ใส่บ่าแบกหาม : Where to Invade Next

US filmmaker Michael Moore (C) attends a photo call for his new film "Where To Invade Next" in London on June 9, 2016. / AFP PHOTO / Daniel Leal-Olivas/AFP

เธอจ๊ะ

Where to Invade Next เป็นหนังแนวสารคดี กำกับฯ และผลิตโดย Michael Moore

ไมเคิล มอร์ คนเดียวคนเดิม ที่กำกับภาพยนตร์สารดี อย่าง Bowling for Columbine (2002)

Fahrenheit 9/11 (2004) และ Sicko (2007) เนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองการบริหารประเทศที่มีผลต่อหมู่มวลประชาชนตาดำๆ

เรื่อง Where to Invade Next นี้ ไมเคิล มอร์ ก็ยังคงยึดมั่นเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกาอันเป็นที่รัก แต่คราวนี้ใช้วิธีไปสำรวจข้อดีของคนอื่นๆ หรือก็คือประเทศอื่นๆ นั่นเอง

invade เขาใช้คำนี้ ฟังดูยิ่งใหญ่

invade ในที่นี้หมายถึง ไปบุกไปรุกรานพร้อมการแทรกแซง แบบอเมริกาไปบุกอิรัก

พี่ไมเคิล มอร์ ไปคนเดียว และมีทีมงานถ่ายทำไปเก็บภาพเก็บเสียงมาให้เราได้ดูกัน แค่นั้น!

พี่เขาก็ประชดแหละ ประเทศเขาชอบส่งกองกำลังทหารไปบุกประเทศนู้นประเทศนี้ แล้วในที่สุด ได้อะไรบ้าง?

They regretted having wasted trillions of dollars
and helping to create new groups like ISIS.

เขาเสียใจที่ผลาญเงินไป
หลายต่อหลายล้านๆ เหรียญ
และได้กลุ่มก่อการใหม่ๆ แบบไอซิส

trillion มากกว่า billion หนึ่งพันเท่า

1 billion = 1,000 x 1,000,000 หรือก็คือ หนึ่งพันล้าน หรือ 1,000,000,000
1 trillion = 1,000 x 1,000,000,000 หรือก็คือ หนึ่งล้านล้าน 1,000,000,000,000

เขา ในที่นี้ คือ เพนตากอน หรือกลาโหมของสหรัฐ

กลาโหมเขาเชิญพี่ไมเคิลไปขอความคิดเห็น ทำไมรบไปแล้วได้ศัตรูใหม่มา?

They admitted that
what they got from these wars was just more war.

เขายอมรับว่า
ที่ไปรบๆ กันมานั่น ก็มีแต่จะมีสงครามมากขึ้น

เราได้ยินแบบนี้กันมานานแล้วนิ ทำสงครามเพื่อจะได้พบสันติภาพ ยังไงก็ฟังแปลกหู ฉันก็ไม่เข้าใจในไอเดียอยู่นั่นแล้ว

They felt embarrassed, humiliated.
Their hands were all placed in a no-fly zone.

เขาอาย อับอายขายขี้หน้า
แถมไม่ได้มีอำนาจหน้าที่จะเป็นธุระเรื่องนั้นๆ

no-fly zone คือ เขตห้ามบิน
be embarrassed แปลว่า รู้สึกเขินอาย หรืออายแบบ ลื่นล้มต่อหน้าคนเยอะๆ
ส่วน be humiliated จะเป็นรู้สึกอายแบบอับอายขี้หน้า

เป็นทหารเขาให้ไปรบก็ไปได้ไง เป็นหน้าที่ แต่จะมาวุ่นวายกับกิจการบ้านเมือง ไม่ใช่หน้าที่ แล้วทหารก็เป็นพวกมีความรู้เฉพาะทาง การจะไปจัดการการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมให้กลมกลืนและก้าวหน้าไปได้ มันอาศัยความรู้และทักษะหลากหลาย ในวงกว้าง และระดับสูงซับซ้อน ในการณ์นี้ คล้ายๆ ทหารก็คงสำเหนียกว่า รบกันไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น มีทางอื่นที่จะช่วยชาติแบบไม่ใช้กำลังหรืออาวุธไปข่มขู่ใครไหม?

“You must stand down.”
I told them that our troops
needed a much-deserved break.

เราต้องถอนกำลังทางทหาร
ผมบอกพวกเขาว่าทหารของเรา
สมควรพักมากๆ

stand down ถ้าเป็นเรื่องทหาร ก็หมายถึง ถอนกำลังทางทหารจากที่ไปประจำการกันอยู่นั่นแหละ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก กลับไปประจำกรมกองของใครของมันกันได้แล้ว

แต่ถ้าเป็นเรื่องในศาล stand down จะหมายถึง พยานที่ไปให้การในคอกพยานให้การสามารถลงจากคอกได้ ไม่มีใครซักอะไรแล้ว

Untitled-1พี่ไมเคิลเห็นว่า ไหนๆ เราก็เป็นประชาชน ก็อยากบุกประเทศอื่นบ้าง เผื่อคำตอบที่อยากได้จะอยู่ในประเทศอื่นๆ ในโลกใบนี้ ว่าแล้วแกก็ออกเดินทางไปแสวงหาข้อมูลและความรู้

“For we have problems no army could solve.” เพราะเรามีปัญหามากมายที่ทหารที่ไหนก็แก้ไขให้ไม่ได้ คุณมอร์กล่าว เพราะเริ่มจากสงครามโลกครั้งที่สองนั่นไง รบกันเกือบตาย ไม่ก่อให้เกิดผลดีอะไร แต่คนเราก็ยังหาประเด็นรบกันต่อไป สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามเย็น สงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามอิรัก

ถ้าพิจารณารูปแบบการรบ ก็จะมีทั้งแบบรบกับประเทศอื่นๆ, ไปช่วยประเทศอื่นรบ และรบกันเองภายในประเทศของตนเอง

แต่ในประเทศไม่เรียกรบสินะ มันเป็นการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ที่นิยมมากก็มักจะเป็นแบบที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียวที่มีอาวุธ ซึ่งก็มักเป็นฝ่ายทหาร และถ้าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายที่ไม่ใช่ทหาร ส่วนมากก็จะเป็นประชาชนคนธรรมดา ที่ไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรมากมาย และมักเป็นฝ่ายโดนปราบปราม หรือไม่ก็มาในรูปแบบการก่อการร้ายที่เป็นกลุ่มเล็ก แต่พล่าผลาญชีวิตคนบริสุทธิ์เป็นร้อยพันหมื่น

ไมเคิล มอร์ ได้เก็บเกี่ยวข้อดีของแต่ละประเทศที่ได้ไป “บุก” และได้ออกตัวไว้แต่ต้นเลยว่า

…my mission is to pick the flowers,
not the weeds.

ภารกิจของผมคือไปเก็บดอกไม้
ไม่ใช่วัชพืช

เพราะประเทศไหนๆ ใดๆ ก็มีปัญหานานาประการ แต่อะไรที่ว่าดีก็ควรยอมรับกลับมา ไม่เอาสิ่งเลวร้ายอื่นไปทำลายความชอบธรรมของสิ่งที่ดีๆ นั้น ต้องแม่นประเด็น จะได้ใช้ประโยชน์

ประเทศอิตาลี ประเทศที่เห็นความสำคัญของการพักร้อน พักกลางวัน และสวัสดิการหมายถึงความสุขด้วย

What good”s a vacation
if you can”t afford to go on it?

พักร้อนจะมีดีที่ตรงไหน
ถ้าไม่มีเงินทองไปใช้จ่าย?

คนอิตาเลียนมีรายได้จากงานประจำ ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเพื่อการไปพักร้อนด้วย ส่วนวันลาพักร้อนเก็บไว้ทบในปีต่อๆ ไปได้ไม่มีหมดอายุ ส่วนในวันปกติธรรม มีเวลาพักกลางวันสองชั่วโมง สามารถกลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลที่ทำงาน ทำอาหารกลางวันดีๆ กินเองได้ที่บ้าน

ประเทศฝรั่งเศส เมนูอาหารกลางวันของเด็กๆ เกิดจากการร่วมกันคิด ระหว่างเชฟของโรงเรียน เจ้าหน้าที่ของเมือง เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน และนักโภชนาการ ทุกเดือนคณะทำงานมาประชุมกัน

They consider lunch a class.
เขาคิดว่าเวลาอาหารกลางวันเป็นชั้นเรียน

แต่เด็กๆ ไม่ได้คิดว่าเรียนหนังสือหรืออะไร ตลอดชั่วโมงนั้น เด็กๆ จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมการการกินแบบสุภาพชน รู้จักอร่อยกับอาหารดีมีประโยชน์ และเสิร์ฟอาหารให้เพื่อนๆ

Untitled-2

น่าเอ็นดูที่สุด อาหารกลางวันของเด็กนักเรียนฝรั่งเศส มาเป็นคอร์สๆ มีอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก มีชีสต่างชนิดมาให้กินทุกวัน และมีของหวาน เด็กๆ ดื่มน้ำเปล่าเยอะอย่างที่เด็กๆ ควรดื่ม ไม่มีน้ำอัดลม บนโต๊ะมีเหยือกน้ำ และแก้วน้ำ เด็กๆ จึงรู้จักการรินน้ำแจกจ่ายให้เพื่อน อาหารที่มาเป็นจานใหญ่ เด็กๆ ก็รู้จักตักแบ่งให้เพื่อนและตักให้ตนเอง แบบปริมาณพอกิน และรู้จัดกินอาหารบนจานเซรามิก ใช้มีดและส้อม

แล้วโรงเรียนที่คุณไมเคิล มอร์ ไปเยี่ยมชมนั้น เป็นโรงเรียนระดับล่างด้วยซ้ำไป!

8

คุณไมเคิลไปหลายประเทศ เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ที่เดิมเป็นไอเดีย แต่ปัจจุบันเป็นความสำเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรม นอกจากประเทศอิตาลีกับฝรั่งเศส ก็ยังมีเยอรมนีที่โรงงานผลิตดินสอเล็กๆ แต่ทำกำรี้กำไรได้มหาศาล และมีกฎหมายที่ห้ามนายจ้างติดต่อเรื่องงานกับพนักงานหลังเลิกงานหรือในวันหยุดวันลา

ประเทศโปรตุเกสที่ไม่จับกุมคนใช้ยาเสพติด

สโลวาเนียที่เรียนปริญญาตรีได้ฟรีซึ่งรวมถึงนักศึกษาต่างชาติด้วย

ประเทศฟินแลนด์ ที่นักเรียนเรียนวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่จบมามีความรู้วิชาการ ได้เตรียมตัวไปทำงานอย่างที่ชอบและเป็นคนมีความสุข

นอร์เวย์ที่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์และมีความเคารพให้แม้ในหมู่นักโทษ

แล้วก็ยังมีตูนิเซียและไอซ์แลนด์ ที่ผู้หญิงมีความสำคัญและเป็นผู้ประสบความสำเร็จในด้านการบริหารบ้านเมืองและบริษัทใหญ่

ประเทศเหล่านั้นเขาประสบปัญหาก่อน แล้วเขาก็คิดหาหนทางแก้ไข จนกลายเป็นความสำเร็จ ให้เราได้เรียนรู้กัน น่าชื่นชมที่สุดในชุดนี้นะ

ฉันเอง