ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | สำเริงคดี |
เผยแพร่ |
สำเริงคดี/ทรงวาด
หากสิ้นขลัง
ไม่นานมานี้ หนึ่งมิตรแท้ แลหนึ่ง นักเขียนเรื่องราชวงศ์อังกฤษ ให้ความเห็นตรงกันว่า จุดจบของพระราชวงศ์เมืองผู้ดีอยู่ที่ภาวะสูญสิ้นความเข้มขลังมลังเมลือง
ตามรายงานของ THE EXPRESS เซอร์เดวิด แอตเทนโบโรห์ นักกระจายเสียง (วิทยุและโทรทัศน์) และแอ็กติวิสต์ด้านอนุรักษ์สัตว์ป่าวัย 94 ผู้เป็นมิตรแท้ของสมเด็จควีน มีความเห็นว่า สิ่งที่จะสังหารระบอบกษัตริย์ (Kill The Monarchy) ก็คือการขจัดความขลังขรึมน่าทึ่งลึกลับของพระราชวงศ์ซะ
เขามีทัศนะเช่นนี้มาตั้งแต่ปลายทศวรรษ ’60 แล้ว โดยเขียนจดหมายไปขอร้องผู้สร้างสารคดีร่วมระหว่าง ITV กับ BBC ที่ทำหนัง เผยชีวิตส่วนพระองค์หลากหลายฉากไว้ในเรื่อง THE ROYAL FAMILY ออกอากาศในเดือนมิถุนายนของปี 1969 ให้ผู้ชมกว่า 30 ล้านคนในสหราชอาณาจักรได้ชมดูรู้เห็น
บรรณาธิการนิตยสาร MAJESTY MAGAZINE … อินกริด ซีเวล ได้เล่าถึงเรื่องนี้ไว้เช่นกันในหนังสืออัตชีวประวัติเรื่อง THE QUEEN AND DI : THE UNTOLD STORY มีข้อความตอนหนึ่งในจดหมายของเซอร์เดวิดที่ว่า
“คุณกำลังจะสังหารระบอบกษัตริย์ด้วยภาพยนตร์ที่พวกคุณสร้าง สถาบันทั้งหมดมวลขึ้นอยู่กับความลึกลับขลังขรึมเช่นเดียวกับหัวหน้าเผ่าในกระท่อมของเขา หากสมาชิกคนใดในเผ่าได้เข้าถึงภายในกระท่อมนั้น ระบบทั้งมวลของเผ่ารวมถึงภาวะแห่งหัวหน้าเผ่าจะเสียหายได้ และเผ่านั้นๆ จักแตกสลาย”
ไล่เลี่ยกันนี้ ไคลฟ์ เออร์วิง ผู้เขียนอัตชีวประวัติเรื่อง THE LAST QUEEN ได้แจงไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ TODAY EXTRA ว่า “การขึ้นครองราชย์ของปรินซ์ชาร์ลส์ อาจเป็นจุดจบของพระราชวงศ์เฉกเช่นการขับรถพุ่งโผนออกจากหน้าผา ทั้งนี้เพราะชาร์ลส์หัวเก่า (Old Fafshioned) เกินไป”
“ควีนยังทันสมัยกว่าชาร์ลส์เล้ย” ไคลฟ์วิพากษ์ “พระองค์ดูปราศจากเวลานะ ขณะที่ปรินซ์ชาร์ลส์มีบุคลิกเหมือนอยู่ในศตวรรษที่ 18 ชาร์ลส์ชิงชังของสมัยใหม่หลายอย่าง ถ้าทรงอยู่ในปลอกดักแด้ของศตวรรษที่ 18 เฉยๆ ก็ไม่เป็นไรดอก แต่มันจะเป็นปัญหาหากพยายามหยิบเอารสนิยมนั้นๆ ไปสวมใส่ให้คนอื่นๆ ทุกวันนี้ ชาร์ลส์มีกลุ่มพวกประจบสอพลออยู่รอบพระองค์ ซึ่งเป็นสัญญาณไม่ดีเลย แล้วก็น่าเสียดายที่ลำดับการขึ้นครองบัลลังก์ไม่อาจข้ามจากควีนมายังปรินซ์วิลเลียมโดยตรงได้”
ไคลฟ์บอกด้วยว่า แม้จะหัวเก่า แต่ปรินซ์ชาร์ลส์และสมาชิกพระราชวงศ์องค์อื่นๆ ล้วนเผยแจ้งเปิดโจ้งชีวิตส่วนตัวกัน ทำให้พวกเขาไร้ความขลังอลังการที่ทำให้ชาวบ้านยอมรับนับถือ แต่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีความสามารถในการรักษาความเป็นส่วนตัว และความเข้มขลัง ลึกลับแห่งการเป็นกษัตริย์หรือพระราชวงศ์ไว้ได้ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปี 1952
ด้วยเหตุแห่งการสูญสิ้นความขลังในสมาชิกรุ่นใหม่ในระบอบกษัตริย์นี่เอง พระองค์จึงอาจเป็นควีนองค์สุดท้ายก็เป็นได้