คนมองหนัง : อำลา ‘คนเล็ก’ ผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อ ‘อู๋ม่งต๊ะ’

คนมองหนัง

 

อำลา ‘คนเล็ก’ ผู้ยิ่งใหญ่

ชื่อ ‘อู๋ม่งต๊ะ’

 

“อู๋ม่งต๊ะ” (อู๋เมิ่งต๋า) ดาวตลกคู่หู “โจวซิงฉือ” ในจอภาพยนตร์ตลอดทศวรรษ 1990 เพิ่งเสียชีวิตลง หลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ ขณะมีวัย 70 ปี

ฝากผลงานการแสดงหนังไว้มากกว่า 160 เรื่อง และละครโทรทัศน์อีกมากมาย

“อู๋ม่งต๊ะ” เกิดที่เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน เมื่อ ค.ศ.1951 (พ.ศ.2494) ก่อนจะอพยพตามครอบครัวมายังฮ่องกง ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ

ต้นทศวรรษ 1970 “อู๋ม่งต๊ะ” ได้สมัครเข้าศึกษาในโรงเรียนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยมีหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นชื่อ “โจวเหวินฟะ”

ต่อมา เขาเริ่มต้นชีวิตนักแสดงด้วยการรับบทบาทในซีรีส์แนวย้อนยุคและกำลังภายใน

ผลงานสร้างชื่อให้ “อู๋ม่งต๊ะ” ณ ยุคต้น ก็คือการสวมบทเป็น “โอวทิฮวย” ในซีรีส์ “ชอลิ้วเฮียง” (1979)

 

เมื่อเริ่มร่ำรวยและมีชื่อเสียง “อู๋ม่งต๊ะ” กลับติดการพนันอย่างหนัก กระทั่งงานแสดงของเขาค่อยๆ หดหายในช่วงต้นทศวรรษ 1980 และมีหนี้สินเกือบๆ 4 หมื่นเหรียญสหรัฐ

เวลานั้น “อู๋ม่งต๊ะ” ตัดสินใจเข้าไปขอรับความช่วยเหลือจากอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่าง “โจวเหวินฟะ” ซึ่งกำลังเป็นดาราหนุ่มเนื้อหอมผู้โด่งดัง

ทว่า “โจวเหวินฟะ” กลับไม่ยินยอมให้มิตรสหายผู้นี้ยืมเงินไปใช้หนี้ โดยไม่อธิบายเหตุผลใดๆ จน “อู๋ม่งต๊ะ” ต้องกลายเป็น “บุคคลล้มละลาย” ในที่สุด

หลังเหินห่างกันอยู่นานหลายปี มิตรภาพระหว่างเพื่อนนักแสดงทั้งคู่ก็พลิกฟื้นหวนมางดงามดังเดิม เมื่อ “อู๋ม่งต๊ะ” ตีความเหตุการณ์ในอดีตว่า ถ้าวันนั้น เขาสามารถหยิบยืมเงินจาก “โจวเหวินฟะ” ได้อย่างง่ายๆ แล้วนำไปชดใช้หนี้สินแบบสบายๆ

เขาก็จะมีโอกาสย้อนกลับไปติดการพนันต่อ และสร้างหนี้ก้อนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาเป็นดินพอกหางหมูมิรู้จบ

 

การต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำของตัวเอง ทำให้ “อู๋ม่งต๊ะ” ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ชำระล้างหนี้ แล้วย้อนคืนสู่วงการบันเทิง เพื่อสร้างชื่อเสียงครั้งใหม่ นับแต่กลางทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา

ปลายทศวรรษ 1980 “อู๋ม่งต๊ะ” ได้ร่วมงานกับนักแสดงตลกมุขแพรวพราวอย่าง “โจวซิงฉือ” เป็นครั้งแรก ในซีรีส์กำลังภายในของทีวีบีเรื่อง “จอมยุทธผงาดฟ้า/จอมยุทธสะท้านโลกันตร์” (The Final Combat – 1989)

หลังจากนั้น “อู๋ม่งต๊ะ” ก็รับบทคู่หูคู่ฮาเคียงข้าง “โจวซิงฉือ” ในยุคทองของ “ภาพยนตร์ตลกฮ่องกง” ช่วงทศวรรษ 1990

ผ่านผลงาน อาทิ “คนตัดเซียน” (All for the Winner), “คนเล็กนักเรียนโต” (Fight Back to School), “คนเล็กไม่เกรงใจนรก” (King of Comedy), “ไซอิ๋ว 1995 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน” (The Chinese Odyssey), “คนไม่ธรรมดา ยืดได้หดได้” (Sixty Million Dollar Man), “จี้กง ใหญ่อย่างข้าไม่มี” (The Mad Monk), “เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว” (Hail the Judge) และ “คนเล็กกุ๊กเทวดา (The God of Cookery)”

“หนังตลก” ที่ “โจวซิงฉือ” และ “อู๋ม่งต๊ะ” แสดงร่วมกัน ถูกขับเคลื่อนด้วยไหวพริบปฏิภาณในการเล่นแปรธาตุกับ “ภาษาจีนกวางตุ้ง” ผสานมุขตลกโปกฮาแนวตบกบาล-เล่นใหญ่ โดยละเลยโครงสร้างการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ปกติทั่วไป จนมักสร้างเรื่องเซอร์ไพรส์-ประหลาดใจให้คนดูครั้งแล้วครั้งเล่า

นี่คือ “ความตลก” ที่ “ผู้ชมในโลกตะวันตก” ซึ่งสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษอาจไม่เข้าใจกระจ่างแจ้งนัก

ขณะเดียวกัน “ภาพยนตร์ตลกฮ่องกง” เหล่านี้ ก็เดินทางเข้าสู่การรับรู้ของคนไทย ผ่านเสียงไทยและมุขตลกแบบไทยๆ ของทีมพากย์ชาวไทย (ซึ่งไม่แน่ใจว่าคงความหมาย-อารมณ์ขันดั้งเดิมเอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน?)

ก่อนที่ “มุขตลกแบบโจวซิงฉือ-อู๋ม่งต๊ะ” จะได้คลุกเคล้ากับส่วนผสมอันเหมาะเจาะลงตัวของเทคนิคการสร้างภาพพิเศษด้วยคอมพิวเตอร์และกีฬาสากลอย่างฟุตบอล

จนถูกพัฒนากลายเป็นอาหารจานเด็ดชื่อ “นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่” (Shaolin Soccer – 2001) ที่สามารถเอาชนะใจผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกได้สำเร็จ

กระนั้นก็ตาม “อู๋ม่งต๊ะ” ไม่ได้เป็นเพียง “นักแสดงตลก” ชั้นยอด หากเขายังมีสถานะเป็น “นักแสดงฝีมือดี” สิ่งที่พิสูจน์คำกล่าวนี้ คือ รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมประจำปี 1991 บนเวที “ฮ่องกง ฟิล์ม อวอร์ดส์” จากภาพยนตร์เรื่อง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” (A Moment of Romance – 1990)

 

น่าแปลกใจที่หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงร่วมกันใน “นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่” “โจวซิงฉือ” กับ “อู๋ม่งต๊ะ” ก็ไม่ได้แสดงภาพยนตร์เคียงข้างกันอีกเลย

อย่างไรก็ดี “อู๋ม่งต๊ะ” ยังมีผลงานการแสดงใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะ เช่นเดียวกับฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นในจีนแผ่นดินใหญ่ของเขา

โดยผลงานสำคัญลำดับสุดท้ายของนักแสดงมากประสบการณ์ผู้นี้ ก็คือภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์เรื่อง “ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ” (The Wandering Earth – 2019) ที่โกยรายได้ไปประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ

“อู๋ม่งต๊ะ” เคยปฏิเสธถึงข่าวลือที่ว่าเขากับ “โจวซิงฉือ” แตกคอกัน โดยชี้แจงว่าฝ่ายหลังเคยเสนอให้ตนเองไปร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “เงือกสาว ปัง ปัง” (The Mermaid – 2016) แต่เขาต้องบอกปฏิเสธ เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพอันเกิดจากอาการหัวใจวายเมื่อปี 2014

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “อู๋ม่งต๊ะ” เพิ่งให้สัมภาษณ์สื่อจีน ถึงความเป็นไปได้ในการย้อนกลับไปร่วมงานกับ “โจวซิงฉือ” อีกครั้ง ผ่านคำกล่าวที่ว่า “ผมยังไม่ตายและยังไม่ได้อำลาวงการ ดังนั้น ย่อมมีโอกาสที่เราจะกลับมาร่วมงานกัน”

แต่แล้ว “ความเป็นไปได้” ดังกล่าว ก็ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง

ด้านดารา-คนทำหนังที่มีผลงานการแสดงคู่กับ “อู๋ม่งต๊ะ” มาเกินกว่า 20 เรื่อง อย่าง “โจวซิงฉือ” ได้กล่าวไว้อาลัยเพื่อนรักร่วมจอภาพยนตร์ว่า “ผมยังคงเสียใจ เจ็บปวด และยอมรับความสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้ เขาจากไปอย่างรวดเร็ว หลังเพิ่งล้มป่วยลงไม่นาน เขาคือเพื่อนเก่าของผมและคู่หูที่ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน ผมยังยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้”

สำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย “อู๋ม่งต๊ะ” ยังมีอีกหนึ่งสถานภาพสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม

นั่นคือ เขาถูกเปรียบเปรยอุปมาเป็น “ตัวแทน” ของเหล่า “อันเดอร์ด็อก-คนเล็ก-คนขี้แพ้” ที่แม้จะเอาดีอะไรไม่ค่อยได้ ทว่าก็ยังพยายามหัวเราะเยาะเย้ยให้แก่ชะตากรรมอันรันทดของตนเองอยู่เสมอ

นี่เป็น “ความหมายข้ามวัฒนธรรม” ที่ยังดำรงอยู่ต่อไป แม้จะไม่มี “อู๋ม่งต๊ะ” ในจอภาพยนตร์อีกแล้ว

ข้อมูลจาก

https://www.hollywoodreporter.com/news/ng-man-tat-hong-kong-actor-famed-for-comic-collaborations-with-stephen-chow-dies-at-70

https://www.scmp.com/news/hong-kong/society/article/3123442/legendary-hong-kong-actor-ng-man-tat-dies-liver-cancer-70

Stephen Chow: A Guide for the Perplexed

https://www.tumblr.com/nikitasbt/182912808342/mo-lei-tau-in-the-modern-hong-kong-cinema

 

https://mothership.sg/2021/03/stephen-chow-ng-man-tat/