จากสวนมิสกวัน สู่มัฆวานฯ ‘บิ๊กบี้’ อำนาจเต็มมือ เตรียมจัดทัพใหม่ ‘บิ๊กติ่ง-บิ๊กโต้ง-บิ๊กต่อ-บิ๊กอ๊อบ’ และพลัง ตท.22 / รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

จากสวนมิสกวัน

สู่มัฆวานฯ

‘บิ๊กบี้’ อำนาจเต็มมือ

เตรียมจัดทัพใหม่

‘บิ๊กติ่ง-บิ๊กโต้ง-บิ๊กต่อ-บิ๊กอ๊อบ’

และพลัง ตท.22

หากยึดตามอายุราชการแล้ว บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กุมบังเหียน ทบ. คุมทหารในมือกว่า 2 แสนนายถึง 3 ปี เพราะเกษียณกันยายน 2566

ถ้าเป็นกองทัพในอดีต ก็คงมีลุ้นว่า ผบ.ทบ.จะโดนเด้งไปแขวนเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือไม่

เช่น กรณีที่บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ.นานถึง 4 ปี ในปีสุดท้ายของชีวิตรับราชการทหาร ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ในเวลานั้น เด้งไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

ในครั้งนั้น นายกฯ ทักษิณสั่งจัดโผโยกย้ายทหารแบบใหม่ คือ จัดส่วนหัว คือ ผบ.เหล่าทัพออกมาก่อน จากนั้นให้ ผบ.เหล่าทัพใหม่มีส่วนร่วมในการจัดโผกับ ผบ.เหล่าทัพคนเดิม ในการจัดโผใหญ่ออกมาอีกครั้ง

แต่ร่ำลือกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณในเวลานั้น ถึงขั้นต้องถือโผโยกย้ายทหารในส่วนหัวขึ้นทูลเกล้าฯ เอง โดยไม่ผ่านตามสายงาน ไม่ผ่านมือป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพราะเกรงว่าป๋าเปรมจะไม่เห็นด้วย เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารลูกป๋าคนโปรด เพราะเกรงว่า พล.อ.สุรยุทธ์จะรัฐประหาร

ประเด็นนี้ จึงเป็นความขัดแย้งสำคัญของนายทักษิณกับขั้วอำนาจบ้านสี่เสาเทเวศร์ จนนำมาซึ่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ก็มี พล.อ.สุรยุทธ์ร่วมประชุมวางแผน และมาเป็นนายกฯ ในรัฐบาลหลังการยึดอำนาจนั่นเอง

คราวนั้น นายทักษิณได้แต่งตั้งบิ๊กเกาะ พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ เสธ.ทบ. เครือญาติของบิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็น ผบ.ทบ.แทน พล.อ.สุรยุทธ์

แต่ต่อมา พล.อ.สมทัตก็ได้เป็น ผบ.ทบ.ปีเดียว ก่อนถูกเด้งข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพราะนายทักษิณต้องการดันบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ เป็น ผบ.ทบ.แทน

แต่จากนั้น เป็น ผบ.ทบ.ได้ 1 ปี พล.อ.ชัยสิทธิ์ก็ถูกนายทักษิณเด้งไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ทั้งๆ ที่เป็นเครือญาติกัน

ด้วยเพราะตอนนั้นประกาศิตบ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องการให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผช.ผบ.ทบ. ที่ใกล้ชิดคุณหญิงพจมานขึ้นเป็น ผบ.ทบ. รวมทั้งเกิดความไม่พอใจ พล.อ.ชัยสิทธิ์และหลังบ้านด้วย

หรือสมัยบิ๊กซัน พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ตอนเป็น ผบ.ทบ. จากนั้น ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้ล่วงลับ ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ควบ ผบ.ทหารสูงสุดด้วย แต่ที่สุดก็ถูกปลดจาก ผบ.ทบ. เหลือเป็น ผบ.ทหารสูงสุดตำแหน่งเดียว หลังการวิจารณ์การลดค่าเงินบาทของรัฐบาลในเวลานั้น

แต่กล่าวในเวลานั้นว่า พล.อ.เปรมเล็งจะย้าย พล.อ.อาทิตย์จาก ผบ.ทบ.อยู่แล้ว แต่เพื่อไม่ให้เกิดความหมางใจกัน จึงให้ควบ ผบ.ทหารสูงสุดก่อน เพราะมิเช่นนั้นคงไม่ปลดจาก ผบ.ทบ.กันง่ายเพราะการให้สัมภาษณ์ จน พล.อ.อาทิตย์ฝังใจไม่ลืม จนต่างล่วงลับกันไป

แต่สถานการณ์ในปัจจุบันและบริบทต่างๆ เปลี่ยนไป คนที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดมักจะเติบโตมาจากส่วนหัวของกองทัพไทย หรืออาจโยกมาจาก 5 เสือ ทบ.

อีกทั้งยังไม่ปรากฏความขัดแย้งถึงขั้นต้องเด้ง ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด แต่มักเกษียณคาตำแหน่ง ผบ.ทบ.

ยิ่งในมายุคนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ยากยิ่งที่จะถูกย้ายไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพราะบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ก็มีอายุราชการ 3 ปี เกษียณกันยายน 2566 เท่ากัน

แถมทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุดในยุคนี้ เป็น “นายทหารคอแดง” ในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) ฝ่ายการเมือง ยากที่จะขยับโยกย้ายได้

อีกทั้ง ผบ.ทบ.ต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย นั่นหมายถึงขาข้างหนึ่งอยู่กองทัพบก ส่วนขาอีกข้างหนึ่งต้องอยู่ในสายทหารคอแดง และสนองงานในพระราชดำริและพระบรมราโชบาย

พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

จึงกล่าวได้ว่า อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุด ที่ต้องเป็นทหารคอแดงของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แม้จะเป็น รมว.กลาโหม ด้วยก็ตามลดน้อยลง

เรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่คนเลือก พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ทบ. แต่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในเวลานั้นมีส่วนสำคัญ โดยที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็มีขั้วพิเศษสนับสนุนด้วยอีกแรง

เพราะตอนนั้น เคยมีกระแสข่าวว่า จะสลับให้ พล.อ.เฉลิมพล จากเสธ.ทหาร ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทบ. แล้วให้บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

แต่ทว่าพลังของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ยังแรง จึงพุ่งฉิวขึ้น ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.ณัฐพลก็ย้ายโอนไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามแผนเดิม

แต่ทว่าอำนาจตั้ง ผบ.เหล่าทัพ ก็ไม่ได้หลุดจากมือ พล.อ.ประยุทธ์เลยเสียทีเดียว เพราะยังสามารถมีส่วนร่วมในการเลือกหรือผลักดันนายทหารที่จะมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ได้อยู่บ้าง แม้จะเป็นทหารคอแดง ก่อนที่จะขยับขึ้น 5 เสือ ทบ. และขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

เช่น การดันบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ น้องรักสายทหารเสือราชินี ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 จ่อเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ในปี 2566 โดยในเวลานั้น มี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง ที่เป็น ผบ.ทบ. สนับสนุน

ท่ามกลางกระแสข่าวที่เคยสะพัดในเตรียมทหารรุ่น 22 รุ่นของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอนนั้นว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์สนับสนุนบิ๊กอ๊อบ พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ยศพลตรีในเวลานั้น แต่ผลักดันไม่สำเร็จ พล.ท.ทรงวิทย์จึงต้องขยับเข้า บก.ทบ. ไปเป็นรองเสธ.ทบ. ติดยศพลโท

แต่มาตอนนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ทบ.แล้ว แถมมีอายุราชการ 3 ปี ก็ถือว่าเก้าอี้มั่นคงพอสมควร เพราะก็มีการเดินเกมแห่งขั้วอำนาจอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่ใช่มีแค่ พล.อ.อภิรัชต์เท่านั้นที่หนุนเนื่อง

พล.อ.ณรงค์พันธ์จึงถูกจับตามองว่า ในการโยกย้ายนายพลที่จะมีขึ้นในเมษายนและตุลาคมนี้จะเลือกจัดวางตัวแม่ทัพนายกองตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่

พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์

การโยกย้ายเมษายนนี้ ที่ต้องจัดโผเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ คาดว่าจะยังไม่มีการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญหลักๆ

แม้แต่แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ตอนนี้เป็นบิ๊กเกรียง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เพื่อน ตท.22 ก็ถูกจับตามองว่าจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่

เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์สนับสนุนบิ๊กป๊อด พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน เพื่อน ตท.22 อีกคนหนึ่ง เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 แต่ พล.อ.อภิรัชต์ยึดตามที่บิ๊กเดฟ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ตอนนั้น เพื่อน ตท.20 ที่เสนอชื่อ พล.ท.เกรียงไกรขึ้นมา

จึงทำให้ถูกมองว่า โยกย้ายใหญ่คราวหน้า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่

แต่เบื้องต้นมีข่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์และเพื่อน ตท.22 ได้พูดคุยกันแล้วว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีย้ายแม่ทัพภาคที่ 4 ก่อนพ้นวาระ เพราะมักจะเป็นกันจนเกษียณ หรือขึ้นพลเอกปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

อีกทั้ง พล.ท.เกรียงไกรก็มีอายุราชการถึงกันยายน 2565 ที่คาดว่าจะได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ต่อยันเกษียณ เพื่อให้งานต่อเนื่อง และที่ผ่านมาก็ถือว่ามีผลงาน

พลโท สันติพงศ์ ธรรมปิยะ, พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้, พลเอกธรรมนูญ วิถี

แต่เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ แม่ทัพภาคที่ 1 ว่า เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. และมีอำนาจในการโยกย้ายแล้ว จะส่ง พล.ท.ทรงวิทย์จากรองเสธ.ทบ. กลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือไม่

เพราะโยกย้ายตุลาคมนี้ พล.ท.เจริญชัยต้องออกจากสวนมิสกวัน ข้ามสะพานมัฆวานฯ มานั่งที่ บก.ทบ. เป็นพลเอก 5 เสือ ทบ.อยู่แล้ว เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ.

หาก พล.ท.ทรงวิทย์ได้กลับสวนมิสกวัน ไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็เท่ากับว่าเข้าไลน์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้อยู่ เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2568 ส่วน พล.ท.เจริญชัย รุ่นพี่ ตท.23 เกษียณกันยายน 2567

แต่หากสถานการณ์เข้มข้น พล.ท.ทรงวิทย์ขึ้น 5 เสือ ทบ.ทัน พล.ท.เจริญชัยก็อาจจะชิง ผบ.ทบ.กันก็เป็นได้

ต้องไม่ลืมว่า เคยมีกระแสข่าว พล.ท.ทรงวิทย์เป็นน้องรักของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่ได้ร่วมคณะติดตามไปงานต่างๆ ด้วยเสมอ และได้รับมอบหมายให้ดูแลสายงานยุทธการอีกด้วย

ขณะที่อาจมีระยะห่างกับ พล.ท.เจริญชัยมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุพลทหาร ร.21 รอ. ถูกครูฝึกลงโทษเกินกว่าเหตุ และพลทหารที่หนีทหารยิงปืนทำชาวบ้านบาดเจ็บที่กาญจนบุรี จนทำให้กองทัพถูกโจมตีนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงสื่อเอง โดยไม่ได้ให้ทีมโฆษก ทบ.ชี้แจงเช่นที่ผ่านๆ มา

แต่ที่แน่ๆ ระยะห่างระหว่าง พล.ท.เจริญชัย กับ พล.ท.ทรงวิทย์ ก็เป็นที่จับตามอง เพราะงานนี้ ถ้าพลังของ พล.ท.ทรงวิทย์ไม่ถึงขั้น ก็มีโอกาสที่จะถูกส่งไปเป็นรองเสนาธิการทหาร ที่ บก.กองทัพไทย และรอขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.เฉลิมพลที่เกษียณกันยายน 2566

ประเด็นนี้จะสะท้อนถึงสายสัมพันธ์ของ พล.ท.เจริญชัย และ พล.ท.ทรงวิทย์ กับสาย พล.อ.อภิรัชต์ รวมทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้ด้วยเช่นกัน

เพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ใครจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือ ผบ.ทบ. จะต้องผ่านความเห็นชอบเพราะเป็นทหารคอแดง

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ

แต่ที่กำลังน่าลุ้นคือ ในโผใหญ่ครั้งหน้านี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเลือกใครมาเป็นเสธ.ทบ.คู่ใจ

หลังจากที่เคยผลักดันบิ๊กโต้ง พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ เพื่อนรัก ตท.22 ที่มาเป็นหน้าห้องดูแลงานต่างๆ ให้มาตลอด แต่ทว่าไม่สำเร็จ

เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ดันบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เพื่อน ตท.20 ขึ้นมาเป็นเสธ.ทบ. เพื่อเตรียมวางตัวเป็นปลัดกลาโหมต่อจาก พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เพื่อน ตท.20 ที่จะเกษียณกันยายน 2564 นี้

คราวนี้จึงรอดูว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะดัน พล.อ.อภินันท์ขึ้นเป็นเสธ.ทบ.หรือไม่ เพราะเป็นคนมีอำนาจในการจัดโผเองแล้ว

แต่ก็มีจับตาไปที่บิ๊กติ่ง พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. เพื่อน ตท.22 อีกคนที่รับศึกหนัก เพราะเป็นโฆษกกองทัพบก และ ผอ.ศูนย์โควิดฯ ทบ.ด้วย ที่อาจจะขึ้นเสธ.ทบ. ที่จะต้องเป็นเลขาธิการ กอ.รมน.ด้วย

คราวนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์คงต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเพื่อนคนไหนมาเป็นเสธ.ทบ. คุมงานสำคัญของ ทบ. และ กอ.รมน.

เพราะโยกย้ายปลายปี ทั้งบิ๊กเป้ง พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ (ตท.19) รอง ผบ.ทบ. บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธเนศ กาลพฤกษ์ (ตท.20) ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. บิ๊กเดฟ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ (ตท.20) ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธรรมนูญ วิถี (ตท.22) ผช.ผบ.ทบ. จะเกษียณราชการพร้อมกันหมด ส่วน พล.อ.วรเกียรติ เสธ.ทบ. ก็คาดว่าจะข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม

จึงเหลือ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.คนเดียว ที่จะได้จัดวางตัวแบบเต็มๆ

พล.ท.สันติพงศ์, พล.อ.ธรรมนูญ วิถี, พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ

แต่แคนดิเดตที่จะขึ้น 5 เสือ ทบ.ก็มีหลายคน โดยเฉพาะระดับแม่ทัพภาค ทั้ง พล.ท.เจริญชัย แม่ทัพภาคที่ 1 บิ๊กหม่อง พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม (ตท.21) แม่ทัพภาคที่ 2 บิ๊กต้น พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ (ตท.21) แม่ทัพภาคที่ 3 และบิ๊กยอง พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ตท.24 ที่ขึ้น ผช.ผบ.ทบ.

โผปลายปีนี้ ใครเป็นพลเอกก็อาจจะต้องขึ้นรอง ผบ.ทบ. หรือประธานที่ปรึกษา ทบ. เพราะต้องดันนายทหารยศพลเอกขึ้นมาในตำแหน่งอัตราพลเอกพิเศษนี้ ส่วน พล.อ.อภินันท์ก็เข้าข่ายนี้

และยังมีบิ๊กแยม พล.ท.ปราการ ปทะวานิช ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ที่เทียบเท่าแม่ทัพภาคที่ 7 ที่คาดว่าโยกย้ายเมษายนนี้ จะขึ้นเป็นพลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. หรือผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เพื่อที่ขึ้นรอง ผบ.ทบ. หรือประธานที่ปรึกษา ในโยกย้ายตุลาคม

ที่คาดกันว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเลือกเพื่อน ตท.22 ที่เหมาะสมมาเป็น ผบ.นรด.ในโผเมษายนนี้ แม้ว่าจะมี พล.ต.วสุ เจียมสุ เป็นรอง ผบ.นรด.อยู่ก็ตาม แต่ทว่าเป็น ตท.25 ที่อาจต้องรอก่อน แม้ว่าจะเป็นนายทหารที่สนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเคยทำงานหน้าห้องก็ตาม ก็อาจจะต้องรอให้รุ่นพี่ขึ้นก่อน

เรียกได้ว่า ตั้งแต่โผกลางปีและปลายปี จะเป็นการจัดโผด้วยฝีมือ พล.อ.ณรงค์พันธ์เองแบบเต็มๆ เสียที หลังจากที่ยุค พล.อ.อภิรัชต์นั้นไม่ได้มีสิทธิ์เลือกมากนัก

พล.อ.ณรงค์พันธ์ถือเป็นนายทหารเตรียมทหาร 22 ที่มีพลังไม่เบา และก็ดูแลเพื่อนร่วมรุ่น แม้แต่เพื่อนตำรวจ

ที่ก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวว่า พลัง ตท.22 ดันบิ๊กอู๊ด พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ขึ้นเป็น ผบช.น.มาแล้ว และช่วยทำให้เก้าอี้เหนียวแน่นด้วย แม้จะโดนพายุถาโถมมาหลายลูกในห้วงที่ผ่านมา

และยังส่งผลให้บิ๊กเด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ (ตท.22) รอง ผบ.ตร. ถูกมองว่าเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนต่อไปด้วย

นอกเหนือจากที่ถูกมองเป็นนายทหาร ตำรวจ สายบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

ไม่แค่นั้น ยังทำให้บิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กองเรือยุทธการ ที่เป็น ตท.22 ถูกจับตามองว่าจะเป็น ผบ.ทร.คนต่อไปอีกด้วย

พล.อ.ณรงค์พันธ์จึงกำลังกลายเป็นขั้วอำนาจใหม่ในกองทัพ ที่กำลังแข็งแกร่งขึ้น

โดยมี พล.อ.อภิรัชต์เป็นแบ๊กอัพ ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. และรุ่นพี่ที่ก็เป็นคนที่เสนอชื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ทบ.

แม้ในตอนนั้นจะมีข่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์เลิฟบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพลอย่างมาก จนทำให้เคยเกิดข่าวลือว่าจะดัน พล.อ.เฉลิมพลมาเป็น ผบ.ทบ.เลยทีเดียว แต่ทว่ามันก็แค่ข่าวลือ เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ก็หนุน พล.อ.ณรงค์พันธ์

แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ถือว่าเป็นทีมเดียวกัน แม้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะมีทีมแกร่งสายสำคัญเสริมอีกแรงหนึ่งก็ตาม

จึงต้องรอดูบทบาทของ พล.อ.ณรงค์พันธ์บนเก้าอี้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 อีกเกือบ 3 ปีนับจากนี้ ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น รวมทั้งกระแสการปฏิรูปสถาบัน แต่กองทัพภายใต้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังต้องทำหน้าที่ปกป้องสถาบันอย่างถึงที่สุด