ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน : สัมพันธภาพ

สัมพันธภาพ

เราทั้งคู่ทะเลาะกันใหญ่โตด้วยอายากะไม่อยากเดินทางไปไหนๆ กับแม่หวานอีกแล้ว เธอบอกว่า

–หนูอยากไปกับเพื่อนค่ะ ได้คุยเรื่องเดียวกันสนุกกว่า อิสระกว่า

แม่หวานรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ใจกว้างไม่ค่อยบังคับและให้โอกาสผู้คนรอบข้างเสมอ จนหลายคนบอกว่า

–แม่หวานใจดี แม่หวานชอบช่วยเหลือคน

จนเป็นที่มาให้มีมนุษย์หลายประเภทหลั่งไหลเข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์เสียเป็นส่วนมาก พอถึงเวลาที่แม่หวานสะดุดมีปัญหาครอบครัวขึ้นมา เขาเหล่านั้นก็ห่างหายไปจนแทบไม่รู้จักกัน ชาวบ้านหรือเพื่อนในสระบุรีที่ยังคงอยู่กับแม่หวาน ยังใกล้ชิดสนิทกันเช่นเดิมก็เหลือแต่คนที่คบกันด้วยหัวใจล้วนๆ

–หนูอยากพักผ่อน อยากนอนเล่นที่บ้านเพราะโรงเรียนใกล้จะเปิดแล้ว

อายากะเดินเข้ามาหาแม่หวานในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเราทะเลาะมีปากเสียงกันใหญ่โตด้วยเรื่องแค่แม่หวานอยากชวนเธอไปร้านลาเวนเดอร์ บิสโทร (Lavender Bistro) เพื่อไปกินไฮที (High Tea) แต่เธอโวยวายหนักมากจนแลดูเธอทุกข์ทรมานกับเรื่องส่วนตัวอะไรสักอย่างที่เธอบอกแม่หวานไม่ได้ เพื่อไม่ให้อารมณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แม่หวานจึงขอให้แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเองไป

โดยแม่หวานทิ้งท้ายว่า วันหยุดสุดท้ายของฤดูใบไม้ผลินี้เราควรไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน

เช้าตรู่แม่หวานยังสามารถมองเห็นดวงตาที่บวมแดงของเธอประกอบกับใบหน้าที่ซีดเหลือง ทำให้เดาได้ว่าเธอคงคิดมากและไม่ได้หลับดีนักจึงชวนเธอคุยว่า

–แม่ไม่ได้บังคับนะคะ เพียงแต่แม่เคยผ่านร้านนี้กับเพื่อนแล้ววันนั้นคนเยอะมากเราจึงไม่ได้แวะกิน แต่แม่ก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่วันนั้นว่าจะชวนหนูมากินในวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดเพราะแม่ก็ไม่อยากไปแย่งกับใคร และนี่ก็วันศุกร์เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะได้ไปด้วยกัน แม่คิดว่าหลังจากที่เราเครียดหรือเจออะไรหนักๆ มาเราควรไปผ่อนคลายกันนะคะ

แม่หวานพูดออกมาจากใจจนทำให้เธอเริ่มถามขึ้นว่า

–เป็นร้านแบบไหนคะ

–ร้านอยู่ด้านหลังของโรงงานทำช็อกโกแลตที่เราเคยไปค่ะ เป็นสถานที่โล่งกว้าง ด้านหน้าเป็นที่จอดรถแต่เต็มไปด้วยต้นเลมอนและกอลาเวนเดอร์ที่ปลูกเป็นแนวรอบร้านค่ะ เพื่อนแม่บอกว่าไฮที (High Tea) ของร้านนี้อร่อย แม่จึงอยากพาหนูไปลอง อีกอย่างหนูก็ชอบลาเวนเดอร์น่าจะลองไปดูนะคะ

เธอเริ่มหน้านิ่ง ไม่สะบัดสะบิ้งหงุดหงิดดูถูกความคิดหรือความเห็นแม่หวานอย่างเคย แม่หวานจึงตัดบทว่า

–รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ไปให้ถึงก่อนเที่ยงนะคะ จะได้ไม่ต้องเข้าคิว

แค่แสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านใบไม้สีเขียวจนทอประกายเป็นแสงระยิบระยับตรงหน้าก็ทำให้ใจผ่อนคลาย ยิ่งออกจากรถมาสูดอากาศบริสุทธิ์รอบข้างด้วยแล้วยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม่หวานเลือกจอดรถใต้ต้นเลมอนที่เต็มไปด้วยผลสีเหลืองมากกว่าใบสีเขียว

–ร้านน่ารักมากค่ะคุณแม่

สาวน้อยที่นั่งนิ่งเงียบมาเกือบตลอดทางเริ่มยิ้มออกและเปล่งเสียงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ถึงแม้ดวงตาเธอยังบวมเป่ง แต่ผิวหน้าเธอก็เริ่มมีเลือดฝาดทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

–คุณแม่คะ ถ่ายรูปให้หนูหน่อยค่ะ

แม่หวานเพิ่งลงจากรถมองไปรอบๆ เห็นทิวเขาไกลโพ้นลดหลั่นกันไปก่อนจะมาเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างเขียวฉ่ำสบายตา ร้านลาเวนเดอร์ บิสโทรตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามและพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับอีกมากมาย ที่สำคัญดอกกุหลาบและดอกลาเวนเดอร์กำลังบานสะพรั่ง ผึ้งและแมลงต่างๆ วนเวียนมาดูดดื่มน้ำหวานอย่างสุขสันต์ และที่ตรงนั้นมีอายากะนั่งยิ้มให้แม่หวานอย่างมีความสุข แม่หวานเก็บกุญแจรถเรียบร้อยก็คว้าโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปให้เธอก่อนเดินเข้าไปข้างในร้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์อบอวล

ความทรงจำช่วงปิดเทอมระยะสั้นของฤดูใบไม้ผลิสำหรับเธอ ร้านลาเวนเดอร์ บิสโทรคงเข้าไปจองพื้นที่นอนสงบนิ่งอยู่เรียบร้อยแล้วไม่ว่าแม่หวานจะบอกว่า

–ที่สวอนวัลเลย์ มีร้านไฮทีที่อร่อยอีกร้านนะคะ

เธอจะนิ่งเฉยและบอกแม่หวานว่า

–หนูขอเป็นร้านลาเวนเดอร์ค่ะ

เราสองคนจึงต้องแวะเวียนมาอีกครั้งในครั้งนี้คือหน้าร้อนที่แสงแดดร้อนแรงเผาไหม้ไม้ดอกไม้ประดับรอบข้าง รวมทั้งลาเวนเดอร์แทบหมดสิ้น มีแต่ต้นเลมอนและไม้ยืนต้นเช่นต้นเปปเปอร์มินต์ทรี (Peppermint Tree) แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปด้านใน บรรยากาศที่กว้างโล่งโปร่งเย็นสบาย กลิ่นลาเวนเดอร์อบอวลจนติดจมูก เราสองแม่ลูกได้ที่นั่งริมหน้าต่างที่สามารถมองวิวโล่งกว้างได้สบายตา ถือว่าเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดเพราะอายากะได้โทร.มาจองไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

–หนูสั่งมิลก์เชก (Milkshake) ค่ะ

มิลก์เชกเมนูโปรดของอายากะ และ Lavender scones สุดโปรดของแม่หวาน

อายากะดูคล่องรู้งานและเก่งขึ้นกว่าฤดูใบไม้ผลิก่อนนั้นมาก อาจเป็นเพราะเธอได้พังทลายความกลัวหลายอย่างที่เธอเก็บกดเอาไว้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างกับเพื่อนเรื่องรูปร่างหน้าตา เพื่อนชายและการเรียน

เมื่อแม่หวานเปิดโอกาสให้เธอพูดและไม่มีการโต้แย้งว่ากล่าวใดๆ เธอก็มั่นใจที่เล่าเรื่องราวของเธอให้แม่หวานฟังอีกครั้ง

เด็กวัยรุ่นบางครั้งไม่ต้องการเหตุผล ไม่ต้องการการอบรมสั่งสอน เธออยากเติบโต เธออยากเป็นผู้ใหญ่ และเธออยากตัดสินใจรวมทั้งยอมรับความผิดพลาดนั้นด้วยตัวของเธอเอง สิ่งที่แม่หวานทำได้ดีที่สุดคือการ “ปล่อยวาง” แต่การปล่อยวางกลับทำให้อายากะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เธอเดินทางไป-กลับโรงเรียนเอง รับผิดชอบการเรียน และอาหารการกินเอง ทำให้แม่หวานมีเวลาของตัวเองมากขึ้นจนอยากจะเขียนนิยายประวัติศาสตร์สักหนึ่งเรื่อง

–ฉันขอชาลาเวนเดอร์ค่ะ

แม่หวานหันไปสั่งกับคุณแพทริกหนุ่มน้อยที่จริตจะก้านเกินหน้าเกินตาผู้หญิงอย่างเราไปมาก เขาชอบคุยกับอายากะ

–หนูโทร.มาจองที่กับเขาค่ะ เขาคงจำได้

อายากะเล่าให้แม่หวานฟังยิ้มๆ ก่อนหยิบแซนด์วิชและมินิพายฟักทองเข้าปากอย่างรวดเร็ว

ส่วนแม่หวานหยิบสคอน (scone) กรอบนอกนุ่มในมาบิออกแล้วใช้มีดปาดแยมลาเวนเดอร์มาทาบางๆ ก่อนเอาเข้าปาก ความนุ่มนิ่มของแป้งกับความกรอบกลมกล่อมเข้ากับความหวานหอมของแยมลาเวนเดอร์อย่างลงตัว แม่หวานผ่อนลมหายใจอย่างสบายตัวก่อนมองหน้าอายากะที่มีความสุขกับมิลก์เชกและไฮทีตรงหน้า

ปีนี้เธอกินดีขึ้น เลือกน้อยลง และมีกิจกรรมกับแม่หวาน เช่น วิ่ง ว่ายน้ำในทะเล หรือเดินเล่นมากขึ้นโดยไม่อิดเอื้อน ที่สำคัญเราคุยและเข้าใจกันมากขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านลาเวนเดอร์บิสโทรทำให้เราทั้งคู่ผ่อนคลายและสามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน