ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : เจาะ 2 รถเปิดม่าน ‘เกรท วอลล์’ ‘HAVAL H6’ – ‘ORA Good Cat’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

เจาะ 2 รถเปิดม่าน ‘เกรท วอลล์’

‘HAVAL H6’ – ‘ORA Good Cat’

 

ปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว “เกรท วอลล์ มอเตอร์” (GWM) ค่ายรถจากจีน น้องใหม่ในตลาดเมืองไทย

“เกรท วอลล์” ถือว่าเป็นเจ้าพ่อรถเอสยูวี และปิกอัพที่เมืองเกิด รวมทั้งในเวลาต่อมาขยายไลน์ไปยังรถพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ “EV”

จะว่าไปแล้วเป็นค่ายรถที่อายุอานามไม่มากนัก ราว 30 กว่าปีเท่านั้น

ถือว่าเติบโตได้ค่อนข้างรวดเร็ว และกลายเป็นเจ้าตลาดรถเอสยูวีและปิกอัพในเวลาสั้นๆ ก่อนขยายไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยเป็นประเทศล่าสุด

“เกรท วอลล์” มีแบรนด์รถยนต์ในมือหลักๆ 4 แบรนด์ ประกอบด้วย HAVAL, ORA, WEY และ GWM Pick up

เกรท วอลล์ ขยายไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลก จัดตั้งโรงงานแบบ “12+5” คือโรงงานผลิตเต็มรูปแบบ 12 แห่งรวมถึงโรงงานที่ จ.ระยอง ซึ่งรับเซ้งมาจากเจเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ที่โบกมือลาเมืองไทยไป

นอกจากนี้ มีโรงงานแบบ KD (Knock Down) อีก 5 แห่งนอกประเทศจีน

ยังมีเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนาใน 10 แห่งใน 7 ประเทศทั่วโลก

ปีที่แล้วแม้เจอปัญหาโควิด ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซา แต่เกรท วอลล์ ยังขายรถได้สูงถึง 1.11 ล้านคัน

ยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท

 

ล่าสุด เกรท วอลล์ ประสบความสำเร็จพัฒนาแบตเตอรี่ปราศจากโคบอลต์เป็นรายแรกของโลก

ในปี 2020 ที่ผ่านมา เปิดตัวแบตเตอรี่ที่ปราศจากโคบอลต์ NMX อย่างเป็นทางการ

สำหรับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เกรท วอลล์ เริ่มขยายธุรกิจตั้งแต่ในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงการจัดตั้งโรงงานที่จังหวัดระยองให้เป็น “โรงงานอัจฉริยะ” (Smart Factory) ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศแผนเจาะตลาดในปีแรกและอีก 3 ปีต่อจากนี้

หลักๆ คือ การขอเป็นผู้นำด้านรถพลังงานไฟฟ้า ด้วยแผน “9 in 3” นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 9 รุ่นมาเปิดตัวในไทยภายในเวลา 3 ปี

ส่วนอื่นๆ เช่น การดูแลบริการหลังการขาย รับฟังเสียงของลูกค้าเป็นหลักในการวางแผนธุรกิจ และนำมากำหนดแนวทางการทำตลาดและให้บริการ เป็นต้น

แน่นอนว่าหากดูข้อมูลของเกรท วอลล์ ในประเทศจีน นอกจากเรื่องเทคโนโลยีแล้ว “ราคา” เป็นอีกกลยุทธ์หลักในการตีตลาดทั่วโลกและในเมืองไทย

มีแนวโน้มอย่างสูงว่าน่าจะมีโมเดลคล้ายกับ “เอ็มจี” ค่ายรถจากแดนมังกรเช่นกัน ที่อัดเทคโนโลยีเด่นๆ มาในรถยนต์ โดยตั้งราคาไม่สูงมากนัก

ซึ่ง “เอ็มจี” ประสบความสำเร็จยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเอสยูวี อาทิ “เอ็มจี แซดเอส”

การมาถึงของเกรท วอลล์ คงล็อกเป้า “เอ็มจี” ในฐานะคู่แข่งรายสำคัญ เพราะเจาะตลาดเซ็กเมนต์เดียวกัน และกลยุทธ์ด้านราคายังคล้ายกันอีกด้วย

 

ในงานเปิดตัวบริษัท เกรท วอลล์ ประกาศส่งรถ 2 รุ่นแรกมาเปิดม่านในไทย

หนึ่งคือเอสยูวีรุ่นดัง “HAVAL H6”

และอีกหนึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก “ORA Good Cat”

“HAVAL” เป็นแบรนด์น้องใหม่ของเกรท วอลล์ เปิดตัวรถยนต์รุ่นแรก “HAVAL H6” ไปเมื่อปี 2013

ถึงจะเป็นน้องใหม่แต่แรงจัดสะบัดช่อเหลือเกิน ครองตำแหน่งรถเอสยูวีขายดีที่สุดในจีนติดต่อกันนานถึง 2 ปีซ้อน

คำว่า “ขายดี” ไม่ได้คิดแบบปีต่อปีนะครับ แต่เป็นการคำนวณแบบ “เดือนต่อเดือน”

เรียกว่าตลอด 24 เดือน “HAVAL H6” ขายเป็นอันดับ 1 ทุกเดือนนั่นเอง

เจเนอเรชั่นที่ 2 คือรุ่นที่จะมาทำตลาดในเมืองไทย แต่เป็นรุ่น “ไมเนอร์เชนจ์” เนื่องจากรถรุ่นนี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 แล้ว

“HAVAL H6” เป็นเอสยูวีขนาดกลาง เซ็กเมนต์เดียวกับ “Honda CR-V” “Mazda CX-5” และ “MG HS”

ออกแบบและพัฒนาโดยวิศวกรชาวจีน ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่เน้นซื้อเทคโนโลยีและการออกแบบของค่ายฝั่งยุโรป

ปัจจุบันเทคโนโลยีของจีนถือว่าไม่เป็นรองชาติยุโรปหรืออเมริกา

 

สําหรับ Haval H6 ใช้กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่แบบใหม่ แปะโลโก้ “HAVAL” ไฟหน้าเรียวเล็กตามสมัยนิยม ไฟตัดหมอกแบบใหม่ จากเดิมรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเป็นทรงสามเหลี่ยมแนวตั้ง ล้อลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว

ภายในวัสดุบุนวมนิ่มทั้งคันด้วยหนังสีทูโทน มาตรวัดเป็นแบบหน้าจอดิจิตอล เพิ่มการแสดงผลบนกระจกหน้าแบบจออินโฟเทนเมนต์เพิ่มขนาดขึ้นเป็น 12.3 นิ้ว ย้ายไปอยู่เหนือช่องแอร์

ขุมพลังมีหลายบล็อกด้วยกันที่ขายอยู่หลายประเทศ แต่ในไทยน่าจะมี 2 บล็อกหลักๆ คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร

และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 187 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตช์ 7 จังหวะ

รุ่นที่ขายเมืองนอกอัดออปชั่นหนักพอสมควร อาทิ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบมองภาพรอบคัน 360 องศา, ระบบช่วยกะระยะเปลี่ยนเลน, ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลน, ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

รุ่นท็อปมีระบบเตือนการชนด้านหน้า และเบรกให้อัตโนมัติ นอกจากการตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน คนเดินถนนแล้ว ยังสามารถตรวจจับรถที่วิ่งตัดหน้ากะทันหันได้ด้วย

ระบบช่วยดึงพวงมาลัยกลับเลนได้เอง กรณีที่เบนออกโดยไม่ตั้งใจ

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,886 x 4,653 x 1,730 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,738 ม.ม.

แน่นอนว่าหลักๆ ต้องชนกับ “MG HS” ราคารุ่นต่ำสุดคงราวๆ 9 แสน ไปจนถึงล้านต้นๆ หรือตั้งต่ำกว่า “MG HS” เล็กน้อย เพื่อจูงใจผู้บริโภค

 

รถอีกรุ่นที่จะมาทำตลาดในช่วงแรกคือ “Ora Good Cat” รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ของ ORA เจนล่าสุดเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วนี่เอง รูปทรงเล็กกะทัดรัดแบบ 5 ประตู

ด้านนอกออกแบบย้อนยุคคล้ายรถโฟล์กเต่า กลมมน ไฟหน้าทรงกลม วางตำแหน่งไฟเบรกที่ไว้กันชนท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ขนาดยาว ฝังในกระจกบานหลัง

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,825 x 4,235 x 1,596 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,650 ม.ม.

ภายในตกแต่งด้วยสีสันแบบทูโทน มีหน้าจอ 2 หน้าจอและพวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุม เบรกมือไฟฟ้า เกียร์ แบบไฟฟ้าเช่นกัน ด้านท้ายเมื่อพับเบาะลง ให้พื้นที่เก็บสัมภาระที่มากถึง 858 ลิตร

พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร

แบตเตอรี่มีให้เลือก 2 ความจุ 47.8 kWh วิ่งได้ไกล 401 กิโลเมตรต่อการชาร์จ และ 59.1 kWh วิ่งไกล 501 กิโลเมตรต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)

ระบบเกียร์ ORA-Goddess Easy Drive

มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 5 แบบ Standard / Economy / Sport / AI Adaptive / และ Super power saving

อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วอัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบุว่าทำได้ใน 3.8 วินาที

ราคาขายที่จีนเริ่มต้น 480,000-670,000 บาท

ส่วนราคาในไทยต้องรอลุ้นว่าจะเปิดตัวที่เท่าไหร่

เกรท วอลล์ ดีเดย์เปิดตัวจำหน่าย “HAVAL H6” และ “ORA Good Cat” ในเดือนมีนาคม