อนุสรณ์ ติปยานนท์ : In Books We Trust (1) ร้านหนังสือในสวนดอกไม้

 

In Books We Trust (1)

ร้านหนังสือในสวนดอกไม้

 

หากคุณเป็นคนรักหนังสือ

ไม่ช้าก็เร็ว คุณต้องไปยังร้านหนังสือสักแห่ง

แน่นอนคุณอาจพึ่งพาห้องสมุดที่คุณคุ้นเคยได้

อาจเป็นห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยไปจนถึงห้องสมุดชุมชนที่คุณมีบ้านเรือนในย่านนั้น

แต่สองประการที่ห้องสมุดจะไม่อาจตอบสนองคุณได้

ประการแรกก็คือ หนังสือเล่มที่คุณอยากอ่านไม่มีอยู่ที่นั่น หรือว่ามันอาจมีอยู่ที่นั่นแต่ใครบางคนไม่เคยคิดจะนำมันมาคืนกลับบนชั้น คุณเฝ้ารอวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า แต่หนังสือเล่มนั้นก็เพียงแต่ทิ้งชื่อของมันไว้ในบัตรรายการ มันไม่เคยมีตัวตนจริงให้คุณได้สัมผัส และน่าเชื่อว่าใครบางคนได้นำมันกลับไปสู่ห้องสมุดส่วนตนเสียแล้ว

การไม่มีหนังสืออยู่บนชั้นเลวร้ายพอๆ กับที่หนังสือที่คุณอยากอ่านไม่เคยมีวี่แววว่าจะได้มาเยือนห้องสมุดแห่งนี้

คุณเห็นประกาศจัดพิมพ์ของมัน โฆษณาของมัน แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นของผิดเหล่าผิดกอกับห้องสมุดที่คุณใช้บริการ

คุณตัดสินใจบอกบรรณารักษ์ถึงการดำรงอยู่ของหนังสือเล่มนั้น

แต่บรรณารักษ์ผู้นั้นยักไหล่หรืออาจโคลงหัวเป็นเชิงปฏิเสธ หนังสือเล่มที่คุณต้องการอ่านมีราคาสูงเกินไป อ่านยากเกินไป ได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่มมากเกินไป เราไม่มีนโยบายสั่งซื้อหนังสือดังกล่าว หากคุณอยากอ่านหนังสือเล่มนั้นจริงๆ ขอเชิญโปรดไปยังร้านหนังสือสักแห่งและซื้อหามันมาเป็นสมบัติส่วนตัว

นั่นคือเหตุผลข้อแรกที่คุณจะต้องไปยังร้านหนังสือ

 

เหตุผลข้อที่สองคือ คุณต้องการหนังสือเล่มนั้นไว้ในครอบครอง

ความรู้สึกที่คุณมีต่อหนังสือเล่มนั้นไม่ใช่เพียงแต่การอ่าน คุณตื่นขึ้นในวันหนึ่ง รู้สึกแรงกล้าที่อยากเห็นหนังสือเล่มนั้นวางรวมอยู่กับสิ่งของสำคัญในชีวิตของคุณ โปสการ์ดจากการเดินทาง ภาพเขียนของศิลปินที่คุณชื่นชอบ แจกันลายครามที่คุณประมูลมา คุณซื้อหาสิ่งของไม่เพียงกี่ชนิดในชีวิตนี้ คุณเลือกสิ่งของที่เข้ามาในชีวิตคุณอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ดังนั้น เมื่อคุณเลือกแล้วจะสะสมหนังสือเล่มนี้ คุณจึงต้องไปที่ร้านหนังสือ อาจไปเสียตั้งแต่วันแรกที่หนังสือถูกวางจำหน่ายด้วยซ้ำไป

เราทุกคนไปร้านหนังสือด้วยเหตุผลสองประการนี้

ประการแรก ไม่ใช่ภาระหนักหนานัก คุณอ่านหนังสือเล่มนั้นจบ ไม่ถูกใจดังคาด คุณอาจวางมันทิ้งไว้บนเก้าอี้ในสวนสาธารณะ มอบให้คนรู้จัก หรือนำไปขายเป็นหนังสือมือสองราคาถูกให้กับร้านรับซื้อสิ่งของเหลือใช้

การกำจัดหนังสือด้วยวิธีการดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสลักสำคัญนัก คุณเพียงแต่บอกลามัน แสวงหาหนังสือเล่มใหม่และทำเช่นนั้นต่อเนื่องและต่อเนื่องไป

แต่การครอบครองหนังสือกินภาระมากกว่า เมื่อคุณเริ่มต้นการสะสมสิ่งใด นั่นย่อมหมายความว่าคุณมีพื้นที่จะเก็บรวบรวมมันด้วย พื้นที่นั้นอาจเป็นห้องหรือบ้านของคุณ

หนังสือเป็นวัตถุที่มีมิติ ความกว้าง ยาว และหนา มันเป็นสิ่งที่มีมิติจริงแท้แน่นอน คุณจะต้องมีพื้นที่ให้มัน

ดังนั้น การไปร้านหนังสือของคุณย่อมหมายถึงการยินยอมพร้อมใจที่คุณจะเปลี่ยนที่พักของคุณให้เป็นดังห้องสมุดขนาดย่อมกลายๆ

ยิ่งคุณไปเยือนร้านหนังสือบ่อยเพียงใด ยิ่งแสดงถึงการยอมรับว่าคุณกำลังเริ่มต้นการจัดการพื้นที่ชีวิตของคุณอย่างจริงจัง

กระนั้นการไปร้านหนังสือของคุณแม้จะด้วยเหตุผลดังกล่าวที่กล่าวมา แต่ประสบการณ์ในการไปร้านหนังสือของแต่ละบุคคลไม่ได้เรียบง่ายหรือเป็นธรรมดาเช่นเหตุผลดังกล่าวเลย

 

ผมมีโอกาสไปเยือนร้านหนังสือหลายต่อหลายแห่ง หลายต่อหลายสถานที่ ร้านหนังสือบางร้านโดดเด่นด้วยกลิ่นและไม่ใช่เพียงกลิ่นของหนังสือ หากแต่เป็นกลิ่นอื่นที่คุณอาจนึกไม่ถึง

ยกตัวอย่างเช่น ร้านหนังสือมือสองในเขตเมืองเก่าที่ปีนัง เจ้าของร้านเป็นชายชาวอินเดียวัยกลางคนผู้นิยมจุดธูปบูชาเทพเจ้าตลอดวัน

ภายในร้านนั้นนอกเหนือจากกลิ่นหนังสือ คุณจะได้กลิ่นของธูปที่ทำจากกำยาน

ดังนั้น ทุกครั้งที่คุณหยิบหนังสือด้านศาสนา คุณจะรู้สึกถึงความพิเศษและศักดิ์สิทธิ์ของหนังสือเล่มนั้นเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ร้านหนังสือมือสองในไบรท์ตันมีหนังสือมากมาย แต่คุณหมดโอกาสมองหาหรือค้นหามัน เพราะมีทางเข้าเพียงทางเดียวไปยังกองหนังสือดังกล่าว และทางเข้านั้นถูกขวางกั้นด้วยแมวเจ้าถิ่นที่ดูจะไม่ชอบให้คนแปลกหน้ารุกล้ำพื้นที่ได้ง่ายๆ

คุณแจ้งรายชื่อหนังสือที่ต้องการ ผู้เป็นเจ้าของร้านลุกออกจากที่นั่ง (ซึ่งแน่นอนว่ามีแมวรายล้อมรอบๆ ด้วย) ก่อนจะกลับมาพร้อมหนังสือที่คุณต้องการภายใต้แบบปกที่แตกต่างกันออกไป

คุณจ่ายเงินค่าหนังสือ นำหนังสือเหล่านั้นกลับบ้าน

แต่ก็เสมือนว่าคุณไม่ได้จากร้านหนังสือนั้นไปไหนเลย กลิ่นของแมวปรากฏอยู่บนหนังสือที่ว่านั้น ต้องใช้เวลานานนับเดือนก่อนที่กลิ่นที่ว่านั้นจะจางลง และคุณรู้สึกได้ว่าคุณกำลังเปิดหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นอ่านไม่ใช่การอุ้มแมวสักตัวไว้ในมือ

เป็นเรื่องน่าแปลกที่นอกจากในตลาดปลาแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวดูจะเลือกร้านหนังสือเป็นที่พักพิงของมันอยู่เสมอ

บนชั้นสองของตลาดสดแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่มีร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่กินเนื้อที่หลายคูหาตั้งอยู่ และกิจกรรมการเลือกซื้อหนังสือของคุณที่นั่นนอกเหนือจากการคอยปัดฝุ่นหนาเตอะที่ติดอยู่บนหนังสือเก่าก็คือการต้องคอยหลบหลีกฝูงแมวที่มักออกไล่เล่นกันอย่างไม่เคยเกรงใจลูกค้าคนใด

ร้านหนังสือกับแมว หรือแมวกับร้านหนังสือทำให้ร้านหนังสือที่ว่านี้มีเอกลักษณ์

แต่กระนั้นก็ยังมีร้านหนังสือบางร้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างที่ไม่อาจหาร้านหนังสือที่ใดเทียบเคียงได้

เพราะนอกจากหนังสือและแมวแล้ว ร้านหนังสือแห่งนี้ยังมีสวนดอกไม้อีกด้วย

 

ผมรู้จักร้านหนังสือชื่อ “ฟิลาเดลเฟีย” เป็นครั้งแรกผ่านทางนักเขียนรุ่นพี่นาม “มาโนช พรมสิงห์” บ่ายวันหนึ่งที่เมืองอุบลสิบปีก่อน

พี่มาโนชพาผมมายังร้านหนังสือเล็กๆ ริมทางก่อนถึงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เมื่อรถของพี่มาโนชจอดสนิท สิ่งแรกที่ผมเห็นจากร้านหนังสือแห่งนี้ไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นทิวแถวของดอกไม้จำนวนมากที่ปลูกโอบล้อมตัวร้านอยู่

ร้านหนังสือชั้นเดียวที่ก่อสร้างอย่างเรียบง่ายแต่ไม่ง่ายเลยที่จะจัดวางและออกแบบให้มีรูปลักษณ์เช่นนั้น

ทุกมุมนั่งของร้าน เมื่อคุณพักสายตาจากหนังสือ เงยหน้าขึ้น คุณจะเห็นแต่สวนดอกไม้ สวนดอกไม้ที่ดอกไม้พากันเบ่งบานสะพรั่ง

หลายปีต่อมา ผมเดินทางไปอุบลฯ อีกครั้ง ครานี้ร้านหนังสือ “ฟิลาเดลเฟีย” โยกย้ายตนเองสู่สถานที่ถาวร ภายในซอยเล็กๆ ที่เลยจากมหาวิทยาลัยอุบลฯ ไม่มากนัก

อาคารขนาดสองชั้นรูปทรงเป็นดินสอปลายแหลม ตั้งตระหง่านเชื้อเชิญผู้ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือน

ในการเยือนครั้งนี้เองที่ผมได้พบกับผู้เป็นเจ้าของร้านหนังสือ “วิทยากร โสวัตร หรือเจี๊ยบ หรือพี่เจี๊ยบของนักศึกษารุ่นแล้วรุ่นเล่า”

การพบกันครั้งนี้เองที่ทำให้ผมได้ล่วงรู้ว่าคำว่า “ฟิลาเดลเฟีย” นั้นมาจากคำว่า “ฟี่” อันเป็นชื่อเล่นของภรรยาผู้เป็นหญิงสาวเคียงกายของผู้เป็นเจ้าของร้าน

และการสร้างร้านหนังสือแห่งนี้ก็เพื่อเป็นการบรรลุในความฝันของภรรยาผู้ปรารถนาที่จะสร้างร้านหนังสือสักร้านให้ใครได้เข้ามานั่งอ่านและผ่อนพักในร้านแห่งนี้ได้อย่างสุขใจ

 

สําหรับผมแล้ว ร้านหนังสือ “ฟิลาเดลเฟีย” แห่งใหม่นี้ไม่ต่างจากสวนพฤกษศาสตร์ที่บรรจุดอกไม้นานา

ในยามเย็นและยามค่ำของหลายค่ำคืนที่ร้านแห่งนี้ กลิ่นดอกไม้หลากชนิดจะรวยรินออกมาจากตำแหน่งแห่งที่ของมัน

ในคืนที่มีบทสนทนาที่ลื่นไหล ในคืนที่บทกวีถูกอ่าน ถูกขับออกมาไม่รู้จบ สีสันและกลิ่นของดอกไม้จะทำหน้าที่ดังผู้ประสานเสียงชั้นยอดที่ไม่ปรากฏตนออกมาให้ใครได้เห็นอย่างชัดแจ้ง

พวกเขาแอบอยู่ตามมุมต่างๆ เหนือทางเดิน ใต้ชายคา ริมรั้วแนว ไปจนถึงแม้ใต้เก้าอี้หินในสนาม

และเช่นเคย แมวหลายตัวต่างพากันมาที่นี่และไม่จากไป พวกมันก็เบ่งบานเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในร้านแห่งนี้

ในหลายครั้งครา แมวเหล่านั้นจะออดอ้อนและพันพัวกับลูกสาวทั้งสองของผู้เป็นเจ้าของคือเวยาและเนรัญไม่ห่าง

ในโลกของร้านหนังสือ “ฟิลาเดลเฟีย” ยามค่ำคืน หากใครจะตื่นขึ้นกลางดึกเพราะจิตใจสงบเกินกว่าจะหลับใหลลงได้และเลือกนั่งลงในสวนเพียงลำพัง เขาผู้นั้นจะแลเห็นการหลับใหลของหนังสือจำนวนมากที่รอการถูกปลุกให้ตื่นโดยคนรักหนังสือในวันรุ่งขึ้น เขาจะแลเห็นฝูงแมวที่นอนบิดตัวอย่างเกียจคร้านตามที่ต่างๆ

ในคืนเดือนเพ็ญเขาจะแลเห็นดวงจันทร์ที่ส่องแสงอ่อนโยนตามมุมต่างๆ และในคืนที่เงียบสงบ เขาจะได้กลิ่นดอกไม้จำนวนมากจากมวลดอกไม้ที่ไม่ยอมหลับใหลเหล่านั้น

เป็น “มวลดอกไม้ในร้านหนังสือที่อยู่ในสวนดอกไม้”