เมืองดอกบัว vs กลุ่มอันดามัน : เตรียมของดี+กำลังภายในแย่งจัดซีเกมส์

เขย่าสนาม/จริงตนาการ [email protected]

เมืองดอกบัว vs กลุ่มอันดามัน

เตรียมของดี+กำลังภายในแย่งจัดซีเกมส์

 

อีก 4 ปีข้างหน้า การแข่งขันกีฬาซีเกมส์จะวนกลับมาแข่งขันที่ไทยอีกครั้ง ตามที่สหพันธ์ซีเกมส์ได้มีการตกลงกันก่อนหน้านี้ โดยไทยจะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในปี 2568 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ไทยจะได้จัดซีเกมส์ หลังจากครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2550

ตามระเบียบของสหพันธ์ซีเกมส์จะให้สิทธิในการเป็นเจ้าภาพด้วยการเวียนกันตามพยัญชนะภาษาอังกฤษ แต่ถ้าชาติเล็กที่ไม่เคยจัดหรือไม่ค่อยได้จัดเสนอตัวอยากจะเป็นเจ้าภาพ ก็สามารถลัดคิวให้ได้ เหมือนกับที่กัมพูชาเสนอตัวจัดในปี 2566 ถึงจะไม่ใช่คิวโดยตรง แต่ก็ได้รับสนับสนุนจากชาติอาเซียนเป็นอย่างดี

กลับมาดูที่ไทย การเป็นเจ้าภาพในอีก 4 ปีข้างหน้าไม่ใช่ปัญหา เพราะเราเคยจัดมาแล้ว 6 ครั้ง และถือเป็นประเทศที่จัดมหกรรมกีฬานานาชาติได้ดีอยู่เสมอ แต่โจทย์ที่กำลังได้รับความสนใจตอนนี้คือ จะจัดที่จังหวัดไหน?

กรุงเทพมหานครไม่ใช่คำตอบแน่ๆ เพราะซีเกมส์ 2 ครั้งหลังที่ไทยเป็นเจ้าภาพถูกผลักดันให้จัดในหัวเมืองใหญ่ไปแล้ว ครั้งที่ 18 เมื่อปี 2538 จัดที่ จ.เชียงใหม่ ก่อนจะไปจัดที่โคราชเมื่อปี 2555 ครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นก็ต้องไปต่างจังหวัดอยู่ดี

 

อุบลราชธานี ประกาศตัวล่วงหน้าไว้หลายปีแล้วว่าพร้อมจะรับหน้าที่นี้ เพราะมีสาธารณูปโภคและความพร้อมที่ดีพอจะเป็นเจ้าภาพที่ดีได้ มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวกันเป็นทางการ แต่ไม่ได้หมายความว่าเมืองดอกบัวแห่งภาคอีสานจะได้เป็นเจ้าภาพแล้ว

ล่าสุด กลุ่มจังหวัดอันดามัน 3 จังหวัดภาคใต้ ตรัง-กระบี่-ภูเก็ต เสนอตัวท้าชิงเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มาอีกทางเลือก

การที่ 3 จังหวัดในกลุ่มอันดามันเสนอตัวในครั้งนี้เพราะจังหวัดเหล่านี้เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองกีฬา (Sport City) ที่มีความพร้อมในศักยภาพหรือมิติต่างๆ โดยเฉพาะด้านการกีฬาและการท่องเที่ยว รวมทั้งยังครบครันในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม สนามกีฬา ที่พัก และอื่น ๆ สำหรับรองรับการจัดการแข่งขัน

ที่สำคัญทั้ง 3 จังหวัดเป็นศูนย์รวมของพหุศิลปวัฒนธรรม อาหาร และแหล่งท่องเที่ยวอันลือชื่อ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก จากความพร้อมดังกล่าวยังเป็นการตอบโจทย์การจัดการแข่งขันกีฬาแนวใหม่และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่จะกระจายการจัดการแข่งขันกีฬาไปในส่วนภูมิภาค รวมทั้งเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย

ณรงค์ โสภารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดตรัง ในฐานะประธานคณะทำงาน เปิดเผยว่า จะใช้เรื่องการท่องเที่ยวของทั้ง 3 จังหวัดเป็นตัวชูโรง เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แถมการเดินทางก็สะดวกสบาย มีสนามบินนานาชาติทั้ง 3 จังหวัด บรรยากาศก็สวยงามร่มเย็น รวมถึงจะใช้โรงแรมระดับ 5 ดาวมาทำเป็นหมู่บ้านนักกีฬาอีกด้วย ส่วนในเรื่องของงบประมาณ

ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้งบฯ เท่าไหร่ ซึ่งก็ต้องไปพูดคุยกับคณะทำงานกันก่อน

 

เมื่อฝั่งอันดามันขยับตัวแล้ว อุบลราชธานีที่เดินหน้ามาก่อน ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ ซึ่งทางเมืองดอกบัวได้เตรียมเป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ครั้งที่ 20 อยู่ จริงๆ แล้วการแข่งขันจะต้องจัดในปีนี้ แต่เมื่อเจอสถานกาณ์โควิด-19 เล่นงาน ทำให้ขยับไปแข่งขันในเดือนมิถุนายนปีหน้า ถือเป็นโอกาสในการโชว์ศักยภาพของตัวเองในการชิงสิทธิเจ้าภาพซีเกมส์ด้วย

รศ.ธรรมรักษ์ ละอองนวล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี หนึ่งในคณะทำงานเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ กล่าวว่า ทางอุบลราชธานียังคงมีเป้าหมายที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 อยู่เหมือนเดิม เพราะเราได้มีการเตรียมตัวมาตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว ซึ่งในส่วนของ มรภ.อุบลราชธานีเอง เราก็มีโรดแม็ป แผนยุทธศาสตร์ 11 แผน จากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ต่อเนื่องไปยังการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เพราะทางมหาวิทยาลัยของเราเองตอนนี้มีความพร้อมในเรื่องของสนามกีฬาเกือบทุกชนิดกีฬา จะขาดแค่สนามแบดมินตัน และสนามยิงปืน ที่มีแผนจะสร้างสนามเหล่านี้ให้ได้มาตรฐานอยู่แล้ว และในส่วนของหอพักนักกีฬา เรามีแผนที่จะใช้โรงแรมภายในจังหวัด รวมถึงหอพักนักศึกษาใน มรภ.อุบลราชธานี เพื่อเป็นที่พักสำหรับนักกีฬาจากทุกชาติ

“ยอมรับว่า 3 จังหวัดชายฝั่งอันดามันเป็นพื้นที่ที่มีความสวยงามเหมาะกับการท่องเที่ยว แต่อุบลราชธานีของเราเองนั้นก็มีความพร้อมและมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ เพราะมีพื้นที่ที่ติดกับทั้งประเทศลาวและประเทศกัมพูชา และเป็นเมืองใหญ่ เหมาะแก่การเดินทางของประเทศสมาชิกที่ใกล้เคียง ซึ่งทางจังหวัดอุบลราชธานีจะได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพหรือไม่นั้น ก็ให้ขึ้นกับการตัดสินใจของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ”

รศ.ธรรมรักษ์กล่าว

 

ไม่แน่ว่าเร็วๆ นี้อาจจะมีจังหวัดอื่นเสนอตัวเพิ่มมาอีก แต่ข่าวก็ยังเงียบอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้ามองความเป็นไปได้ที่ 2 กลุ่มที่เสนอตัวว่าใครจะได้สิทธิไป ก่อนหน้านี้อีสานและเหนือได้จัดไปแล้ว แต่ทางใต้ยังไม่เคยได้รับโอกาส ทำให้มองกันไปว่ากลุ่มอันดามันมีโอกาสที่ดีกว่า แถมยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวไปในตัว

ปัจจัยแวดล้อมอาจจะเป็นตัวตัดสินเจ้าภาพ แต่การเมืองก็เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญ ต้องดูว่ายุคนั้นการเมืองเป็นอย่างไร ใครที่มีสิทธิตัดสินใจเลือกเมืองเจ้าภาพได้ เรียกได้ว่าต้องมีกำลังภายในกันไม่น้อยเหมือนกัน

หลังจากนี้คู่แข่งทั้งสองกลุ่มน่าจะเตรียมตัวสู้กันอย่างสนุก ต้องรอลุ้นกันว่ามงจะไปลงที่ฝ่ายไหน