ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
0 เจ้านาย-คนใช้
งานบ้านที่ผ่านมา
ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแรงงาน
จึงไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงานเท่าเทียมกับแรงงานกลุ่มอื่นๆ
นอกจากนั้น ลูกจ้างทำงานบ้านส่วนมากยังเป็นแรงงานหญิง ทำงานอยู่ในบ้านนายจ้าง
จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกล่วงละเมิดทั้งทางร่างกาย จิตใจ และทางเพศ
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ.2555) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
เป็นกฎหมายหลักในการคุ้มครองลูกจ้างทำงานบ้าน ซึ่งนายจ้างทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม
แต่ที่ผ่านมากฎหมายฉบับนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นายจ้างและลูกจ้าง
ทำให้ลูกจ้างทำงานบ้านในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับสิทธิตามที่กฎหมายกำหนด
สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เครือข่ายลูกจ้างทำงานบ้านในประเทศไทย
กองคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ
และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง
จึงได้ร่วมกันพัฒนาจรรยาบรรณการจ้างลูกจ้างทำงานบ้านในประเทศไทยขึ้น
เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกจ้างทำงานบ้าน
โดยกำหนดข้อปฏิบัติของทั้งสองฝ่ายไว้ในจรรยาบรรณฉบับนี้
ดังนี้
สิ่งที่นายจ้างพึงปฏิบัติ
- สัญญาจ้าง นายจ้างพึงจัดทำเอกสารสัญญาจ้าง ระบุเงื่อนไขการจ้าง กฎระเบียบที่จำเป็น ค่าจ้าง และสิทธิประโยชน์จากการทำงานที่ลูกจ้างพึงได้รับ
- ค่าจ้าง ชั่วโมงทำงาน และเวลาพัก
นายจ้างพึงจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
นายจ้างพึงจัดให้ลูกจ้างทำงานบ้านสัปดาห์ละไม่เกิน 48 ชั่วโมง (ไม่นับรวมเวลาพัก)
นายจ้างไม่พึงหักค่าจ้างเพื่อการลงโทษหรือเอาผิดลูกจ้างทำงานบ้านที่ทำงานผิดพลาดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
- ในกรณีที่นายจ้างจัดที่พักอาศัยให้ลูกจ้าง พึงจัดที่พักที่เป็นสัดส่วน สะอาด ถูกสุขลักษณะและปลอดภัยให้
- การไม่เลือกปฏิบัติต่อลูกจ้างทำงานบ้านเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ สีผิว ภาษา เพศ เพศสภาพ ความพิการ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม สถานะของบุคคล การศึกษา ความเชื่อทางศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง หรือสถานภาพอื่น รวมทั้งการเป็นสมาชิกขององค์การลูกจ้าง
- การลาคลอด นายจ้างพึงให้แรงงานหญิงได้ตรวจสุขภาพครรภ์และลาคลอดได้ ในกรณีลูกจ้างชาย พึงให้สิทธิลาเพื่อดูแลภรรยาและบุตรหลังคลอด 3 เดือน
- การคุ้มครองความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน นายจ้างพึงอธิบาย ให้ข้อมูล และส่งเสริมเรื่องสุขภาพความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งจัดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายในการทำงานให้แก่ลูกจ้างด้วย
ในกรณีที่ลูกจ้างได้รับอันตราย หรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน นายจ้างพึงช่วยเหลือในเรื่องค่ารักษาพยาบาล หรือเงินช่วยเหลืออื่นเท่าที่จำเป็น
- นายจ้างพึงให้ความเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกจ้างทำงานบ้าน เช่น การนับถือศาสนาและการปฏิบัติศาสนกิจ การเก็บรักษาทรัพย์สินส่วนตัวไว้กับตนเอง เป็นต้น
- นายจ้างพึงส่งเสริมลูกจ้างทำงานบ้านให้มีโอกาสได้รับการศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาทักษะฝีมือ และฝึกอบรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- หลักประกันสังคม นายจ้างพึงจัดสวัสดิการ และสนับสนุนให้ลูกจ้างเข้าถึงประกันสังคม รวมทั้งสวัสดิการอื่นๆ ที่รัฐจัดให้
- การเลิกจ้าง นายจ้างพึงตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลอย่างรอบด้านก่อนการตัดสินใจเลิกจ้าง หากนายจ้างประสงค์จะเลิกจ้างโดยลูกจ้างมิได้กระทำความผิด นายจ้างพึงจ่ายค่าชดเชย หรือเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม
สิ่งที่ลูกจ้างพึงปฏิบัติ
- ลูกจ้างพึงมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย
- ลูกจ้างพึงมีความซื่อสัตย์สุจริต
- ลูกจ้างพึงมีทัศนคติที่ดีต่อนายจ้าง
- ลูกจ้างพึงเคารพสิทธิส่วนบุคคลของนายจ้างและสมาชิกในครอบครัว
- ลูกจ้างพึงปกป้องทรัพย์สินของนายจ้าง
- ลูกจ้างพึงมีวินัย ปฏิบัติตามกฎและคำสั่งที่เป็นธรรมของนายจ้าง รวมทั้งข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับนายจ้างด้วย
- ลูกจ้างพึงเรียนรู้และพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตน
- ลูกจ้างพึงมีการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีกับนายจ้างอย่างสม่ำเสมอ
- ลูกจ้างพึงมีมารยาท สุภาพเรียบร้อย
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ
โทร : +662 513 9242, +662 513 8959
เว็บไซต์ : http://www.homenetthailand.org
อีเมล : [email protected]
อาจจะยาว
แต่อยากให้อ่าน
และช่วยเผยแพร่
เพื่อให้ “นายจ้าง” และ “ลูกจ้าง”
อยู่ใน “บ้าน” เดียวกันอย่างมีความสุข
รายละเอียดอื่นๆ เช่น สัญญาว่าจ้าง ขอรายละเอียดที่มูลนิธิ