ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เครื่องเคียงข้างจอ |
ผู้เขียน | วัชระ แวววุฒินันท์ |
เผยแพร่ |
สัญญากับผมนะครับ พ่อ
เป็นชื่อหนังสือครับ แปลมาจากหนังสือที่ชื่อถอดความกันมาตรงๆ ว่า Promise me, Dad เขียนโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้รับการแปลโดย กุลธิดา บุณยะกุล-ดันนากิ้น
ตอนที่ไบเดนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เขายังเป็นแค่รองประธานาธิบดีในสมัยที่สองของบารัค โอบามา
ช่วงการหาเสียงในการแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างเขากับทรัมป์ ทำให้โลกได้รู้จักประวัติชีวิตส่วนตัวของไบเดนมากขึ้น และได้รับรู้ว่าลูกชายคนโตของเขา โบ ไบเดน ผู้ซึ่งกำลังไปได้ดีในหน้าที่การงานและอนาคตทางการเมือง ได้เสียชีวิตลงด้วยมะเร็งสมองในปี 2015
Promise me, Dad เป็นคำกล่าวของโบที่มีกับโจ ไบเดน พ่อของเขาในค่ำคืนวันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่เขารู้แน่ชัดแล้วว่าคงไม่รอดจากมะเร็งร้ายนี้ และเขาไม่อยากให้ความเจ็บป่วยของเขาเป็นตัวขัดขวางก้าวย่างที่สำคัญของโจเพื่อรับใช้ประเทศด้วยการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ
ในหนังสือเล่มนี้เล่าสองเรื่องไปพร้อมๆ กัน คือ อาการเจ็บป่วยของโบ กับเรื่องราวทางการเมืองของโจ ไบเดน ทำให้เราได้เห็นว่าในขณะที่ไบเดนต้องรับผิดชอบงานใหญ่ระดับประเทศที่เป็นเรื่องระดับโลกในหลายเรื่อง เขาก็ต้องรับมือกับการรักษาตัวของลูกชายคนโตคนนี้ไปด้วย
ใครที่มีความรู้เรื่องการเมืองอเมริกาอยู่บ้าง คงอ่านสนุกเพราะไบเดนเขียนจากประสบการณ์ที่หลายคนไม่เคยรู้ในประเด็นการเมืองต่างๆ แม้แต่เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับโอบามา และท่าทีของเขากับฮิลลารี คลินตัน
โอบามานั้นรู้จักไบเดนมาก่อนที่เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ไม่ใช่แค่รู้จักในฐานะสมาชิกพรรคเดโมแครตเหมือนกัน แต่ได้เรียนรู้ถึงบุคลิก นิสัยใจคอ ความคิด และเรื่องราวของครอบครัวด้วย
เขาจึงไม่ลังเลใจที่จะเชื้อเชิญไบเดนให้มาเป็นรองประธานาธิบดีคู่กับเขา และในกระบวนการตรวจสอบว่าเขาเหมาะสมจริงไหม มีคณะทำงานของโอบามาที่จะตรวจประวัติทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา
และก็พบว่า ไบเดนไม่ได้มีอะไรที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน มีทรัพย์สมบัติไม่มาก และตรงไปตรงมา ไม่มีธุรกิจแอบแฝงอะไร ไม่มีพันธบัตรหรือหุ้นอะไร
เมื่อคณะทำงานมารายงานผลการตรวจสอบให้โอบามาทราบ เขาถึงกับออกปากกับไบเดนว่า
“นี่เป็นหนึ่งในกระบวนการตรวจสอบที่ง่ายที่สุดในโลก คุณไม่มีอะไรเลย”
เมื่อบารัคถามเขาว่า ถ้าเขาเป็นรองประธานาธิบดี มีอะไรที่อยากเริ่มทำเป็นการเฉพาะก่อนไหม ไบเดนตอบว่าไม่มีเรื่องไหน แต่ขออย่างหนึ่งคือ “ผมอยากเป็นคนสุดท้ายของห้องในทุกการตัดสินใจที่สำคัญ” เขาบอกเพิ่มเติมว่า
“คุณเป็นประธานาธิบดี ไม่ใช่ผม แต่ถ้าประสบการณ์คือสิ่งที่คุณกำลังมองหา ผมอยากเป็นคนสุดท้ายที่ตัดสินใจ”
และเขาก็ได้กลายเป็นรองประธานาธิบดีเคียงคู่กับโอบามาในช่วง 8 ปีที่เป็นระยะเวลาสองสมัยของโอบามา ทั้งสองไว้เนื้อเชื่อใจกัน และสนิทสนมกันมาก จนกระแสในโซเชียลมีเดียชอบเอาไปล้อเลียนว่าเป็น “คู่จิ้น” กัน สร้างความขบขันให้สองคนเสมอ
แม้ไบเดนจะไม่ยอมเผยเรื่องราวการเจ็บป่วยของลูกชายให้คนภายนอกรู้ แต่กับโอบามาเป็นหนึ่งคนที่เขายอมเผยออกมา นั่นด้วยท่าทีที่เขาซักถามอย่างห่วงใยจริงๆ ในขณะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันครั้งหนึ่ง และเมื่อไบเดนยอมเล่าถึงการต่อสู้กับโรคมะเร็งของโจ โอบามาก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
ในช่วงหนึ่งของการรักษาที่ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง โอบามาถามถึงเรื่องนี้กับไบเดนอย่างห่วงใย ไบเดนตอบว่าเขาและภรรยาอาจจะเอาบ้านไปจำนอง โอบามาก็เสนอตัวว่า เขาจะให้เงินกับไบเดนเอง ถ้ามีเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้
โจ ไบเดน เคยสูญเสียครั้งใหญ่มาแล้ว เมื่อนิเลีย-ภรรยาคนแรก ขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้เธอและลูกสาวคนเล็กเสียชีวิต ยังดีที่โบและฮันเตอร์ ลูกคนโตและคนรองที่นั่งไปด้วยรอดชีวิต
โจจึงเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกชายวัย 5 และ 4 ปี เขาทุ่มเทให้กับลูกสองคนมาก ทุกวันเขาจะนั่งรถไฟจากบ้านไปทำงานต่างเมือง แล้วก็นั่งรถไฟกลับเพื่อจะได้ดูแลลูกทั้งสองอย่างใกล้ชิด ได้อ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง
เวลาต่อมา ใครจะนึกว่าเขาต้องสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อโบต้องต่อสู้กับมะเร็งร้าย ที่ตอนแรกยังไม่แน่ชัดว่าเชื้อจะรุนแรงแค่ไหน แพทย์ได้มีการประเมินจากขั้นต่ำจนถึงขั้นร้ายแรงสุด ทุกคนภาวนาอย่าให้เป็นอย่างหลัง
แต่ชีวิตเราเลือกกำหนดไม่ได้ โบพบเชื้อมะเร็งชนิดร้ายแรงสูงสุด จนแพทย์ต้องวางแผนการรักษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
โบเป็นคนสู้และอดทนมาก เขาไม่ต้องการแสดงความเจ็บป่วยให้ใครๆ เห็น เขาบอกว่าเขาทนได้ และทุกอย่างจะต้องดีขึ้น โบพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ทำงานตามเป้าหมายเหมือนเดิม บางทีโจก็อดมองเขาอย่างเป็นห่วงไม่ได้ เขาก็จะบอกกับพ่อว่า
“อย่ามองเขาอย่างนั้น เขายังสู้ได้อยู่”
โจบอกกับทีมงานของเขาว่า ให้จัดตารางงานของเขาให้เต็มที่ อย่าให้อะไรต้องเสียเวลา เพราะเขาอยากให้งานที่ยุ่งช่วยทำให้ใจของเขาไม่เป็นทุกข์กับเรื่องเลวร้ายนี้มากเกินไป
การรักษามีความยากสลับซับซ้อนมากขึ้น หมอพยายามใช้การรักษาที่ให้ส่วนความทรงจำของโบเป็นปกติ เพื่อเขาจะได้ยังคงทำอะไรได้เหมือนเดิม เมื่อไบเดนรู้ข่าวก็รู้สึกหดหู่ จนสะท้อนออกมาที่ใบหน้า โบพูดกับพ่อของเขาว่า
“อย่าดูเศร้าสิครับพ่อ พ่อจะให้ใครเห็นว่าพ่อเศร้าไม่ได้ เพราะจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี แล้วผมก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกเสียใจกับผม”
ในตอนท้ายๆ ของโบที่ร่างกายเริ่มเสื่อมถอยลง ไบเดนนั่งกุมมือเขาที่ข้างเตียงในโรงพยาบาล และร้องเพลงโปรดของโบในสมัยเด็กๆ คือเพลง “คร็อกคอไดล์ ร็อก” ของเอลตัน จอห์น ให้ฟัง ร้องไปได้สองสามบรรทัด เขาก็เริ่มสะเทือนอารมณ์ และไม่แน่ใจว่าจะร้องต่อได้
ในขณะที่มองผ่านม่านน้ำตาไปที่ลูกชาย เขาเห็นโบนอนหลับตาและยิ้มอยู่
ไบเดนให้ความสำคัญกับเรื่อง “ครอบครัว” มาก งานของเขาหลายเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเยียวยาและพัฒนาสถาบันครอบครัวที่บอบช้ำและเกิดความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ ให้ได้มีโอกาสในชีวิตมากขึ้น
เหตุการณ์หนึ่งเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกับนายตำรวจสองนายที่กรุงนิวยอร์ก นั่งอยู่ในรถตรวจการณ์ดีๆ ก็โดนคนผิวสีเอาปืนมายิงจนเสียชีวิต ข่าวว่าเป็นการแก้แค้นที่ตำรวจไปทำรุนแรงกับเพื่อนของเขาก่อน
ไบเดนเป็นตัวแทนของโอบามาเดินทางไปร่วมงานศพตำรวจทั้งสอง คนหนึ่งมีเชื้อสายจีน อีกคนมีเชื้อสายอเมริกัน เขากล่าวแสดงความอาลัยด้วยการให้ความเข้าใจและเห็นใจต่อครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ถูกสังหาร เขาไม่ต้องการจุดชนวนความโกรธแค้นขึ้นมาใหม่ การแสดงออกอย่างจริงใจของไบเดนสร้างความประทับใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียอย่างมาก
ในงานศพของโบ ไบเดน ที่ทางการจัดให้ในฐานะคนสำคัญของเมืองเดลาแวร์ มีคนมาต่อแถวเพื่อแสดงความเคารพร่างของเขามากมาย แถวที่ต่อนั้นยาวเหยียดออกไปนอกโบสถ์ที่ทำพิธี ในแถวที่ยาวเหยียดนั้นมีร่างของชายผู้หนึ่งที่สู้อุตส่าห์ขับรถมากว่าสามชั่วโมงจากต่างเมือง และมาใช้เวลาอีกกว่าชั่วโมงในแถวเพื่อที่จะได้เคารพศพโบ
เมื่อเขาเดินไปถึงโจที่ยืนคอยขอบคุณผู้มาร่วมงานอยู่ โจจำได้ว่าเขาคือพ่อของนายตำรวจเชื้อสายจีนที่โดนสังหารในนิวยอร์กนั่นเอง
เขาเป็นคนจีนที่พูดอังกฤษไม่ได้ ได้แต่เข้าสวมกอดราวกับจะใช้การกอดนั้นบอกอะไรในใจ โจพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พูดว่า “ขอบคุณ ขอบคุณ”
สัญญาที่เขาให้ไว้กับลูกชาย คือสิ่งที่เขาทำสำเร็จแล้ว คือการได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา นั่นคืออีก 6 ปีต่อมา
เมื่ออ่านหนังสือที่เป็นบันทึกความทรงจำของเขาเล่มนี้แล้ว
เราจะเห็นความสำคัญของ “ครอบครัว” ในสายตาและวิธีคิดของชายที่ชื่อโจ ไบเดน อยู่ตลอดเวลา
ผมเชื่อว่าเขายินดีอย่างยิ่งที่จะไม่ได้ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศยิ่งใหญ่อย่างอเมริกา
หากมันสามารถแลกกับชีวิตที่ยืนยาวต่อมาของลูกชายคนโตของเขา โจเซฟ โรบิเนตต์ “โบ” ไบเดนที่ 3 คนนี้ได้