สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร /ปัง-แป๊ก

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

——————

ปัง-แป๊ก

——————

คงเป็นอย่าง ที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และแกนนำสำคัญหนึ่งของ พรรคพลังประชารัฐ ประเมิน

นั่นคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และซึ่ง ย่อมรวมถึงอีก 2 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ด้วย

เป็น กล่องดวงใจ ของรัฐบาล และของพรรค

จึงเป็นธรรมดา ที่ฝ่ายค้านจะมุ่งโจมตี “กล่องดวงใจ” ให้แตกสนั่นดังปัง!ให้ได้

คนในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาล จึงต้องปกป้องกล่องดวงใจอย่างเต็มที่เช่นกัน

ต้องไม่ยอมให้ ปัง แต่ต้อง แป๊ก!

จึงต้องสร้างแรงเสียดทานให้เกิดมากที่สุด เท่าที่จะมากได้

อย่างไม้เด็ด ที่ทำให้ ฝ่ายค้านตายน้ำตื้นในการซักฟอกครั้งที่แล้ว คือ ข้อจำกัดเวลา ถูกนำมาใช้อีก

มีการบีบเวลาฝ่ายค้าน โดยจะให้ 4 วันกับการซักฟอกรัฐมนตรี 10 คน ซึ่งถือว่าน้อย และเป็นแรงกดดันแน่นอน

และที่เป็นประเด็นร้อน ละเอียดอ่อน และคงถูกลากยาวไปตลอดศึกซักฟอก

นั่นคือกรณีเหตุผลในญัตติไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์

“…ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน

นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน

แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง…”

ซึ่ง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ประกาศไปแล้วว่า ฝ่ายค้าน ต้องนำญัตตินี้กลับไปแก้ไข

ลบคำที่เกี่ยวข้องกับสถาบันออกทั้งหมด เพราะหากไม่แก้ ก็จะเป็นปัญหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เพราะถือว่า นำสถาบันมาเกี่ยวข้องการเมือง

มือป่วนของปีกฝ่ายรัฐบาล นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ก็ออกมาสำทับ

“ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า ฝ่ายค้านจะเจอการประท้วงจนไม่ได้อภิปรายเลยทั้ง 4 วัน”

พร้อมประกาศจะแจ้งความเอาผิดประธานฝ่ายค้านและผู้ร่วมลงชื่อ ตามมาตรา112และยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะที่ ฝ่ายคุมเกม อย่างประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฏร ก็แสดงท่าที ที่สอดคล้องกัน คืออยากให้ฝ่ายค้านแก้ไขถ้อยคำในญัตติ

ถือเป็นการส่งสัญญาณ ไปยังฝ่ายค้าน ว่าจะต้องเผชิญ ความไม่ราบรื่น

และแน่นอน เรื่องนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ด้วยมิใช่เกี่ยวข้องเฉพาะการซักฟอก หากเชื่อมโยงกับ สิ่งนอกสภา นั่นคือ กระแสการปะทะระหว่างฝ่ายจารีต กับ ฝ่ายต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นไปอย่างเข้มข้น

พร้อมจะเข้ามาขยายเรื่องให้ใหญ่ขึ้นด้วย

และต่างฝ่ายต่างไม่อาจถอยให้กันและกันได้

เฉพาะเรื่องซักฟอก พรรคฝ่ายค้าน ก็มีคำตอบให้ฝ่ายรัฐบาลแล้วว่า จะไม่แก้ไขถ้อยคำในญัตติ แม้แต่คำเดียว

ซึ่งตรงนี้ ก็น่าติดตาม ว่า ฝ่ายค้านจะยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวได้หรือไม่

ต้องยอมรับว่า ในกระบวนทัพฝ่ายค้านเอง ก็ไม่มีความเอกภาพนัก

ทั้งในระดับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และในตัวพรรคเอง

ที่ผ่านมาสังคมได้รับรู้ถึงการแตกแยกในพรรคฝ่ายค้านมาตลอด และเป็นช่องว่างให้ฝ่ายรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง

คำอันคุ้นเคยกลับมาพูดถึง มากขึ้น ไม่ว่า การฝากเลี้ยง การแจกกล้วย ฯลฯ

เหล่านี้ ล้วนไม่เป็นผลดี ต่อการขับเคลื่อนของพรรคฝ่ายค้าน ทั้งสิ้น

และยิ่งมีเรื่อง ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงการเคลื่อนไหวนอกสภาอย่างพันลึก

ทำให้การตัดสินใจของบางฝ่ายบางพวกในฟากฝ่ายค้านเป็นไปอย่างละล้าละลัง

กลายเป็นแรงเฉื่อยและเนือย ส่งผลให้การเคลื่อนไหวไม่แหลมคม

จึงเป็นสิ่งท้าทาย พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล อย่างยิ่ง

จะสามารถ ทุบกล่องดวงใจ 3ป.ได้ปัง หรือแป๊ก