ใส่บ่าแบกหาม : How to Be Single

AFP PHOTO / LEON NEAL

เธอจ๊ะ

How to Be Single เป็นหนังชีวิตบวกโรแมนติกคอมมะดี้ สร้างจากนิยายชื่อเรื่อง How to Be Single ชื่อเดียวกันนี้

เล่าถึงชีวิตสาว 4 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในมหานครนิวยอร์ก

ดูคล้าย Sex and the City นั่นเลย ก็แหงแหละ พอเป็นผู้หญิง 4 คนในมหานครนิวยอร์ก เราก็ต้องเปรียบเทียบกับ Sex and the City กันอยู่ร่ำไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

แต่ไม่เหมือนหรอก ฉันลองคิดๆ ดู

Dakota Johnson แสดงเป็น Alice สาวน้อยวัยใส วัยผู้ใหญ่ตอนต้น เรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้ไม่นาน

วันหนึ่งสาวเจ้าก็นึกสงสัย
Why do we always tell our stories

through relationships?
ทำไมคนเราต้องเล่าเรื่องผ่านชีวิตคู่อยู่ตลอดเวลา?

เธอตั้งคำถามกับตัวเอง ให้คุณผู้ชมได้ยินได้ฟัง ได้ช่วยขบคิด

ว่าแล้วเธอก็หาคำตอบ ด้วยการชักชวนแฟนหนุ่มที่รักกันมาตลอดช่วงที่ศึกษามหาวิทยาลัย เรามาเลิกกันเถิดจะเกิดผลเป็นการชั่วคราว

เลิกกันชั่วคราว จะได้รู้เขารู้เราว่ารักกันมากพอ สมควรจะร่วมหอลงโรงกันไหม

This isn’t a break-up. Okay?
We’re just taking some time apart.

มันไม่เรียกว่าเลิกกัน
เราแค่ห่างกันสักพัก

แฟนหนุ่มงงมากถึงมากที่สุดในตอนแรก เพราะรักกันมาเกิน 4 ปี ขั้นตอนต่อไปควรได้แต่งงาน มิใช่แยกย้ายเยี่ยงนี้

I’ve never been on my own.
I went from living with my parents,
to living in a dorm, to living with you.

ฉันไม่เคยอยู่ด้วยตัวเองเลย
อยู่กับพ่อกับแม่ ก็มาอยู่หอพัก
แล้วก็มาอยู่กับคุณ

เหตุผลของอลิซก็ฟังเข้าท่า แล้วแฟนสาวก็ไม่ได้ขออะไรมาก ขอเวลาสักนิดเดียวเอง

I don”t want to spend my life
wondering “What if?”

ฉันไม่อยากมีชีวิต
ที่ได้แต่สงสัยว่า ถ้าอย่างนั้น…

What if? เป็นคำถามเชิงสมมติว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนมากหมายถึงสิ่งไม่ดี

ความหมายเหมือน What will would happen if… กับ What would happen if…

อย่างเช่น เราต้องขึ้นรถเมล์ก่อนเวลาห้าโมงเย็น เพื่อที่จะได้ถึงบ้านก่อนค่ำ ตามพ่อแม่สั่ง แต่รอรถนานป่านนี้ อีกห้านาทีห้าโมงเย็น รถเมล์ก็ยังไม่มาสักคัน เราก็พูดว่า What if the bus is late?

ถ้ารถไม่มาในหกโมงเย็น เดาได้ว่าค่ำวันนั้นซวยแน่แท้ พ่อแม่คงถล่มหูชา เพราะกลับบ้านผิดเวลา และแน่นอนว่าต้องทนฟัง เพราะเราทำผิดเอง

HTBS Video 1 (1)

กลับมาที่อลิซ…

พอตกลงกันได้ อลิซก็สมัครงาน และได้งานใหม่ในบริษัทกฎหมายในนิวยอร์ก เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ย้ายมาอยู่กับพี่สาวในทันที

พี่สาวชื่อ Meg ทำงานเป็นสูตินรีแพทย์ ยังไม่ได้แต่งงานเหมือนกัน แฟนก็ไม่มี เพราะว่าไม่มีเวลา วันๆ เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ

ประเด็นสำคัญของเม็กไม่ใช่เรื่องแฟน เรื่องผู้ชาย หรือเรื่องการแต่งาน

เม็กมีประเด็นสำคัญคือ เรามีตัวเองแล้ว ฐานะการงานมั่งคงแล้ว พร้อมมีลูกแล้ว แต่เม็กเอาแต่พร่ำบอกตัวเองว่า ไม่หรอก มีไม่ได้หรอก ไม่ควรหรอก

I just felt like society
doesn’t let you pursue your dreams
once you have children.

ฉันรู้สึกว่าสังคมไม่อนุญาต
ให้เราทำตามความฝัน
ถ้าเรามีลูก

ความจริงเม็กก็คิดหลายอย่างแหละ ความคาดหวังของสังคมก็เป็นหนึ่งในนั้น

อย่างไทยก็คล้ายกันกับเขา แต่ของเราโจ่งแจ้งแดงแจ๋กว่า เราได้เห็นว่าว่างๆ เราก็จะได้เห็นประกาศในหนังสือพิมพ์บ้าง หน้าเว็บบ้าง ว่ารับสมัครพนักงานที่ระบุคุณสมบัติไว้เลยว่า ต้องเป็นสาวโสดและไม่มีลูก

สังคมมักคาดหวังว่าถ้ามีลูก ประสิทธิภาพในการทำงานและความทุ่มเทที่มีต่องานจะลดลง

 

พออลิซมาทำงาน ที่ทำงานก็มีเพื่อนชื่อ รอบิ้น

ต้องเรียกว่ารอบิ้นตัวดีนี้เอง ที่พาอลิซออกท่องตะลอนราตรี

ทำการสอนเรื่องการเป็นสาวโสดแก่อลิซ, บทที่ 1 เป็นโสดต้องออกท่องราตรีสิ จะมีอะไรสนุกไปกว่านี้

You don’t buy the drinks.
Boys buy the drinks.

เราไม่เอาเงินเราซื้อเครื่องดื่ม
ผู้ชายจะจ่ายให้เรา

อลิซพยักหน้าหงึกๆ รับคำ เดินเหนียมอายไปพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะกับผู้ชายในบาร์ แต่ทว่าล้มเหลว กลับมามือเปล่า

อลิซอยู่ด้วยตัวเองไปได้สักพัก เหตุปัจจัยต่างๆ ก็ทำให้ล้มเลิกความคิดจะเป็นสาวโสด กลับไปหาแฟนหนุ่มเหมือนเดิมดีกว่า แต่ทว่า… (อีกครั้ง)

I didn’t need an experiment
to know that I loved you.
And I”m not an idiot.

ผมไม่ต้องทดลอง
เพื่อจะรู้ว่าผมรักคุณ
ผมไม่ได้ปัญญาอ่อน

ประโยคแรกของแฟนหนุ่มมาแรงขนาดนี้ อลิซหน้าซีด รู้เลยว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะบอกออกจากปากต่อมาในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

สุดท้ายก็ได้รู้ว่าแฟนหนุ่มไม่ได้รอท่า เขาไปคบหาคนอื่นแล้ว

No, thanks. I’ll pass.
ไม่ล่ะขอบคุณ ผมขอผ่าน

คราวนี้อลิซได้เป็นโสดสมใจ นานแค่ไหนแค่นั้นที่ไม่รู้

780x430_htbs

ในเรื่องมีอลิซ เม็ก รอบิ้น แล้วก็ยังมีลูซี่ที่เป็นสาวโสดอีกคน

ลูซี่นี้พยายามเจอหนุ่มๆ โดยการใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือ ลูซี่เขียนโปรแกรมอัลกอริธึ่มมาประเมินแอพพลิเคชั่นหาคู่ต่างๆ ได้ผลลัพธ์มาคำนวณความน่าจะเป็นในการได้คู่ของตนเอง แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้

สรุปคือผู้หญิงสี่คนเป็นโสดหมดเลย แต่ต่างสถานการณ์กันไป

อลิซเป็นโสดโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่อยากหาประสบการณ์ แต่พอดีว่าผู้ชายที่หมายมั่นไม่รอ เขาไปเจอคนใหม่แล้ว เมื่อไม่มีใครรอก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้าให้ได้ด้วยตนเอง

เม็กเป็นโสดแบบเฝ้าใฝ่ฝันว่าอยากมีลูกเป็นของตนเอง รอมาตั้งนานไม่เห็นจะมี ทำ I.V.F. หรือทำเด็กหลอดแก้วเสียก็สิ้นเรื่องราว แต่มันไม่สิ้นเรื่องราวก็ตรงที่ พอดีมีผู้ชายผ่านมา คนที่พอรู้ว่าท้องก็ดีใจ

Did I just win the lottery?
Yes, I want to stay home
and take care of a baby.

นี่ผมถูกลอตเตอรี่หรืออะไร?
ใช่แล้ว ผมอยากอยู่บ้านดูแลลูก

ใครจะเชื่อว่าจะมีผู้ชายในโลกนี้ ยินดีให้ผู้หญิงออกไปทำงานที่รักที่ชอบ ออกไปเป็นช้างเท้าหน้า และตัวเองอยู่บ้านเลี้ยงดูลูก ผู้ชายฝันใฝ่จะได้เป็น stay-home dad มีกับเขาคนหนึ่งในโลก

รอบิ้นเป็นสาวตั้งใจโสด ไม่ผูกมัดผูกพันกับใครที่ไหนทั้งนั้น ไม่ว่าผู้ชายหรือเพื่อน

และลูซี่ ที่มุ่งมั่นใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารคัดกรองชายที่หมายปอง และมั่นใจว่าจะหาเจอ

The thing about being single is,
you should cherish it.

สิ่งหนึ่งเรื่องการเป็นโสด
เราควรรักและหวงแหนมัน

cherish เขาใช้คำนี้ หมายถึง ความรู้สึกรักใคร่ไยดีแบบที่เราต้องเอาใจใส่ ทะนุถนอม และรักษาไว้กับตัวเป็นอย่างดี

 

หนังเรื่องนี้ดูเพลินผิดคาด ชอบตรงที่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นโสดมันเป็นเรื่องผิดปกติ แต่มันเป็นเรื่องของการรู้จักตัวเอง การค้นพบตัวเอง

เพราะถ้าบังเอิญว่าเราต้องได้ใช้ชีวิตแบบที่เราเป็นคนกำหนดเองหมดเลย เราควรต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตเรามีค่าและมีความหมายต่อเราที่สุด

เราจะได้มีชีวิตที่เราจะได้รักมันได้อย่างที่สุด ไม่เสียดายเวลาที่ผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว

เหล่านี้สิสำคัญ สำคัญมากกว่าจะไปคอยหาคำแก้ตัวว่าทำไมถึงโสด

โสดแล้วจะทำไม น่าสนใจกว่าเยอะเลย

ฉันเอง