จิตต์สุภา ฉิน : ทำความรู้จัก Mixed Reality

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซู่ชิงมีโอกาสได้พาครอบครัวไปเที่ยวไต้หวัน

และก็ถือโอกาสเดียวกันนี้ในการไปร่วมงาน Computex งานจัดแสดงเทคโนโลยีประจำปีที่กรุงไทเปด้วย

ถึงแม้ว่างานนี้จะจัดต่อเนื่องกันมานานมากแล้ว แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ซู่ชิงได้ไปร่วมงานค่ะ

บรรยากาศในงานก็ถือว่าคึกคักดีแม้จะเทียบไม่ได้กับงานสเกลตะวันตก แต่ก็ถือว่ายิ่งใหญ่พอสมควรเลยนะคะ

งานนี้จะเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบคอมพิวเตอร์ คอมโพเนนต์ และชอบ DIY ประกอบคอมพิวเตอร์ เพราะถือเป็นจุดเด่นของงาน Computex เลยค่ะ

แต่ก็มีการจัดแสดงเทคโนโลยีโมบายดีไวซ์ไว้ไม่น้อย ซึ่งไต้หวันเองก็เป็นถิ่นกำเนิดของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอยู่หลายแห่ง

จากการเดินสำรวจงานไปรอบๆ ปีนี้เทรนด์ที่โดดเด่นเทรนด์หนึ่งก็น่าจะเป็นเทรนด์วิดีโอเกม และอุปกรณ์การเล่นเกม หรือเกมมิ่งพีซีรุ่นต่างๆ นั่นเอง

 

สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของซู่ชิงและทำให้ต้องรีบเดินปรี่เข้าไปหาทันทีที่เห็น ก็คือสิ่งที่ซู่ชิงได้เห็นวางโชว์อยู่ในบู๊ธของแบรนด์เอเซอร์ สิ่งนั้นคืออุปกรณ์สวมศีรษะที่เอเซอร์พัฒนาร่วมกับไมโครซอฟต์ และให้ชื่อเรียกมันว่า MR หรือ Mixed Reality แทนที่จะเป็น VR หรือVirtual Reality ในแบบที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ

Mixed Reality เป็นโปรเจ็กต์ที่อันที่จริงแล้วไมโครซอฟต์ร่วมทำกับแบรนด์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะมีเอเซอร์เป็นพาร์ตเนอร์แล้ว ก็ยังมีเดลล์ เอซุส เอชพี และเลอโนโว คอนเซ็ปต์ของมันก็คือแทนที่จะแสดงภาพเสมือนจริง หรือวีอาร์ แต่เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้สามารถรองรับ Augmented Reality ได้ด้วย เป็นการรวมกันระหว่าง AR และ VR จนกลายมาเป็นคำใหม่อย่าง MR หรือ Mixed Reality

สำหรับแว่นตาของเอเซอร์นี้ ดูภายนอกผิวเผินก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากแว่นวีอาร์ของแบรนด์อื่น อย่าง Oculus Rift หรือ HTV Vive สักเท่าไหร่ ใช้งานควบคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านการเชื่อมต่อด้วยสาย USB/HDMI ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์ม Windows Mixed Reality ของไมโครซอฟต์

ซึ่งควบรวมเอาไว้กับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ค่ะ

 

เจ้าหน้าที่ในบู๊ธลองให้ซู่ชิงสวมใส่แว่น MR ซึ่งก็มีน้ำหนักเบา สวมใส่ง่าย มีฟองน้ำมารองรับระหว่างตัวแว่นกับจมูกและบริเวณรอบดวงตา สวมควบคู่กับหูฟัง และบังคับด้วยคอนโทรลเลอร์ของ Xbox

สิ่งที่ซู่ชิงเห็นก็คือตัวเองกำลังอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่ตกแต่งแบบทันสมัยและตั้งอยู่ริมผา มองออกไปเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา

ภายในบ้านหลังนั้นซู่ชิงสามารถเดินไปเดินมาได้ โดยที่ความพิเศษของอุปกรณ์สวมศีรษะรุ่นนี้คือไม่จำเป็นต้องมีเซ็นเซอร์เพิ่ม แต่สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมได้ด้วยตัวของมันเอง

ทำให้ใช้งานง่ายขึ้นเยอะ

ซู่ชิงเดินไปเดินมาภายในบ้านเสมือนจริงหลังนั้นแล้วเลือกเล่นไปแต่ละเมนู

บางอันก็ให้เราหยิบเอาข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ สัตว์เลี้ยง ยกมาวางไว้ในบ้านแล้วมีปฏิสัมพันธ์กับแต่ละอย่างได้

บางเมนูก็พาเราไปดูอนาคตของการท่องเว็บ ที่ต่อไปการใช้เว็บเบราเซอร์เข้าไปในเว็บไซต์จะไม่ใช่การมองผ่านหน้าจออีกต่อไป แต่จะเป็นเหมือนการเดินเข้าไปในห้องกว้างๆ โล่งๆ ห้องหนึ่ง แล้วสำรวจของในห้องนั้นราวกับเป็นของจริงที่วางอยู่ตรงหน้า เช่น แทนที่จะเห็นแกลเลอรี่ภาพรถยนต์บนเว็บไซต์ค่ายรถยนต์ ก็จะเหมือนได้เดินเข้าไปในโชว์รูมแล้วก้ม เงย พินิจพิจารณาทุกองค์ประกอบอย่างใกล้ชิด

หรืออีกเมนูก็พาซู่ชิงไปอยู่บนบอลลูนที่ลอยอยู่เหนือมาชูปิกชู มองลงไปข้างล่างก็เป็นพื้นกระจกใสที่ชวนให้หัวใจวิ่งลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

และเมนูสุดท้ายคือการเข้าไปดูภาพยนตร์ 360 องศาซึ่งซู่ชิงสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ หรือจะมองไปดูองค์ประกอบอื่นรอบๆ ข้างไปด้วยพร้อมๆ กันก็ได้

ทุกอย่างถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ภาพชัด ไม่มีอาการสะดุด ไม่ก่อให้เกิดอาการเวียนหัวแต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าทำออกมาได้ดี ซู่ชิงหมายถึงว่ามันเป็นแว่นตาแสดงภาพเสมือนจริงหรือวีอาร์ที่ดีนะคะ แต่สิ่งที่ขาดไปในการทดลองใช้ครั้งนี้ คือไม่ได้เห็นความเป็น Mixed Reality เลย

สิ่งที่ซู่ชิงคาดหวังจะเห็นจากการเป็นแว่นที่ผสานระหว่าง AR และ VR เข้าด้วยกัน คือนอกจากจะสร้างโลกเสมือนจริงให้ได้แล้ว แว่นตาอันนี้ควรทำให้ผู้สวมใส่ได้เห็นสภาพแวดล้อมที่เป็นของจริงที่อยู่รอบตัวได้

แล้วจากนั้นค่อยซ้อนภาพเสมือนเข้าไปอีกที คล้ายๆ กับที่แว่นตา HoloLens ของไมโครซอฟต์สามารถทำได้

ดังนั้น บ้านที่ซู่ชิงเห็นจึงไม่ควรจะเป็นบ้านเสมือนที่สร้างขึ้นมา แต่ควรจะเป็นบ้านของซู่ชิงเองจริงๆ นี่แหละค่ะ แล้วค่อยซ้อนรายละเอียดอื่นๆ ที่ไม่มีอยู่จริงเข้ามา ให้มันแทรกซึมกันได้แบบเนียนๆ

อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์หรือสัตว์เลี้ยงที่ซู่ชิงหยิบมาวาง ก็ควรจะได้วางลงบนพื้นห้องของตัวเองนี่แหละ

ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่าในตอนนี้ แว่น Mixed Reality ของเอเซอร์ ยังไม่แสดงการ “ผสมผสาน” ที่ว่าให้เห็น แต่หากคุยกันในฐานะของการเป็นแว่นแสดงภาพเสมือนจริง ซู่ชิงก็คิดว่ามันเป็นแว่นวีอาร์ที่ทำหน้าที่ได้ดีมาก

และดียิ่งกว่านั้นอีกก็ตรงที่ราคาขาย ซึ่งเอเซอร์เตรียมพร้อมจะวางขายอยู่ที่ 299 ดอลลาร์ หรือประมาณหมื่นเศษ

เทียบกับของคู่แข่งที่สูงเหยียบสามหมื่นก็ถือว่าเอเซอร์จะทำให้คนเข้าถึงเทคโนโลยีวีอาร์ได้เป็นวงกว้างขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้คู่กับคอมพิวเตอร์สเป็กสูงทรงพลัง แค่คอมพิวเตอร์สเป็กราคากลางๆ ที่ใช้การ์ดจอแบบมาพร้อมเครื่องที่วางขายทั่วไปก็โอเคแล้ว

ซึ่งทางคนของเอเซอร์ก็บอกซู่ชิงว่าน่าจะมีการปรับพัฒนาให้มีความเป็นเออาร์มากกว่านี้ก่อนที่จะวางขาย ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ทันหรือทำได้ดีขนาดไหนนะคะ

และสำหรับในประเทศไทย เอเซอร์ก็จะนำแว่นนี้เข้ามาจำหน่ายให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ค่ะ

ซู่ชิงลุ้นให้แพลตฟอร์ม Mixed Reality นี้เป็นไปได้ด้วยดี เพราะมันจะยิ่งเป็นการผสมผสานโลกจริง และโลกเสมือนให้แนบเนียนยิ่งกว่าเดิม และมันน่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้มหาศาลต่อไปในอนาคต

อนาคตที่ความเป็นจริงหลายชุดจะถูกปะปนกันไปหมดและเราสามารถเลือกความเป็นจริงที่เราชอบได้ มันดูน่าตื่นตาตื่นใจมากจริงไหมล่ะคะ