ลึกแต่ไม่ลับ | ความไม่ธรรมดาของภูมิใจไทย และศึกใน พปชร.

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี 10 คนของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ครั้งที่ 2 เครือข่าย “พรรคพลังประชารัฐ” โดนเช็กบิลมากที่สุด จำนวน 6 คน “ประชาธิปัตย์” 2 ราย “ภูมิใจไทย” 2 ราย

จบลงเป็นที่เรียบร้อย ได้รับคะแนน “ไว้วางใจ” กันยกแผง แต่เกิดชนวนเสียความรู้สึกเชิง “ผลต่าง” กันเล็กน้อย

ทุกสงครามต้องมี “ผู้ชนะ” และ “ผู้แพ้” สนามการเมืองยิ่งแล้วกันไปใหญ่ ตราบใดที่มีกิเลส ตัณหามากำหนด ผลักดันทำให้เกิดความโลภ โกรธ โง่ เป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งตามมา

“ชัยชนะ” จากผลโหวตศึกซักฟอก ผลต่างจากคะแนนเสียง แค่ “เพียงเล็กน้อย” ของผู้ถูกอภิปราย ในทางปฏิบัติ นิตินัย ไม่มีปัญหา แต่ทำให้เกิดปัญหาเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี …เป็นมรรคผลให้สายลมแห่งความปรองดอง สามัคคี กำลังพัดผ่าน หอบเอาความหายนะมาสู่พรรคร่วมรัฐบาล และทำท่าจะลุกลามหนัก

คลื่นลมที่เคยสงบเงียบ กำลังเผชิญกับพายุใหญ่ แพร่กระจาย ร้าวลึกใน “ตู่ 2” หลายจุด

ต้องยอมรับว่า ศึกซักฟอกรอบนี้ “ฝ่ายค้านร่วม” ทำการบ้านมาดีกว่าที่คิด “มือใหม่หัดขับ” เบี้ยตัวเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียง กลับทำหน้าที่ “ผู้ตรวจสอบ” ได้อย่างกล้าหาญ ชาญฉลาด มีพลังไฟ ส่องแสงเจิดจ้า ต้องเลื่องลือชื่อบนถนนสายการเมืองในอนาคตหลายคน

พวกเขี้ยวลากดิน เซียนเหยียบเมฆ ต่างหากที่เคยเป็นที่คาดหวัง กลับไม่มีสับปะรดขลุ่ย เล่นสำนวนโวหารอย่างมี “นัยยะ”

ดังที่ทราบว่า เนื้อหาหรือข้อกล่าวหาในญัตติซักฟอกที่ฝ่ายค้านนำเสนอ ใช้ถ้อยคำทั้งหนักและรุนแรง “มีพฤติกรรมฉ้อฉล ทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง บริหารราชการแผ่นดินก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ เศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง”

ชัดแจ้งแทงตรงจุดเผง ถูกถล่มแทบโงหัวไม่ขึ้น เอกสารที่นำมาประกอบกล่าวหา หลักฐานมัดแน่น ถ้าเป็นรัฐมนตรีสมัยก่อนๆ อย่าว่าแต่ “เขี่ย” เลย ต้อง “ถีบทิ้ง” ถึงจะเหมาะ

แต่ศึกอภิปรายคาบนี้ “บิ๊กตู่” ที่ตกที่นั่ง “หมู่บ้านกระสุนตก” โดนบอมบ์เต็มๆ 4 วัน 4 คืน ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่คุณพี่แกน้ำอดน้ำทนเลิศสะมันเตา ต่อให้ “กองทัพนรก” ก็เอาไม่ลง เพราะ “บิ๊กตู่” ต้นทุนสูง แต้มบุญในมือมีอยู่มาก

นอกจากมี “เทพ” คอยปกป้องแล้ว ยังทำตัวดุจ “เทพ” ปกป้องรัฐมนตรีจากเหล่าศัตรู ข้าศึกได้อีกที

รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายส่วนใหญ่ ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตัวเองและพวกพ้อง แต่ “พล.อ.ประยุทธ์” ประกาศกลางวงประชุม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผมไม่เคยโกง” ผู้คนพากันเชื่อ… “ความจริง” ที่ฝ่ายค้านนำมาแฉ กลายเป็นเท็จสำหรับคนไม่เชื่อ

ถ้าเป็นรัฐบาลอื่น ความเท็จจะเป็นจริง เพราะคนเชื่อ นี่คือผลร้ายของการเมือง เพราะทำให้ “คนโง่”

ดังที่เกริ่นนำร่องไว้ พายุใหญ่กำลังมา รัฐบาล “บิ๊กตู่” เผชิญหน้ากับ “ศึกใน” แพร่กระจาย กระเพื่อมเป็นหย่อมๆ หลายจุด เริ่มจากแรงสั่นสะเทือน กรณี “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ถือว่าพลังไฮเพาเวอร์ในพรรคพลังประชารัฐสูง เพราะเป็น “ปาร์ตี้ลิสต์” หมายเลข 1

แต่คะแนนไว้วางใจของขุนพลเบอร์แรก กลับ “กินบ๊วย” เพียง 258 เสียง ไม่ไว้วางใจ 215 เสียง งดออกเสียง 8 เสียรังวัดมากกว่าใครเพื่อน ทั้งๆ ที่ต้นทุนพรรคร่วมมีมากถึง 272 เสียง ใครตกที่นั่งเดียวกับ “ครูตั้น” ก็ต้องส่ายหน้าอาดด้วยความเสียหาย ไร้ความหมาย

พบว่า คะแนนที่ตกหล่น ไม่ลงคะแนนให้จนเสียงไว้วางใจรั้งท้ายสุดมาจากพรรคร่วมขนาดเล็ก กระโดดค้ำถ่อแหกด่านมะขามเตี้ยไปร่วมโหวต “ไม่ไว้วางใจ” กับฝ่ายค้านจำนวน 6 คน อีกส่วนหนึ่งงดออกเสียง ซึ่งเมื่อเช็กฐานคะแนนจากพรรคร่วมแล้ว มีพรรคใหญ่เพียง 2-3 คนร่วมอยู่ด้วย

ถือว่าไม่เป็นไร พอจะขอกันกินได้ แต่ที่ “ณัฏฐพล” เจ็บกระดองใจมากที่สุดคือ 6-7 เสียงที่เป็นม้าพยศ คนที่ดูแล รับผิดชอบ ป้อนน้ำป้อนกล้วยให้รับประทาน คือแกนนำขาใหญ่จาก “พปชร.”

สอดรับกับข่าวลือที่ออกมาเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้ว่า “พปชร.” มีบล็อกโหวต ให้ “ครูตั้น” ได้เสียงน้อยที่สุด เป็นการยิงวิถีโค้งไปสู่อนาคต ให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี “ตู่ 2”

ขยับลำดับไหล่ “รัฐมนตรีช่วย” ขึ้นนั่งว่าการ ซึ่ง 3 รัฐมนตรีช่วยของ พปชร.ที่พร้อมจะแต่งตัวหล่อขึ้นนั่งเบอร์ 1 เจ้ากระทรวงมีอยู่เพียง 3 คนเท่านั้นคือ “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คนที่หนึ่ง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนที่สอง และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยแรงงาน คนที่สาม

3 รายถือว่าเป็นของดีมีชาติตระกูล พร้อมที่จะมาทดแทนส่วนที่ชำรุด ปรักหักพัง ที่เวลานี้ถือว่าเป็นขุนพลพยัคฆ์เดช บทบาทสูง มีความใกล้ชิดกับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค พปชร.และพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์มากที่สุด

เรียกว่า “บิ๊กป้อม” มีฝ่ายบู๊ บุ๋น โรแมนติกเพียบพร้อม

ศึกใน พปชร.กับครูตั้น น่าจะไม่เกินกำลัง “ลุงป้อม” สามารถเคลียร์กันภายใน พูดจาภาษาดอกไม้จ๊ะ-จ๋ากันรู้เรื่อง “จบข่าว” ในไม่ช้า

ที่จะโกโซบิ๊ก…ไปกันใหญ่ “กาวใจ” ยี่ห้อ “บิ๊กตู่-ลุงป้อม” ทำท่าจะเอาไม่อยู่ ก็กรณี ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ 7 คน โหวตสวนมติพรรค พปชร. งดออกเสียงให้กับ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

แรกๆ ดูเหมือน พปชร.ไหวตาม ออกข่าวเตรียมเล่นงานกลุ่ม ส.ส.ดาวฤกษ์

แต่เหมือนดอกไม้บานแค่วันสองวันแล้วเฉา เพราะตามกฎเหล็กแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ให้อิสระ เอกสิทธิ์ ส.ส.ไม่ได้อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย ขับหรือไล่ออกจากพรรค สามารถหาต้นสังกัดใหม่ได้ ไม่มีใครอยากเตะหมูเข้าปากหมา นิยามเดียวกับพรรคก้าวไกล

“ภูมิใจไทย” ธรรมดาซะเมื่อไหร่ รับประกันซ่อมฟรีว่า ศึกนี้จบยาก ยังดำเนินต่อไป