หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๔) / บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๔)

 

ตั้งแต่สมัยเด็ก ฉันพบว่ามีสองทางเลือก

๑ การกลับคืนสู่ธรรมชาติ

๒ การช่วยโลกและเพื่อนมนุษย์

สองเส้นทางนี้ล้วนยาก และลึกซึ้ง

เส้นทางสายแรก เป็นเส้นทางของนักปราชญ์ หรือกวี แต่มันอาจเป็นเส้นทางโดดเดี่ยว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับใครก็ได้ ขอเพียงอย่าไปเบียดเบียนคนอื่นก็พอ

และหากเทียบไปก็ง่ายกว่าเส้นทางที่สอง เพราะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับบุคคลอื่น

เส้นทางที่สองเป็นเส้นทางของนักวิทยาศาสตร์ นายแพทย์ หรือรัฐบุรุษ มันเป็นวังน้ำวน ที่เชี่ยวกรากยิ่งนัก มีปัจจัยเยอะแยะ เกี่ยวข้องกับคนเยอะแยะ

ที่สำคัญถูกผิดยากแยกแยะ

 

น่าประหลาดที่ประวัติศาสตร์มียุคหนึ่ง ที่เรียกว่ายุค Cannon หรือยุคพระคัมภีร์ มันเกิดขึ้นราวสองพันกว่าปีก่อน

ที่เรียกเช่นนี้เพราะพระคัมภีร์หลักของโลกล้วนกำเนิดในยุคนั้น พร้อมเพรียงกันอย่างน่าประหลาด เช่น พระไตรปิฎก เต้าเต๋อจิง ตำราของขงจื้อ ตำราเม่งจื้อ อุปนิษัท ฯลฯ

ที่น่าสังเกตคือ มันคือสปิริตสูงสุดของมนุษย์ ในแง่ภูมิปัญญา ในแง่หลักธรรม เรียกได้ว่าสปิริตของมนุษย์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในยุคนี้ และจะไม่ไปเกินกว่านี้อีกแล้ว มันคือยอดเขาสูงสุด

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนะ ทั้งที่มนุษย์ในยุคนั้น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังต่ำต้อย เทคโนโลยีก็ด้อยกว่ายุคปัจจุบันมากนัก แต่ก็อาจเพราะเหตุนี้เอง มนุษย์จึงพัฒนาสปิริตไปได้จนถึงขีดสุด เหมือนหุ้นตัวนี้ ราคาขึ้นสูงสุดในยุคนั้น และแม้กาลเวลาจะผ่านมาอีกสองพันกว่าปี หุ้นตัวนี้จะขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ไม่อาจขึ้นสูงกว่าจุดสุดยอดนั้นไปได้ บางครั้ง มันอาจทะยานสูงไปแตะเพดาน แต่แล้วก็ถอยลงมา

น่าประหลาด ที่จิตวิญญาณมนุษย์ทุกยุคต่อมาไม่อาจไปไกลกว่านั้น หากคิดอีกทีก็ไม่จำเป็น เพราะสปิริตดังกล่าวมีความพร้อมมูล ครบถ้วน งดงาม ปัญหาเพียงแค่ว่าจะทำอย่างไรให้มันคงที่มากกว่า ทำอย่างไรจึงจะไปถึงยอดเขา และอยู่ตรงนั้น

นิพพานจึงเป็นอุดมคติ ที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรยิ่งกว่า

 

แต่มิได้หมายว่ามนุษย์โง่เขลาลง เลวลง หากแต่โลกนี้เปลี่ยนแปลงไป ประชากรบนโลกเพิ่มมากขึ้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นไปมาก ซึ่งก็มีข้อดีหลายอย่าง เช่น ทำให้มนุษย์อายุยืนขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น

หากฉันเกิดในยุคโบราณ การที่จะมีอายุเกินหกสิบ ไม่ใช่เรื่องง่าย เอาเฉพาะฟันในปากของฉัน ในวัย ๖๘ ปี จะให้ยังดีเหมือนวันนี้ เป็นไปได้ยาก มันคงผุพังไปเกือบหมดปากแล้ว เรียกได้ว่ายุคปัจจุบันก็มีข้อดีมากมาย เพียงแต่เช่นเดียวกับทุกสิ่ง คุณได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง มันเป็นกฎความสมดุลของธรรมชาติ

ดังนั้น ในยุคนี้ สปิริตของมนุษย์จะให้แข็งแกร่งดังยุคพระคัมภีร์ เป็นไปได้ยาก จะให้เหนือกว่า อย่าได้หวัง

ในยุคพระคัมภีร์ ประชากรบนโลกนี้ยังเบาบาง นั่นหมายความว่า โลกนี้ยังสะอาด ยังอุดมด้วยป่าไม้ และขุนเขา

แต่ในวันนี้ มลภาวะเต็มไปหมดทุกที่ ไปถึงทุกมหาสมุทร ป่าไม้ของเราลดน้อยลงไปมาก และขุนเขาก็ลดน้อยลง เสื่อมถอยลง รวมทั้งหุบเขาก็เช่นกัน หุบเขาลดน้อยลงมาก มันมิได้ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ดั่งแต่ก่อน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่เราจะไปมีสปิริตเหนือกว่าคนยุคโบราณ เป็นไปไม่ได้เลย

 

สมมุติฉันเลือกเส้นทางแรก แต่นั่นก็มิได้หมายความว่า จะลืมเลือนเส้นทางที่สองได้อย่างเด็ดขาด เหมือนเกิดมาเป็นคน จะลืมหน้าที่ของตัวเองก็ไม่ได้

มันเป็นถนนสองสาย ที่บางครั้งก็เชื่อมโยงเข้าหากัน บางครั้งก็ไปมาหาสู่กันได้

ฉันเลือกเส้นทางแรกเป็นหลัก จากพื้นฐานนิสัยใจคอของตัวเอง เพิ่งจะมาในยุคหลังนี่เอง เมื่อฉันอายุเกินหกสิบ ที่ฉันสนใจการเมืองมากขึ้น หันมาตรวจสอบโลกและสังคม แต่มันก็เป็นในช่วงที่ฉันอายุมากแล้ว ฉันก็เป็นได้แค่ผู้ดู การกระโดดเข้าไปในวังวนเหล่านี้ มันเหนื่อยยากเหลือเกิน

การต่อสู้ที่แท้จริง หากต่อสู้แล้วจะมีแค่สองทางเลือกเท่านั้น

๑ สู้จนตัวตาย

๒ สู้จนต้องฆ่าตัวตาย

การต่อสู้จนตัวตาย นี้จึงเป็นเส้นทางของหนุ่ม-สาว ด้วยมันยังซ่อนความเป็นไปได้นานา เหมือนในวัยเด็ก เรายังคิดฝันอะไรได้มากมาย เราไม่รู้วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น

มีบางคนเท่านั้น ที่ต้องเลือกเส้นทางที่สอง เส้นทางสายนี้มิได้หายไป มันวนเวียนอยู่ตรงนี้ แม้แต่ตัวฉันที่มีชีวิตที่สงบสุข ปกติสุขมาโดยตลอด ก็มิได้หมายความว่า ฉันจะไม่มีทางฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายยังเป็นทางเลือกหนึ่งเสมอ ด้วยเพราะมันเป็นเพียงสองเส้นทางเท่านั้น สำหรับนักสู้ ไม่มีทางเลือกที่สาม

เส้นทางแรกดีตรงที่ว่า มันอาจเป็นการต่อสู้เงียบๆ ไม่จำเป็นต้องบอกใคร หรือมีใครรู้ เขาจะต่อสู้จนตัวตาย มีเพียงตัวเองที่รู้ ว่าเส้นทางนั้นมาถึงไหน ผ่านอะไรมาบ้าง

แต่ในวูบหนึ่ง โดยไม่คาดคิด เส้นทางที่สองเกิดปรากฏตัวขึ้น

 

ฉันมองดูชีวิตของคนในอดีต เทียบกับปัจจุบันแล้ว จะเห็นความแตกต่างเป็นอย่างมาก ในกรณีความเรียบง่าย คือชีวิตในอดีตเรียบง่าย ส่วนชีวิตในปัจจุบันซับซ้อน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าอะไรดีกว่ากัน หากแต่ทว่า หากขัดแย้งกัน ความซับซ้อนจะชนะ ด้วยเพราะมันไหลตามโลก ส่วนความเรียบง่ายจะทวนโลก

ในสมัยก่อนนั้น

๑ ไม่มีอินเตอร์เน็ต

๒ ไม่มีคอมพิวเตอร์

๓ ไม่มีทีวี

๔ ไม่มีโทรศัพท์

๕ ไม่มีภาพยนตร์

๖ ไม่มีรถยนต์

๗ ไม่มีเครื่องบิน

๘ ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์

๙ ไม่มีดีเอ็นเอ

ไม่มีสิ่งมากมายนับล้านสิ่ง ที่ทุกวันนี้มี จริงอยู่ในอดีตมีความโหดร้าย แต่ก็มีเมตตา มีความป่าเถื่อน แต่ก็มีอารยธรรม มีความงมงาย แต่ก็มีความรู้แจ้ง โดยรวมคือมีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ความซับซ้อนค่อยๆ กลืนกินทีละน้อย เหมือนงูร้ายที่เขมือบเหยื่อ

มันทำให้เห็นว่า อนาคตโลกของเรา และมนุษย์จะเคลื่อนไปทางไหน คนหลายคนอยากกลับไปสู่ความเรียบง่าย แต่ทว่ามันคือการฝืนกระแส การทวนโลก มันคงทำไม่ได้ หากเป็นกองทัพ ก็คงรบแพ้

มันคงจะมีแต่ซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในทุกมิติ ใครที่ทนได้ก็ชนะ ใครที่ทนไม่ได้ก็จะถูกลบล้างหายไป

 

ในอนาคตจะมีอะไร คิดง่ายๆ ก็แค่ยกกำลังสอง เช่น

๑ อินเตอร์เน็ตในอินเตอร์เน็ต

๒ คอมพิวเตอร์ในคอมพิวเตอร์

๓ ทีวีในทีวี

๔ โทรศัพท์ในโทรศัพท์

๕ ภาพยนตร์ในภาพยนตร์

๖ รถยนต์ในรถยนต์

๗ เครื่องบินในเครื่องบิน

๘ นิวเคลียสในนิวเคลียส

๙ ดีเอ็นเอในดีเอ็นเอ

แน่ละ สิ่งเหล่านี้คือความซับซ้อนที่ทวีตัวขึ้น และมันกลายเป็นชีวิตที่เบียดบัง และไม่มีที่ว่างให้สิ่งอื่น สิ่งเรียบง่ายกลายเป็นความเชย ความล้าหลัง และที่สุดของมันนั้น คือความตาย