ต้องลองลดเงินเดือนรัฐบาลและข้าราชการ จะได้รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนประชาชน

ว้ากซีน

การตัดสินใจไม่เข้าร่วมกับโครงการ covax ของรัฐบาลไทย ทำให้เกิดคำถามว่ายุทธศาสตร์การจัดหาวัคซีนของไทยเดินมาถูกทางหรือไม่

covax นั้นมีองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เป็นแกนนำ มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกประเทศเข้าถึงวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19

ประเทศใหญ่ๆ ลงขันเพื่อซื้อวัคซีนแจกประเทศยากจน

ส่วนประเทศที่พอมีเงินก็ลงขันซื้อได้ แต่ต้องจ่ายเงินค่าวัคซีน

ในประเทศอาเซียนทั้งหมดเข้าร่วมขบวนรถไฟ covax อย่างพร้อมเพรียงกัน

ประเทศที่ยากจนอย่างลาว กัมพูชา พม่า จะได้วัคซีนฟรี

แต่ประเทศที่มีเงินอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ฯลฯ ต้องจ่ายเงิน

มีเพียงไทยประเทศเดียวที่ไม่เข้าร่วม

ทั้งที่ covax คือช่องทางหนึ่งในการได้มาซึ่ง “วัคซีน”

ไม่ได้หมายความว่าประเทศที่มีเงินทุกประเทศจะรอวัคซีนจาก covax ทางเดียว

ทุกประเทศก็ติดต่อซื้อวัคซีนจากบริษัทต่างๆ

covax นั้นเหมือนการซื้อประกันของประเทศที่มีเงิน

ถ้าวัคซีนที่หาได้ไม่พอก็ใช้

แต่หากหาวัคซีนตัวที่พอใจได้ก็ไม่ต้องใช้

จะบริจาคให้ประเทศต่างๆ ก็ได้

แต่ไทยกลับเลือกแนวทาง “ปิดประตู”

สถานการณ์วันนี้ ทุกประเทศกำลังวิ่งแข่งไล่ล่า “วัคซีน”

ใครฉีดครบก่อน จะได้เปรียบทางการแข่งขันทันที

ประเทศไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลัก

ตอนนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกำลังย่ำแย่อย่างหนัก

ความหวังของเขาอยู่ที่ “วัคซีน”

แต่เจอคำพูดของนายกฯ ที่บอกว่า “ไม่ยอมให้คนไทยเป็นหนูทดลอง”

หรือคำพูดของนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

“วัคซีนจะมาช้าหรือเร็ว แทบไม่มีผลกับคนไทย เพราะเรามีหน้ากากอนามัยกับหน้ากากผ้าในการป้องกัน ไม่ต้องเจ็บจากการฉีดวัคซีน”

ชัดเจนว่าไม่ให้ความสำคัญกับการเร่งหาวัคซีน

อุณหภูมิอารมณ์ของคนในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวถึงจุดเดือดอย่างพร้อมเพรียงกัน

เหมือนคนที่ลอยคอในน้ำนานเป็นปี กำลังหมดลมหายใจ

มองเห็นฝั่งแล้ว แต่โดนรัฐบาลกดหัวซ้ำ แล้วถีบให้ออกจากฝั่งอีก

บางคนถึงขั้นปล่อยสำนวนบู๊ลิ้มออกมา

“บิดาท่านไร้ซึ่งชีพจร”

มีคำวิจารณ์หนึ่งที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์และนายแพทย์ทวีศิลป์ เป็นข้าราชการประจำมาตลอดชีวิต

จะทำงานหนักหรือเบา สิ้นเดือนก็ได้รับเงินเดือน

ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวเหมือนพ่อค้าแม่ค้าที่ทำมาหากิน

จนถึงวันนี้ คนทำงานแต่ละบริษัทโดนลดเงินเดือน ตัดค่าใช้จ่าย

แต่ข้าราชการยังได้รับเงินเดือนเหมือนเดิม

ไม่สะเทือนเลย

นักธุรกิจบางคนเสนอว่า ถ้าจะให้รัฐบาลและข้าราชการรู้ร้อนรู้หนาวกับวิกฤตโควิด-19

ต้องลองลดเงินเดือนรัฐบาลและข้าราชการ

จะได้รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนประชาชนบ้าง