุดก็จะต้องตายเพราะถ่ายไม่ออกเป็นเวลาหลายเดือน
เรียกว่าท้องผูกจนตายนั่นแหละ
การสลัดหางจึงเหมือนเป็นการยอมเสียสละโอกาสในการเอนจอยสุขา เพียงเพื่อซื้อเวลา ยื้อชีวิตให้ได้อยู่ต่อ แม้จะอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ก็ยังดีกว่าหนีไม่พ้น
แต่คำถามคือ ถ้าจะยื้อแล้วต้องตายแบบนี้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน?
แมงป่องจะยอมสลัดหาง ท้องผูกจนตายเพราะเสียรูก้น แต่จะไม่ยอมทนตายไปแบบไร้คู่ ยังไงก็ขอให้ได้สละโสดก่อน
หลังจากที่หางกุด ก็จะรีบรุดไปหาคู่ เพื่อรีบผสมพันธุ์ ก่อเกิดทายาทแมงป่องสืบต่อวงศ์วานเผ่าพันธุ์ต่อไป
แต่แมงป่องใช้หางในการร่ายรำเกี้ยวพาราสี และสอดใส่ถุงเก็บอสุจิที่เรียกว่าสเปอร์มาโตฟอร์ (spermatophore) เข้าไปในช่องสืบพันธุ์เพศเมีย
“พฤติกรรมนี้เพี้ยนมาก แปลกประหลาดเสียจนฉันอยากรู้ ฉันต้องพยายามเข้าใจมันให้มากกว่านี้ให้ได้ว่าการสลัดหางมันมีประโยชน์กับแมงป่องยังไงกันแน่” โซลิมารี การ์เซีย เฮอร์นานเดซ (Solimary Garc?a-Hern?ndez) นักนิเวศวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์จากมหาวิทยาลัยเซา เปาโล (Universidade de S?o Paulo) ประเทศบราซิลสงสัย
เพื่อค้นหาว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร หากไร้หาง และการที่มันไม่มีหาง จะส่งผลกระทบกับพฤติกรรมหรือประสิทธิภาพในการสืบพันธุ์ของพวกมันหรือไม่?
เธอวางแผนการทดลองโดยการจับแมงป่องมาราวๆ 150 ตัวจากทุ่งหญ้าสะวันนาของบราซิล แล้วตั้งกล้องส่องคลิปลับแมงป่องดึ๊บดึ๊บกัน โดยจะเทียบระหว่างแมงป่องหางครบ และแมงป่องหางกุด
ดังที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ หางแมงป่องนั้นสำคัญในการร่ายรำเกี้ยวสาว ส่ายหาง เกาะเกี่ยว เอาหน้าชนหน้า สายตาสอดประสาน แล้วผสานจุมพิตแมงป่อง (scorpion kids) ก่อนจะเริงระบำกันอย่างโรแมนติกไปอีกหลายชั่วโมง ก่อนที่เจ้าบ่าวแมงป่องจะบรรจงวางถุงเก็บอสุจิของมันลงบนพื้น ก่อนจะใช้หางสอดใส่ถุงนั้นเข้าไปในช่องสืบพันธ์ของเจ้าสาวของมัน ตัวผู้ใดที่ไร้หางจึงน่าที่จะเสียเปรียบ!
“เราเคยคิดว่าหลังจากที่สูญเสียหางไปแล้ว แมงป่องตัวผู้จะไม่มีโอกาสเทียบเท่ากับตัวผู้ที่มีหางครบ” โซลิมารีกล่าว
แต่ผลการสังเกตการณ์กลับบ่งชี้ชัดว่าพวกแมงป่องชายไร้หางนั้นยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดหญิงไม่แพ้แมงป่องชายเต็มตัว ในการร่ายรำ พวกมันจะส่ายตอสั้นๆ ดุ๊กๆ ดิ๊กๆ เพื่อยั่วยวนแมงป่องสาว แถมยังสามารถสอดใส่ถุงสเปิร์มของมันเข้าไปในตัวสาวเจ้าได้ด้วยตอเล็กๆ นั้นได้อย่างไม่มีปัญหา
และถ้าว่ากันเรื่องท่วงท่าและเวลา ต้องบอกว่าพอฟัดพอเหวี่ยง พวกหางกุดสามารถพิชิตใจสาวเจ้าได้ในเวลาไม่ต่างไปกับชายเต็มขั้น และสืบพันธุ์ได้ไม่ต่างจากหางเต็มเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น ความสั้น (ของหาง) จึงไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด (สำหรับแมงป่องตัวผู้)
แต่สำหรับแมงป่องสาวหางกุด เรื่องราวของมันกลับต่างไปจนเหมือนดูหนังคนละม้วน
สาวหางกุดแม้จะยังคงมีความสามารถในการจับคู่และผสมพันธุ์ได้อย่างสุดแสนโรแมนติกเช่นเดียวกับผู้ชายไร้หาง แต่พอถึงเวลาตกลูกออกมา กลับสามารถให้กำเนิดจำนวนทายาทที่ลดไปอย่างมหาศาล อาจจะมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับแมงป่องสาวหางเต็ม
เป็นไปได้ว่าช่วงเวลาตั้งครรภ์ที่ยาวนานของแมงป่อง ที่โดยปกติแล้วจะกินเวลายาวนานไปถึงห้าเดือน ซึ่งนั่นน่าจะนานพอที่จะทำให้แมงป่องตัวเมียต้องทรมานกับอาการท้องผูกได้แบบหนักหนาสาหัส
โซลิมารีตั้งสมมุติฐานไว้ว่าเป็นไปได้ว่าอุจจาระที่สะสมขึ้นมาในตัวของมันอาจจะเป็นพิษต่อตัวอ่อน หรือไม่ ตัวอ่อนก็อาจจะพัฒนาไปไม่เต็มที่ เพราะพื้นที่โดนขี้เบียดบังไปจนเกือบหมดก็เป็นได้
เธอเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าเพราะปริมาณอุนจิที่มันสะสมเอาไว้อาจจะมีมากถึงราวๆ 30 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว ก่อนที่มันจะสิ้นชีพด้วยอาการท้องผูกเรื้อรัง
ถ้าเทียบกับคนน้ำหนัก 75 กิโลกรัมที่มีอุจจาระอัดอืดอยู่ในตัวราวๆ 25 กิโลกรัม
“พฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมการเอาตัวรอดที่บ้าระห่ำที่สุด และคำถามที่ทีมนักวิจัยตอบได้ ก็คือ มันมีราคาในเชิงวิวัฒนาการ (evolution cost) ที่ต้องจ่ายมากน้อยแค่ไหนกับพฤติกรรม (สลัดหาง) สุดโต่งแบบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก” แซ็กคารี เอมเบิร์ตส์ นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา (University of Arizona) กล่าว
ซึ่งน่าสนใจ เพราะถ้าราคาแลกเปลี่ยนกับการอยู่รอดเพียงชั่วครั้งชั่วคราวแค่พอผสมพันธุ์กันได้ ที่ตัวเมียจำเป็นต้องจ่ายด้วยการสูญเสียโอกาสในสืบทอดทายาท มันดูจะสูงกว่าราคาที่ตัวผู้ต้องเสียสละไปจากการสลัดหางอย่างเห็นได้ชัด พฤติกรรมแบบนี้ก็ควรที่จะพบได้น้อยในแมงป่องเพศเมีย เมื่อเทียบกับเพศผู้
และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น จากการทดลองที่เคยมีคนทำไว้ พบว่า ตัวผู้ราวๆ 88 เปอร์เซ็นต์เมื่อเจอภัยมาใกล้ตัว จะเลือกที่จะสลัดหางทิ้ง ไว้ล่อเป้า แล้วหนีเอาตัวรอด
ในขณะที่ตัวเมียนั้น มักจะยอมทำใจดีสู้เสือ ยอมเสี่ยงภัย แต่ไม่ค่อยยอมเสียหาง จะมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะยอมถอดหาง วางล่อ รอถอยหนี
“ดูเผินๆ พฤติกรรมแบบนี้เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีราคาสูงมาก คือ คุณต้องสูญเสียบางส่วนของร่างกายไป (และการถ่ายไม่ออก) กับโอกาสเพียงเล็กน้อยในการหลบหนี แต่ถ้ามองในแง่มุมวิวัฒนาการ มันอาจจะฟังดูเข้าท่าก็ได้ในสังคมโหดร้าย สังคมที่หมากินหมา
ในสถานการณ์จวนตัว หนียังไงก็ไม่พ้น การยอมเสียบางส่วนของร่างกายแลกกับการรักษาชีวิตเอาไว้ เพื่อจะได้มีโอกาสหาคู่ตุนาหงัน ได้มีโอกาสมีทายาทสืบต่อเผ่าพันธุ์แมงป่องต่อไป ก็อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
เพราะนั่นอาจจะหมายถึงความอยู่รอดของมวลแมงป่องชาติ
ก็คงต้องยอมซูฮกจริงๆ กับพฤติกรรมสุดแสนจะเด็ดเดี่ยวของพวกเหล่าแมงป่อง “สละรูก้นเพื่อถอยหนี แต่ไม่มีจะยอมตาย (แบบโสด) ยอมทนทรมานถ่ายไม่ออก แต่ไม่ยอมหรอกที่จะไม่มีคู่”
หมายเหตุ : ใครสนใจอ่านงานวิจัยของโซลิมารีฉบับเต็มสามารถติดตามหาอ่านได้ในวารสาร American Naturalist ฉบับเดือนมีนาคม 2021