เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ : รจนาศิลาทราย

หินที่นำมาแกะสลักลวดลายนี้เป็นหินทรายหรือศิลาทราย ซึ่งละเอียดกว่าศิลาแลงอันเหมาะจะเป็นหินใช้ตั้งแท่นตั้งฐาน

ลวดลายจำหลักนี้ต้องเรียกว่า “สลักเสลา” ด้วยทั้ง “คมชัด” และ “อ่อนช้อย” อะไรจะปานนั้น

เหมือนงานปูปั้นนั่นเทียว

หากงานสลักเสลาบนศิลาทรายนี้ วิจิตรตระการกว่างานปูนปั้นเป็นร้อยเท่าพันทวี

จะเห็นเด่นชัดที่ปราสาทบันทายศรี หนึ่งในปราสาทหินที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดในยุคต้นๆ ของเขมรนั่น

เป็นดั่งหอธรรมย่อมๆ ที่อวดลวดลายในระดับสายตาได้กระจะกระจ่างยิ่ง ลวดลายนั้นวิจิตรบรรจงเหมือนจะควักคัดปาดป้ายประจงเจียนเขียนรูปลงลายสลับซับซ้อนปานเนรมิต…ทำได้ไงนี่

ถ้าเป็นยุคโลกดิจิตอลวันนี้ละเลิกเลยคือเลิกงุนงงสงสัยไปเลย แต่นี่เป็นสองพันปีมาแล้วนะ..ทำได้ไงๆ

 

อีกที่คือปราสาทบายน ตรงแผ่นเสาหินทางขึ้นปราสาทรูปเทพอัปสรฟ้อน ซึ่งร่ายรำอยู่บนฐานดอกบัว นี่ก็พลิ้วไหวอย่างมีชีวิตชีวา บางภาพเหมือนแทบจะแตะบาทอยู่บนดอกบัวชั่วพลิกปลายเท้า

ทั้งเอวองค์บงกชบาทนวยนาดกร กลมกลืนกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน

เป็นองค์เอกภาพของความงามความเบาสบายโดยแท้…นี่ก็ทำได้ไง

นี่คือประจักษ์พยานแห่งอารยสมัยของมนุษยชาติบนแผ่นดินถิ่นนี้ที่ยังดำรงอยู่

เมื่อสิ้นสมัยนครวัด พระเจ้าชัยวรมันที่เจ็ดจึงมาสร้างนครธม เริ่มที่ปราสาทบายนแห่งนี้

ก่อนหน้านี้ก็มีปราสาทบาปวนตั้งอยู่ไม่ไกลกัน หากปราสาทบายนมีเอกลักษณ์พิเศษคือสลักเป็นพระพักตร์โพธิสัตว์ คือพระอวโลกิเตศวรทั้งสี่ทิศของทุกองค์ปรางค์

พระอวโลกิเตศวรคือสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่ยังอาศัยเค้า “อวตาร” ของฮินดู หมายถึงการแบ่งภาคมาช่วยโลก พุทธฝ่ายมหายานเรียกเป็นพระโพธิสัตว์ คือพระผู้มุ่งมาโปรดสัตว์ช่วยเหลือผู้คนให้ข้ามพ้นจากกองกิเลสกองทุกข์เป็นเป้าหมาย

เพราะฉะนั้น ปราสาทหินทั้งมวลจึงเป็นดังสถานสถิตเทพสถิตธรรมที่สำคัญ อันจำลองมาจากหลักคิดหลักปัญญาที่เป็นปรัชญาชีวิตของศาสดานักคิดนั่นเอง

 

คติพราหมณ์ พุทธนี่แหละสำคัญ

หลักคือ พราหมณ์อธบิายสัจธรรมของสรรพสิ่ง คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

พุทธ ต่อยอดนำหลักสัจธรรมนี้มาใช้เพื่อ “ดับทุกข์” ที่ในใจคนเป็นสำคัญ

พราหมณ์เรียกสัจธรรม

พุทธเรียกอริยสัจ (ธรรม)

แง่เงื่อนตรงนี้แหละที่พุทธกับพราหมณ์แทบจะเป็นครรลองเดียวกัน ดังทุกวันนี้ที่คนดูจะยังแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แถมนับถือผีเข้ามาปะปนด้วย เลยยิ่งกลายเป็น “ยำใหญ่” ใส่สารพัด

ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยว่า

ไสยะนั้นมีแต่พิธีการ

พุทธนั้นมีแต่วิธีการ

คือวิธีการเพื่อความดับทุกข์เท่านั้น ต่างจากนี้ย่อมไม่ใช่พุทธแท้

ดูเขมรแล้ว “ถกเขมร” ก็จะได้เห็นสัจธรรมว่าอารยธรรมของเขมรนั้นยิ่งใหญ่ตรงที่ได้จำหลักหลักคิดสำคัญของทั้งพราหมณ์และพุทธไว้อย่างยิ่งยงนัก

คือจำหลักเรื่องละเอียดอ่อนที่สุดเป็นนามธรรมไว้ด้วยสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด คือปราสาทหินไว้เป็นรูปธรรม

 

และทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้รับการยอมรับจากธรรมชาติอย่างถึงที่สุด ที่ปราสาทตาพรหม

ปราสาทตาพรหมที่มีต้นสำโรงยักษ์แผ่รากและกิ่งก้านสาขาดังจะเป็นกรอบเป็นกำแพงสอดเลี้ยวเข้าประสานกับหินทรายศิลาแลงอันจำหลักสลักลายร่ายข้อคติธรรมความคิดด้วยรูปธรรมความจริงที่มีธรรมชาติเป็นแม่บทใหญ่กำกับอยู่นี้

น่าชมพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์เหล่านี้ เขารักษาต้นไม้ใหญ่ไว้ดียิ่ง แต่ละต้นนั้นประมาณได้หลายคนโอบ และตระหง่านขึ้นเสียดฟ้าท้ายอดปราสาทให้เห็นทั้งความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและหัวใจคน

บัญชรแห่งมหาปราสาทศิลาเก่าก่อนได้เบิกบัญชรให้เห็นกัมพูชาวันนี้เป็นภาพที่ทั้ง “คมชัด-อ่อนช้อย” เช่นกัน

กัมพูชาวันนี้มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอารยธรรมปราสาทหิน ซึ่งคัดสรรรสนิยมนักท่องเที่ยวอยู่ในตัว และวันนี้นักท่องเที่ยวยอดฮิตก็คือจีน

นางอัปสรจีนยืนเคียงเซลฟี่กับนางอัปสรา อยู่แทบทุกปรางค์ปราสาท จนแทบไม่รู้ว่าใครจำหลักใครกันแล้ว

 

เพื่อนเขมรครั้ง “ทุ่งสังหาร” ระบายความขื่นขมทุกเข็ญอันเป็นภาพที่ตัดกันกับวันนี้ว่า

“ตอนนั้นผมยังเด็กเลย ถูกเกณฑ์ไปทำงานผ่านภาพสยดสยองคือ ทหารแดงเอาจอบฟาดพ่อแม่เด็กตายข้างทางริมทุ่ง ทิ้งลูกสามเดือนกลิ้งเกลือกกับกองเลือด ไม่มีใครกล้าช่วย เดินกลับตอนเย็นเด็กทารกนั้นตายแล้ว…ผมยังจำติดตาจนวันนี้…

อย่าพูดเรื่องการเมืองเลยนะ…วันนี้เราเป็นประชาธิปไตยแล้ว”

เขาแอบสะอื้น

 

                                                    นาฏลีลา

๐ เยื้องยาตรยุรยาตร์
บนบัวบาทพิลาศพิไล
เผยอบาทจะคลาดไคล
ขยับย้ายไม่ไคลคลา

๐ เอวองค์ละองค์อ่อน
มธุรธรทุกท่วงท่า
นาดกรฟ้อนลีลา
ประจงจีบทิพย์พิมาน

๐ ผันพักตร์ประไพพริ้ม
ละไมยิ้มในวิญญาณ
ดอกดวงลดาดาล
ก็เบิกบานตระการกรอง

๐ รจนาศิลาทราย
ละลายหินทุกแห่งห้อง
หยาดเย็นเป็นครรลอง
เกิดมนุษย์ ทุกมนุษย์ ฯ