เครื่องเคียงข้างจอ : เจาะใจ Life Hacks / วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

 

เจาะใจ Life Hacks

 

ปีนี้รายการ “เจาะใจ” ของเจ เอส แอล มีอายุ 30 ปีแล้วครับ

อายุมากกว่าลูกชายของผมเสียอีก ถ้าการช่วยกันทำคลอดและดูแลการเติบโตของสิ่งๆ หนึ่งจะเปรียบได้กับลูก เจาะใจก็คงเป็นลูกคนโต ที่ตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ มี mature พอตัว

การที่รายการหนึ่งรายการมีอายุยืนนานมาขนาดนี้ย่อมไม่ธรรมดา ในความไม่ธรรมดานั้นมีความเป็นธรรมดาอยู่ นั่นคือ “แก่นของรายการ” คือ การสร้างแรงบันดาลใจ ให้สติปัญญา มุมมองที่เป็นบวก และให้คำตอบกับบางปัญหา รวมทั้งหลายครั้งก็เป็นทางออกของชีวิตสำหรับบางคน

แก่นรายการที่ว่านี้ธรรมดาไม่ได้ซับซ้อนอะไร การที่คงอยู่บนแก่นนี้มา 30 ปีแล้ว แสดงให้เห็นว่า คนเราไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด ต่างก็ต้องการแรงบันดาลใจ ให้เป็น “พลัง” กับชีวิตเสมอ จึงเป็นแก่นง่ายๆ ที่อยู่ได้นาน และเป็นความจริง

แต่การที่จะยืนอยู่บนโลกของสื่อสารมวลชนยุคดิจิตอล ดิสรัปชั่นนั้น ไม่ใช่ยืนอยู่เฉยๆ แต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของสังคมและมนุษย์ด้วย

 

“เจาะใจ” วันนี้จึงไม่ใช่เป็นแค่รายการโทรทัศน์เท่านั้น แต่ได้ขยายพื้นที่ไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เอื้อให้ถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างถูกจริต หลากหลายภาษา และวิธีการนำเสนอมากขึ้น

จึงเกิดเป็นเว็บไซต์เจาะใจออนไลน์ และมีเฟซบุ๊ก และยูทูบ เจาะใจ เพิ่มขึ้น

เนื้อหาทางออนไลน์ในร่มของเจาะใจมีหลายแบบ ได้แก่ เจาะใจ The Lounge ที่นำเสนอเรื่องราวของงาน ชีวิต ธุรกิจ ของคนรุ่นใหม่ๆ, เจาะใจ The Trend ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอะไรที่เป็น Trend ตอนนี้ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ เจาะใจก็หยิบมานำเสนอ

นอกนั้นก็มี เจาะใจ Review ที่บอกเล่าถึงสินค้าและบริการที่หลากหลาย, เจาะใจ Health Hacks จับกลุ่มคอนเทนต์เพื่อสุขภาพ

และที่เป็นชื่อตอนของตอนนี้คือ เจาะใจ Life Hacks ก็เป็นการสัมภาษณ์ทุกเรื่องโดยดู๋-สัญญา คุณากร ทางแพลตฟอร์มออนไลน์

 

เดิมผู้ชมจะได้พบกับสัญญาอาทิตย์ละครั้งผ่านรายการเจาะใจ ทางช่อง 9 อสมท

แต่เจาะใจ Life Hacks จะทำให้คุณได้ฟังสัญญาพูดคุยกับคนบ่อยขึ้น ด้วยประเด็นและแขกรับเชิญที่หลากหลายกว่าในทีวี ตอนนี้นำเสนอไปแล้วกว่าสิบตอน ด้วยเรื่องราวต่างแวดวงกัน

อย่างเช่น เรื่องแนวทางการ ที่เป็นผลงานของคนภาครัฐ ที่ได้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช คุณธัญญา เนติธรรมกุล มาคุยเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อนถึง 4 ตอนด้วยกัน

โดยมีตัวพ่อของพื้นที่สิ่งแวดล้อม อย่าง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ และ คุณศศิน เฉลิมลาภ มาร่วมวงสนทนาอย่างออกรสออกชาติด้วย

สี่ตอนที่คุยกันนั้นเปิดให้เห็นว่าระยะเวลา 5 ปีที่อธิบดีธัญญาทำงานมานั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับพื้นที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยบ้าง

ที่เห็นชัดๆ คือ การจัดการที่เป็นระบบ มีความโปร่งใสมากขึ้น และสามารถตรวจสอบได้

 

เชื่อไหมว่าจากรายได้ของอุทยานทั่วประเทศที่เคยทำได้ 800 ล้านบาทในปี 2558 ได้ขยับขึ้นมาสูงถึง 2,700 ล้านบาทในปี 2562 เติบโตขึ้นราว 337% โอแม่เจ้า

อธิบดีธัญญาบอกว่า ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ล้างบางระบบเดิม และทำทุกอย่างให้ตรงไปตรงมา คือ ไม่มีนอกมีในนั่นเอง รายได้จึงเข้ารัฐตรงๆ ดังว่า

เมื่อมีรายได้ ก็มีทุนทรัพย์ที่จะไปพัฒนาการทำงาน นับแต่การจ้างเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อการทำงานที่กินพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ การให้สวัสดิการคนทำงานอย่างสมน้ำสมเนื้อ แล้วยังมีทุนทรัพย์ไปซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็นในการทำงานอีกด้วย

ไม่น่าเชื่อว่าที่ผ่านมาเรามีเกาะแก่งและชายหาดที่เป็นทรัพยากรทางทะเลที่สวยงาม ติดอันดับโลก มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวทะเลไทยปีหนึ่งร่วมสี่สิบล้านคน แต่เราไม่มีเรือลาดตระเวนเป็นของเราเองเลยสักลำ ที่มีอยู่หนึ่งลำก็ไปยืมเขามา มีที่ไหนกัน

คุณธัญญาจัดการซื้อเรือลาดตระเวนเพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติทางธรรมชาติของประเทศได้ เพื่อสยบกับคำกล่าวที่ได้ยินกันมานานว่า “ทำไม่ได้ ต้องรองบประมาณ” แต่ในยุคของคุณธัญญา สามารถมีเรือ มีทุ่นกำหนดพื้นที่การใช้ผืนทะเลรอบๆ เกาะได้อย่างรวดเร็ว ครบครัน

เพราะมีทุนจากรายได้ที่เก็บอย่างโปร่งใสนี่เอง ง่ายๆ

 

ไม่แต่เฉพาะเรื่องรายได้ เรื่องการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวก็สำคัญ ใช่ เราหวังรายได้จากการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องไปกันได้กับสมดุลทางธรรมชาติด้วย

“มีที่ไหน ชายหาดเกาะพีพีของอ่าวมาหยา ที่ยาวแค่ 200 กว่าเมตร แต่มีนักท่องเที่ยวไปอยู่บนชายหาดเป็นพันคน อย่าว่าแต่จะทำอะไรเลย แค่ยืนเซลฟี่ยังทำไม่ได้เลย ถ่ายภาพมาจากมุมสูงจะเห็นแต่หัวคนดำๆ เต็มพื้นที่”

เราต้องการการท่องเที่ยวแบบนี้หรือ?

“อุทยานฯ ไม่ได้มีไว้ check-in แต่อุทยานฯ มีไว้ให้เรียนรู้ ให้รักธรรมชาติ นั่นคือความยั่งยืนไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเรา”

ในที่สุดท่านอธิบดีก็สั่งปิดอ่าวมาหยา แน่นอนที่ต้องโดนโวยวายและร้องเรียนจากผู้เสียผลประโยชน์ แต่อธิบดีต้องทำใจแข็ง มุ่งมั่นที่จะต่อสู้ในสิ่งที่ถูก ไม่นานเราก็ได้อ่าวมาหยาและหาดทรายที่สวยงามเป็นธรรมชาติกลับคืนมา

หลักฐานที่เกิดขึ้นคือ หลังปิด 3 เดือนมีปลาฉลามนับสิบตัวมาว่ายในทะเลหน้าหาด ปะการังฟื้นตัว ชายหาดสวยงาม และขยะลดลงอย่างมาก

มีเรื่องราวชวนรู้เกี่ยวกับผลงาน 5 ปีของอธิบดีธัญญาอีกมาก ลองไปย้อนชมกันได้

 

นอกจากเรื่องเชิงทางการที่ว่านี้ เจาะใจ Life Hacks ก็นำเสนอมุมธุรกิจสมัยใหม่ด้วย มีผู้ผลิตสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพ และมีนวัตกรรม มาให้ดู๋ สัญญา ได้พูดคุยกัน

ที่เพิ่งออกไปคือ การเรียนรู้การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ โดยมีคุณทิพย์-มัณฑิตา จินดา เจ้าของเพจ Digital Tips Academy มาออก

คุณทิพย์เล่าให้ฟังถึงศาสตร์ในการขายของออนไลน์ว่ามีวิธีและหลักการอย่างไร แต่ก็บอกว่าสุดท้ายแล้วต้องอยู่ที่ตัวคนทำเองว่าจะมี mindset อย่างไร

บางคนเห็นคนอื่นทำก็ทำตามแล้วก็ล้มเหลว โดยไม่ได้ศึกษาลูกค้าของตนเองอย่างถ่องแท้และหาความแตกต่างของสินค้าเราให้เจอ

ยกตัวอย่าง มีคนขายคอนโดฯ จะทำการตลาดออนไลน์ หากทั่วไปก็อาจจะลงโฆษณาหว่านว่า คอนโดฯ อยู่ไหน ทำเลดีอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ซึ่งต้องไปแข่งกับอีกหลายร้อยคอนโดฯ เพราะพูดขายของแบบเดียวกัน

คนคนนี้ลุกขึ้นเดินสำรวจเอง ไปพูดคุยในพื้นที่ที่คอนโดฯ สร้าง คือย่านซอยอารีย์ คุยไปหมดทั้งคนอยู่คอนโดฯ เอง แม่ค้า ยาม คนทำมาหากิน จนพบว่ามีลูกค้าประเภทหนึ่งที่นิยมมาซื้อคอนโดฯ ในย่านนี้คือ “กลุ่มหมอ” เพราะ

1. ใกล้รถไฟฟ้า เพราะหมอบางทีต้องวิ่งรอกไปโรงพยาบาลหลายแห่ง

2. มีของกินอุดมสมบูรณ์ หาง่าย ราคาไม่แพงเกิน

3. คอนโดฯ ในย่านนี้จะเป็น Low Rise คือมีไม่กี่ชั้น เพราะตอนทำงานเจอคนมาเยอะแล้ว อยากพักอาศัยอยู่ในที่ที่คนไม่พลุกพล่าน สงบๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงทำการตลาดแบบ Exclusive กับกลุ่มคุณหมอโดยเฉพาะ และก็ขายดี

มีเรื่องในเชิงธุรกิจที่น่าสนใจอีกหลายตอนให้ชมกัน ดูแล้วได้ไอเดียดีๆ เยอะเลย

 

หรือแม้แต่เรื่องทำนองจิตใจและศาสนา ก็มีเหมือนกัน อย่างแขกรับเชิญที่ชื่อ พศิน อินทรวงศ์ ซึ่งมีอยู่ 3 ตอนก็ได้รับความสนใจมาก ยอดวิวแตะหลักแสนกันเลย

คุณพศินพูดถึงแก่นของพุทธศาสนากับชีวิตมนุษย์ว่าจริงๆ เป็นอย่างไร ใช้คำพูดง่ายๆ และเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน

อย่างเช่น เรื่องร่างกายว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ของเรา สักวันก็เน่าเปื่อย อันนี้คนรู้กันมาเยอะแล้ว แต่รู้ไหมว่า “ความคิด” ก็ไม่ใช่ของเราเหมือนกัน ชักเริ่มสงสัยแล้วสิว่าทำไมไม่ใช่ของเรา ก็เราเป็นคนคิดนี่นา

คุณพศินบอกว่า ความคิดจะผลิตความทุกข์ให้กับเรามากกว่าความสุข เป็นความทุกข์ที่มาจากข้างในใจเราไม่ใช่จากข้างนอก ที่ว่าทุกข์จากข้างในเพราะจิตเราไปยึดกับความคิดนั้น พอไม่เป็นอย่างที่คิดก็จะเป็นทุกข์

ความคิดที่ว่านั้น มีภาพ เสียง มีความรู้สึก มีการประมวลผลตามประสบการณ์ของเรา ซึ่งล้วนเป็นเรื่องปรุงแต่งทั้งสิ้น หากเราใช้ “จิต” รู้ทันเจ้าตัว “ความคิด” นั้นได้ จิตก็จะกำหนด “สติ” ให้คอยกรองความคิดนั้นเสีย

ความคิดจึงไม่ใช่ของเรา แต่ “จิต” ที่คอยกรองความคิดนั้นสิเป็นของเรา เราจึงต้องรู้จักการฝึกจิตให้ควบคุมความคิดให้เป็นอยู่เสมอ

ฟัง 3 ตอนของคุณพศินแล้ว เราจะเข้าใจพุทธศาสนามากขึ้น และรู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร

อยากเชิญชวนให้ชมเนื้อหาต่างๆ ทางออนไลน์ของ “เจาะใจ” กัน รวมทั้งเจาะใจ Life Hacks ที่เล่าให้ฟังนี้ด้วย ดูได้ทั้งทาง Facebook และ YouTube

เพื่อให้อายุ 30 ปีของเจาะใจ ได้คงส่งมอบสิ่งดีๆ กับสังคมตามที่ยึดมั่นไว้ต่อไป