ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
0 ซักฟอก
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเฉพาะผู้ที่สนใจติดตามการอภิปราย กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,712 คน ระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2564
พบว่า ส่วนใหญ่ติดตามผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียมากที่สุด ร้อยละ 43.81
มองจุดเด่นของการอภิปรายคือ ภาพรวมการซักฟอกของฝ่ายค้าน ร้อยละ 52.64
จุดด้อยคือ การประท้วงบ่อย ทำให้เสียเวลา ร้อยละ 71.26
หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นคาดว่าการเมืองไทยจะเหมือนเดิม ร้อยละ 55.40
ไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล ร้อยละ 43.25
ภาพรวมให้คะแนนฝ่ายค้าน 6.90 คะแนน
ให้คะแนนฝ่ายรัฐบาล 5.01 คะแนน
ประชาชนให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่าฝ่ายรัฐบาล เพราะเห็นว่าภาพรวมทำงานได้ดี
มีเนื้อหาน่าสนใจ
เตรียมข้อมูลเชิงลึกมาอภิปรายให้เห็นภาพ
แต่มองว่าหลังจบอภิปรายครั้งนี้สถานการณ์การเมืองไทยก็น่าจะยังเหมือนเดิม
แม้ประชาชนนั้นรู้สึก “ไม่เชื่อมั่น” ต่อรัฐบาล
และถึงแม้ 10 รัฐมนตรีจะได้รับการไว้วางใจก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีมากกว่าการมองเพียง “ผลโหวต”
เนื่องจากผลนั้นอาจเกิดจากวิถีทางการเมือง เช่น การที่รัฐบาลมีฐานเสียงมากกว่า ฝ่ายค้านมีหลักฐานไม่เพียงพอ หรือด้วยเหตุอื่นใดก็ตาม
หากแต่ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” มีความสำคัญในการที่จะสามารถเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมการเมืองที่ดี
นั่นคือ การทำหน้าที่ในการใช้อำนาจของประชาชนในการอภิปรายและชี้แจงด้วยวุฒิภาวะของผู้นำทางการเมือง
การนำประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงมาอภิปราย
การใช้หลักฐานข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ การเชื่อมต่อการตรวจสอบกับภาคประชาชน
เหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะก่อให้เกิดกลไกในการสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้แก่สังคมไทยอย่างแท้จริง
นางสาวพรพรรณ บัวทอง
นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดังนภสร ณ ป้อมเพชร
หลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
แม้ประชาชน
จะเชื่อว่าหลังซักฟอก
สถานการณ์การเมืองไทยน่าจะยังเหมือนเดิม
แต่หลายข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในการอภิปรายครั้งนี้
น่าจะทำให้เข้าใจ “การเมืองพันลึก” มากขึ้น
จริงไหม
0 รัฐธรรมนูญ
สวัสดีครับ บก.
จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ‘ไพบูลย์-สมชาย’ ที่ขอให้วินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่
พร้อมให้ ‘มีชัย-บวรศักดิ์-สมคิด-อุดม’ ผู้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แจงเพื่อประกอบการพิจารณา
ผมไม่สามารถทำความเข้าใจตรรกะ-ความคิดขององค์กร ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ได้
การที่มีการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560
ก็เนื่องจากได้มีการพิสูจน์เชิงประจักษ์ให้เห็นจากการใช้แล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา
เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศให้เป็นไปตามหลักการของระบอบประชาธิปไตยแบบสากล
เกิดจากคณะผู้ร่างที่มีปัญหา
แต่การเรียกคณะผู้ร่างที่สร้างปัญหา และเป็นต้นตอของปัญหากลุ่มนี้ มาให้ความเห็น
ผมไม่สามารถทำความเข้าใจได้
กลุ่มคนที่ควรจะเรียกมาให้ความเห็น ควรเป็นนักกฎหมาย นักวิชาการ ที่อยู่ในฝ่าย เห็นว่ารัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
เพื่อให้ความเห็น ให้ข้อมูลอีกด้าน
จึงกังวลถึงผลการตัดสิน
ตอนนี้ประชาชนไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน หรือมีจุดยืนทางการเมืองแบบใด ต่างคาดเดาผลของการพิจารณาอำนาจของสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปในทิศทางเดียวกัน
ผมได้แต่หวังด้วยความหวังอันน้อยนิดว่า ผลการพิจารณาเรื่องนี้จะเป็นในทางตรงกันข้ามกับที่คาดไว้
น่าเศร้าที่ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่ได้รู้สึกผิดปกติ ที่เห็นประเทศอันเป็นที่รักของเราทุกคน มีระบอบที่เป็นแบบนี้
ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย รักชาติ อยากได้ผู้บริหารชาติที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีความยุติธรรม ความเสมอภาค เสรีภาพ ความเท่าเทียม
จะต้องเหนื่อย จะต้องท้อ ต้องอดทนอดกลั้นกับระบอบประชาธิปไตยที่ผิดเพี้ยน ออกแบบโดยคณะเนติบริกรรับจ้าง ปกครองโดยกลุ่มบุคคลที่มาจากกฎหมายที่ผิดเพี้ยน
ไปถึงเมื่อไหร่…
เจ
ขออนุญาต “เจ”
ตัดทอนและดัดแปลงหลายถ้อยความ
ที่อาจหมิ่นเหม่ไปละเมิดบางองค์กรเข้า
สิ่งที่ “เจ” มองเห็นและสะท้อนออกมา
ถึงจะมากด้วยความท้อและเหนื่อย
แต่ไม่สูญเปล่าดอก
ส่งเสียง ส่งความรู้สึกกันต่อไป