ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | คลุกวงใน |
ผู้เขียน | พิศณุ นิลกลัด |
เผยแพร่ |
คลุกวงใน
พิศณุ นิลกลัด
Facebook: @PITSANUOFFICIAL
ศัลยกรรมความงามช่วงโควิด-19
ช่วงโควิด-19 อาละวาด หลายคนต้อง Work From Home หรือทำงานอยู่กับบ้าน ปรากฏว่าหลายประเทศมีจำนวนคนทำศัลยกรรมความงามมากขึ้น ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นดูดไขมัน หรือที่เรียกว่า liposuction, การเสริมหน้าอก หรือฉีดโบท็อกซ์
เหตุผลที่สถิติทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นในช่วงที่คน Work From Home เพราะเป็นโอกาสดีที่ไม่ต้องลางานเพื่อพักฟื้นหลังผ่าตัดทำศัลยกรรม ผ่าตัดเสร็จ กลับบ้าน ทำงานต่อ (ที่บ้าน) ได้เลย
ส่วนการทำโบท็อกซ์เพิ่มขึ้นก็เพราะเวลา Work From Home ต้องมีการประชุมงานผ่านหน้าจอ หรือ Video Conference เมื่อเห็นหน้าตัวเองชัดๆ แบบใกล้ๆ ก็ขาดความมั่นใจ จึงไปฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้หน้าตึง
เวลาประชุมผ่านหน้าจอ เพื่อนร่วมงานจะได้เห็นหน้าไร้รอยเหี่ยวย่น
ที่ประเทศอังกฤษ การทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นถึง 500% ในช่วง lockdown เพราะคน Work From Home
มีตั้งแต่การดูดไขมัน หรือ liposuction, ผ่าตัดเสริมหน้าอก, ลดขนาดหน้าอก
คลินิก Pall Mall Cosmetics ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ บอกว่าในปี 2020 มีการผ่าตัดทำศัลยกรรมความงามถึง 10,000 การผ่าตัด
การผ่าตัดที่นิยมสูงสุดคือการผ่าตัดลดหน้าอก มีสถิติเพิ่มขึ้น 520%
รองลงมาคือการผ่าตัดเสริมหน้าอก จำนวนเพิ่มขึ้น 110%
สําหรับผู้ชาย การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกก็กำลังเป็นที่นิยมเช่นกัน
ผู้ชายที่มีหน้าอกเพราะไขมันเยอะ หรือที่เรียกว่า Man Boobs นั้น ทำให้ขาดความมั่นใจเวลาต้องถอดเสื้อ หรือใส่เสื้อพอดีตัว ทำให้เห็นหน้าอกใหญ่ ดูเหมือนผู้หญิง
พบว่าในอเมริกา ผู้ชาย 35% มีปัญหาการมี Man Boobs ซึ่งมีศัพท์ทางการแพทย์ว่า ไกเนโคมาสเทีย (Gynecomastia) หรือภาวะเต้านมโตในผู้ชาย พูดภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นผู้ชายนมแหลม
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไขมันหรือเนื้อเยื่อเต้านมเติบโตผิดปกติ ซึ่งไม่มีอันตราย แต่ทำให้ผู้ชายเกิดความไม่มั่นใจเวลาถอดเสื้อ
ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Rock อดีตนักมวยปล้ำ WWE วัย 48 ปี ที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดโด่งดังไปทั่วโลก ยอมรับว่าสมัยที่เป็นนักมวยปล้ำ WWE เขาเข้ารับการผ่าตัดเอา Man Boobs ออก เพราะไม่ว่าจะออกกำลังขนาดไหน คุมอาหารอย่างเคร่งครัดเพียงใด เขาก็ยังมีเนื้อหน้าอกเยอะเหมือนผู้หญิง ทำให้ขาดความมั่นใจ จึงตัดสินใจผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
ซิโมน่า ฮาเล็ป (Simona Halep) นักเทนนิสหญิง วัย 29 ปี ชาวโรมาเนีย อดีตหมายเลข 1 ของโลก ปัจจุบันเป็นหมายเลข 2 ของโลก มองว่าหน้าอกใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเธอเลย ไม่ว่าจะในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเป็นนักกีฬาเทนนิส เพราะเมื่อหน้าอกใหญ่ก็ต้องแบกรับน้ำหนักเพิ่ม ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง และรู้สึกอึดอัด
ดังนั้น หลังจากได้แชมป์ Junior French Open 2008 ฮาเล็ปในวัย 17 ปี ก็เข้ารับการทำศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกจากคัพ 34DD ลงมาเป็น 34C ในปี 2009
ซึ่งขนาดหน้าอกคัพ 34C ก็ถือว่ายังใหญ่อยู่สำหรับมาตรฐานหญิงไทย ที่อยู่ประมาณคัพ B
การได้แชมป์ French Open 2018 และ Wimbledon 2019 ก็คือรางวัลที่เธอได้รับจากการยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อบรรลุความฝันของตัวเอง
จากตัวเลขของ International Society of Aesthetic Plastic Surgery (ISAPS) หรือสมาคมศัลยแพทย์ความงามนานาชาติ ซึ่งก่อตั้งโดยองค์การสหประชาชาติ รายงานว่าในปี 2018 มีการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 10,607,227 ครั้ง
โดยศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุด
อันดับ 1 เสริมหน้าอก 1,862,506 ครั้ง
อันดับ 2 การดูดไขมัน หรือ liposuction 1,732,620 ครั้ง
อันดับ 3 การทำตาสองชั้น 1,099,960 ครั้ง
สําหรับประเทศไทย ในปี 2018 มีการทำศัลยกรรมความงามแบบผ่าตัดมากเป็นอันดับ 10 ของโลก รวมทั้งสิ้น 105,105 ครั้ง โดยการทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 คือการทำตาสองชั้น อันดับ 2 เสริมหน้าอก และอันดับ 3 ทำจมูก
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีอัตราคนเคยทำศัลยกรรมความงามสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศ เฉลี่ยแล้วคนเกาหลีใต้ทุกๆ 1,000 คน จะมี 20 คนที่ผ่านการทำศัลยกรรม
จากการสำรวจของ Gallup Poll พบว่า จำนวนถึง 1 ใน 3 ของผู้หญิงเกาหลีใต้ ที่อายุระหว่าง 19-29 ปี บอกว่าเคยเข้ารับการผ่าตัดทำศัลยกรรม
นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีสัดส่วนหมอศัลยกรรมมากที่สุดในโลก อยู่ที่ 2,330 คน เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศ 51 ล้านคน
สำหรับประเทศไทย มีจำนวนหมอศัลยกรรมความงาม 375 คน
การทำศัลยกรรมความงามเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เดือดร้อนใคร หากทำแล้วรู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้น ทำให้มีความสุข มีความมั่นใจมากกว่าเดิม คนอื่นก็ไม่ควรไปวิจารณ์