ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
การเมืองหน้า 8
ติดปลายนวม
เป็นที่รู้กันในแวดวงการเมืองว่า “บุรีรัมย์โมเดล” นั้นยึดถือวิถีนักเลงโบราณ
คำไหน-คำนั้น
และไม่ยอมให้ใครชกฟรี
ดังนั้น เมื่อกลุ่มดาวฤกษ์นำโดย “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ลงมติ “งดออกเสียง” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เสียงคำรามจึงดังมาจาก “บุรีรัมย์”
เพราะนายศักดิ์สยามไม่ใช่เป็นเพียงเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
แต่เป็นน้องชายสุดที่รักของ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มากบารมีตัวจริง-เสียงจริงของพรรค
และที่สำคัญ ทุกคนรู้ว่าเหตุผลแท้จริงของการเสียบข้างหลังครั้งนี้มาจากเหตุใด
เพราะ “มาดามเดียร์” เองก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
แต่ยังเป็น “มาดาม” ของสื่อย่านบางนา-ตราด ที่มีปัญหาคาใจกับแกนนำพรรคภูมิใจไทยมายาวนาน
โดยมีตัวละครสำคัญชื่อ “บีทีเอส” ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก
จนสำลักออกมาเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว-สีส้ม
เมื่อเรื่องราวหลังม่านเป็นเช่นนี้
เสียงเรียกร้องจากพรรคภูมิใจไทยถึงพรรคพลังประชารัฐให้จัดการกลุ่มดาวฤกษ์จึงไม่ธรรมดา
แต่เปี่ยมด้วยรังสีอำมหิตอย่างแท้จริง
การวอล์กเอาต์จากสภาผู้แทนราษฎรของ “ภูมิใจไทย” หลังพรรคพลังประชารัฐเสนอเลื่อนกฎหมายอื่นขึ้นมาแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เป็นแค่ “หมัดแย็บ” แสดงความไม่พอใจพรรคพลังประชารัฐ
เพราะการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกลุ่มดาวฤกษ์ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่น้อยเกินไปในความรู้สึกของภูมิใจไทย
เขาต้องการมากกว่านั้น
แต่จะให้ถึงขั้นลาออกจากรัฐบาล คงมากเกินไป
โกรธแบบนี้…ขาดทุน
เกมตอนนี้จึงคงเป็นแค่การตีรวนในสภา หรือขวางลำบางเรื่องใน ครม.
แต่นั่นเป็นเกมก่อนที่ศาลจะตัดสินคดี กปปส.
เพราะทันทีที่ศาลตัดสินจำคุกแกนนำ กปปส.
ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นกับรัฐบาลทันที
มีรัฐมนตรีที่ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที 3 คน คือ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จากพรรคพลังประชารัฐ
และถาวร เสนเนียม จากประชาธิปัตย์
นอกจากนั้น ยังมี ส.ส.เขตของประชาธิปัตย์ที่ต้องเลือกตั้งใหม่อีก
สถานการณ์เช่นนี้บังคับให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องปรับคณะรัฐมนตรี
นี่คือ “โอกาส” ของพรรคภูมิใจไทย
เพราะจำนวน ส.ส.ของพรรคที่เพิ่มขึ้นจาก “งูเห่า” อนาคตใหม่ ทำให้โควต้ารัฐมนตรีของภูมิใจไทยต้องได้เพิ่มขึ้น 1 เก้าอี้
จะเอาหรือไม่เอาก็ได้
แต่วันนี้คงต้องออกฤทธิ์ออกเดชบ้าง
“โมโห” แล้ว “กำไร” ใครจะไม่เอา