เหตุใด? ศึกอภิปรายหนนี้ อาจจะจบแบบ “หนังจีน” คือ “พระเอกตายตอนจบ” | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

“6พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ประกอบด้วย “เพื่อไทย-ก้าวไกล-ประชาชาติ-เสรีรวมไทย-เพื่อชาติ-พลังปวงชนไทย” และอีก 2 พรรคเล็ก ตบเท้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เบื้องต้นกำหนดวันอภิปรายไว้ในวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ และลงมติในวันที่ 20 กุมภาพันธ์

สำหรับรัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอก มี 10 คนด้วยกัน ประกอบด้วย

1. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

2. “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี

3. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

4. “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

5. “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

6. “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

7. “นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

8. “นายสุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

9. “นายนิพนธ์ บุญญามณี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

และ 10. “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

แยกเป็นโควต้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ 6 คน ประชาธิปัตย์ 2 คน และภูมิใจไทย 2 คน

ย้อนรอยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ล่อเป้าเครือข่าย พปชร.เพียวๆ เพียง 6 คน นำทีมโดยพี่น้อง 3 ป. ได้แก่ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร-พล.อ.อนุพงษ์”

“นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี “นายดอน ปรมัตถ์วินัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรฯ ครั้งที่ 2 ดาวกระจายแผ่อานิสงส์ไปยังพรรคร่วม

มีรัฐมนตรีที่ถูกจับเวียนเทียนซ้ำสอง 4 คนคือ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร-พล.อ.อนุพงษ์” และ “ร.อ.ธรรมนัส”

ศึกซักฟอกล็อตแรก “บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร” ถูกขึ้นบัญชีเชือดไว้ก็จริง แต่เรียงร้อยเหงือกไว้ในลำดับท้ายสุด และไม่รู้ว่าด้วยเหตุบังเอิญหรือจงใจ เวลาเผาเครื่องหมดเวลา ไม่ได้อภิปราย “พล.อ.ประวิตร” ฝ่ายค้านอ้างว่าเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคบางประการ

แต่คอการเมืองมองว่า “มีงาน” ผลจึงออกมาเป็นมวยล้มต้มคนดู ผงซักฟอกยี่ห้อ “เพื่อไทย” เหม็นหึ่งยังกะขี้ควายอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ ครั้งที่สองเห็นว่าจะขอแก้มือใหม่ มีใบเสร็จ มีหลักฐานเด็ด ไม่รู้จะจริงเท็จประการใด สมราคาคุยจริงหรือเปล่า หรือแค่ “เขย่าต้นมะม่วง” อีก

ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 1 นายกฯ 9 รัฐมนตรี เท่าที่ส่องดูเนื้อหา “ท่าดี” ข้อกล่าวหามีความหนักแน่น ดุเดือด เห็นแสงสว่างในยามที่บ้านเมืองกำลังมืดแปดด้าน น่าจะทะลวงลำไส้ ได้หยอดน้ำข้าวต้มกันแน่นอน ไม่คนหนึ่งก็คนใด

“โฟกัส” ถึงเนื้อหาญัตติอภิปราย ความหนัก-เบาของแต่ละคน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เหมือนสิงโตที่กำลังจะโดน “ไฮยีน่า” ฝูงใหญ่ไล่ล่า ด้วยข้อกล่าวหาร้อยเป็นพวงมากมาย

บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ

“มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว”

ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ ทำให้เกิดการทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้านความซื่อสัตย์สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง

ไม่รอบคอบระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน

ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครอบระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง

ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

“การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง”

ขณะที่ข้อกล่าวหารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายรายอื่นๆ ภาพโดยรวมดูพื้นๆ เนื้อหาและรายละเอียดที่จะนำมาเช็กบิล ส่วนใหญ่เก็บตกมาจากข่าวที่สื่อกระแสหลักนำเสนอมาแล้ว

แต่ของ “บิ๊กตู่” ประติมากรรมถ้อยคำ ครอบคลุมอาณาจักร มีผลสะเทือนค่อนข้างสูงทุกบริบท ที่ต้องมากด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษคือ “โจทย์ย่อหน้าที่ 2 กับ 5”

ในส่วนของ “บิ๊กป้อม-พี่ใหญ่” รองนายกฯ หัวหน้า พปชร. ส่องคำบรรยายในญัตติ น่าจะหยิบประเด็นเก่าๆ ที่เคยเตรียมไว้เมื่อคราวก่อนมาฉายซ้ำ

สรุปศึกอภิปรายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ครั้งที่ 2 อย่าประมาท อาจจะจบลงแบบ “หนังจีน”

ที่ “พระเอกมักตายตอนจบเสมอ”