ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ในประเทศ
The Change Maker
ถึงเวลา ‘เพื่อไทย’ เปลี่ยน
เติมวิสัยทัศน์คนรุ่นใหม่
มือไม้ ‘ทักษิณ’ คัมแบ๊ก
เริ่มเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย จากคนรุ่นบุกเบิกพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน มาสู่มือคนรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นใหม่
การเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เป็นรูปธรรมเด่นชัด
เริ่มจากการประกาศทิ้งตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ตามมาด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ซึ่งเคยได้รับความไว้วางใจให้เป็น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ
ไม่เพียงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนสนิทอย่างนายโภคิน พลกุล และนายวัฒนา เมืองสุข ก็พร้อมใจกันโบกมือลาพรรคเพื่อไทย ออกไปร่วมกันก่อตั้ง “สถาบันสร้างไทย” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการปูทางรอเวลาพัฒนายกระดับขึ้นเป็นพรรคการเมืองในอนาคต
ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดหลายทิศทาง บ้างก็ว่า “พรรคสร้างไทย” อาจเป็นการแตะมือร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมี พล.อ.นพดล อินทปัญญา เป็นตัวเชื่อม
บ้างก็ว่าอาจเป็นการผนึกกับอดีตรัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมารที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐอย่างบอบช้ำ เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งรอบหน้า โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์แบ่งรับแบ่งสู้กับกระแสข่าวดังกล่าว
การออกไปของกลุ่ม “คุณหญิงหน่อย” คือจุดเริ่มต้นนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย
นับ 1 แห่งการเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นในการประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อเดือนตุลาคม 2563
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ได้รับความไว้วางใจให้กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเช่นเดิม
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญนี้ แทน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ซึ่งเป็นคนในสายของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
พร้อมปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคและตำแหน่งสำคัญทั้งหมดชนิด “ล้างไพ่”
ระหว่างนั้นยังมีกรณีน่าจับตา เมื่อบรรดาผู้มากประสบการณ์ทางการเมืองในยุคพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะคนใกล้ชิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้ง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย และ “เฮียเพ้ง” นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
เริ่มกลับมามีบทบาททางการเมืองด้วยการร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม “CARE คิด เคลื่อน ไทย”
กระทั่งเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ทั้ง 4 คนที่เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ต่างหวนกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง โดยยึดโมเดลที่เคยใช้กับพรรคไทยรักไทยเป็นหลักในการเดินหน้าทำงาน
ทั้งยังได้เปิดตัวนายสุธรรม แสงประทุม อดีต รมช.มหาดไทย ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย กับนายกิตติ ลิ่มสกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ผู้ริเริ่มความคิดนโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการ OTOP ในปัจจุบัน
กับอีก 1 คีย์แมนคนสำคัญซึ่งกลับมาช่วยงานพรรคเพื่อไทย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
นายพันศักดิ์ เจ้าของฉายา “มันสมองแห่งชาติ” คือผู้อยู่เบื้องหลังหลายนโยบายสำคัญในรัฐบาลทักษิณ 1 และทักษิณ 2 อาทิ นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน หรือที่อดีตประธานาธิบดีฟิลิปินส์เรียกว่า “ทักษิโณมิกส์” รวมถึงนโยบายรถไฟความเร็วสูงในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ล่าสุด นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ร่วมรายการของพรรคเพื่อไทย ในรูปแบบพอดแคสต์ แสดงความคิดเห็นถึงการบริหารงานด้านเศรษฐกิจและนโยบายในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศด้านต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตยอดเงินบริจาคพรรคการเมืองประจำเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าพรรคเพื่อไทยมียอดเงินบริจาคสูงถึง 23 ล้านบาท และ 4.5 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยมีผู้บริจาครายใหญ่ อาทิ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปัจจุบันเป็นทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย 3 ล้านบาท นายพชร นริพทะพันธุ์ บุตรชายนายพิชัย และสมาชิกพรรคเพื่อไทย 4 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังพบกลุ่มบุคคลที่เคยเคลื่อนไหวกับพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ร่วมบริจาคด้วย อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล 2 ล้านบาท นายวราวุธ ยันต์เจริญ อดีตสมาชิกพรรค ทษช. อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.คมนาคม 1 ล้านบาท
น.ส.จุฑารัตน์ เมนะเศวต เพื่อนสนิทคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 3 ล้านบาท นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตแกนนำพรรค ทษช. 1 ล้านบาท น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตรองหัวหน้าพรรค ทษช. 2 แสนบาท นายวีรภัทร พาสุนันท์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ทษช. 5 แสนบาท เป็นต้น
การกลับมาของทุน และมันสมอง ทำให้การเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยน่าจับตาอย่างยิ่ง
การเปิดตัวโครงการ “The Change Maker” ยังถือเป็นการจุดกระแสเปิดทางคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมคิดและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทย
มีนักคิดและนักปฏิบัติอย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่ปรึกษาโครงการ
ผลักดันนักกฎหมายด้านการลงทุนระหว่างประเทศ คนหนุ่มรุ่นใหม่อย่างนายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรค ทษช. เพื่อนสนิทของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ทำหน้าที่ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทย และโครงการ The Change Maker
การระดมคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมทำงานกับพรรค นอกจากต้องการแบ่งตลาดจากพรรคก้าวไกล ทางหนึ่งยังหวังเรียกคืนศรัทธาจากม็อบเยาวชน นิสิต นักศึกษา ประชาชนคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความชัดเจน และการเปิดกว้างจากพรรคเพื่อไทยทั้งการเดินเกมในสภาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับก้าวสำคัญของพรรคเพื่อไทย
ในจังหวะเดียวกับภาพเคลื่อนไหวผ่านสื่อโชเชียลออนไลน์ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาโชว์ความฟิต รัวหมัดเตะต่อยกระสอบทราย ถูกตีความว่าสัญญาณแสดงถึงความคึกคักกระปรี้กระเปร่า เตรียมพร้อมสู้ศึกบนสังเวียนอีกครั้ง
ผ่านโครงสร้างใหม่พรรคเพื่อไทย ที่นำประสบการณ์ของคนรุ่นเก่า ประสานเข้ากับวิสัยทัศน์และแนวคิดของคนรุ่นใหม่
ภายใต้โครงการ The Change Maker จะดำเนินไปเพียงชั่วครู่ชั่วยาม หรือยืนยาวถาวร
เป็นเรื่องที่สังคมต้องเฝ้าดูกันต่อไป