หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๓.๒) /ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ
ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๓.๒)


มนุษย์ทำสงครามกันอย่างยาวนานเพื่ออะไร ที่จริงแล้ว มนุษย์ต่อสู้กันเพียงเพื่อความทรงจำ
ผู้ชนะจะได้ความทรงจำที่ยาวนาน ผู้แพ้จะถูกลืม
ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ล้วนสูญสลายไปหมดแล้ว


ในช่วงโควิด ฉันรู้สึกข่าวดารา นักร้องเหล่านั้นช่างล้วนไม่จริง เป็น fake news โดยธรรมชาติ เพราะความดัดจริตของมันนั่นเอง
สมัยก่อน ข่าวพวกนี้ ก็ยังไม่รู้สึกถึงขนาดว่าเป็น fake news ด้วยเพราะไร้สิ่งเปรียบเทียบ

ฉันเป็นคนรุ่นเก่า ฉันตั้งฐานความคิดอยู่ที่จิต
เริ่มต้นด้วยจิต

มนุษย์ทุกคน เมื่อยังเป็นเด็ก จะรู้สึกตัวเองเป็นอมตะ
เมื่ออายุได้ ๔๐ ปี จึงจะรู้สึกตัวว่าไม่ได้เป็นอมตะ
เมื่ออายุได้ ๖๐ ปี จึงรู้สึกชัดเจนถึงความตาย และนับจากนี้ คุณพบว่าตัวคุณกำลังตายทีละชิ้นส่วน

จิต คือจิตสำนึก
มันเกิดขึ้นเอง เหมือนน้ำที่กลั่นตัวจากความชื้น จากไอน้ำ
ฉันอยู่ที่ไหน
ฉันคือใคร
ฉันต้องทำอะไร

ฉันจะเอาตัวรอดได้อย่างไร
ศีลธรรมเป็นเรื่องทีหลัง
เอาตัวรอดก่อน

สังเกตว่า กามราคะทำให้อายุยืนขึ้น และก็สั้นลงด้วยในเวลาเดียวกัน นี้เป็นหนึ่งในความย้อนแย้ง ที่ไม่มีพระคัมภีร์ใดจะพูดถึง มันเหมือนหินลับมีด ทำให้จิตของฉันคมขึ้น ไวขึ้น และความทรงจำหลายอย่างก็กลับมา
ในขณะที่หากไม่มีกามราคะ อาการเสื่อมของสมองของฉันจะเร็วขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงความตายก็ใกล้เข้ามา


ทุกวันนี้ฉันอายุมากแล้ว ฉันพบว่าความสุขคือ สิ่งที่ไม่จีรัง แต่ฉับพลัน และเกิดขึ้นเสมอ
เช่น เวลาฉันเดินมาเหนื่อยๆ แล้วได้ล้มตัวลงนอนใต้ต้นไม้ บนชายหาด บนม้าหิน เพียงเท่านั้นจิตของฉันก็มีความสุข
ฉันรู้สึกตัวว่าฉันไม่มีความทะเยอทะยานอันใด
มีความสงสัยเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย

ฉันตามความเร็วไม่ทัน
จักรวาลไม่มีความทรงจำ
วันหนึ่งคุณจะมองไม่เห็นอดีต และมองไม่เห็นอนาคต

๑๐
ความเวิ้งว้าง ห่างไกลของแต่ละดวงดาว คือพรสวรรค์ สิ่งที่มีค่ายิ่ง ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
มันทำให้สิ่งมีชีวิตบนแต่ละดวงดาว มีอัตลักษณ์
ทำให้แต่ละชีวิต มีที่ว่างสำหรับจินตนาการ
ที่ว่างอันกว้างใหญ่นี้ เราฝ่าข้ามไม่ได้
เราได้แต่จินตนาการ
จึงเกิดที่ว่างสำหรับจินตนาการ
๑๑
วิทยาศาสตร์มีประโยชน์มากมาย แต่จริงๆ แล้วมันเป็นอมนุษย์
ที่แปลกคือ
ศาสนาเองก็เป็นอมนุษย์ เพียงแต่มันดูคล้ายจะเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม
๑๒
ฉันมองไม่เห็นทางใดที่ศาสนาจะเอาชนะวิทยาศาสตร์ได้ ด้วยเพราะวิทยาศาสตร์มีสิ่งหนึ่ง นั่นคือความสะดวกสบาย มันทำให้มนุษย์หลงใหลในความสะดวกสบายนั้น
มนุษย์ติดในการใช้ไฟฟ้า ติดในรถยนต์ ในแอร์ ในทุกสิ่งที่ถูกเนรมิตขึ้นมา
มันไม่ได้ลึกซึ้ง แต่ทว่าจับใจยิ่งนัก
มนุษย์ไม่อาจปฏิเสธ

๑๓
โลกของเรานี้ มองได้หลายมิติ เช่น
๑ มิติการเมือง
๒ มิติวิทยาศาสตร์
๓ มิติเศรษฐกิจ
๔ มิติศาสนา
น่าประหลาด แต่ละมิติแตกต่างกันมาก
๑๔
ในโลกนี้ มีคนสุดโต่ง ซ้ายสุด ขวาสุด ซึ่งเป็นกลุ่มคนอันตราย
แต่ละย่างก้าวที่เดินไป คุณได้ฆ่าฝ่ายตรงข้ามของคุณจนหมด เพราะยิ่งคุณก้าวไปข้างหน้า คุณยิ่งไร้ความเห็นใจใดๆ กับฝ่ายตรงข้ามของคุณ คนซ้ายสุดจึงไร้ความเห็นใจใดๆ กับคนขวาสุด หรือในทางกลับกัน
อันตรายของโลก จึงเกิดขึ้นเมื่อโลกนี้มีคนสองกลุ่มนี้มากๆ คือซ้ายสุดและขวาสุด สองกลุ่มที่ไม่อาจตกลงอะไรกันได้เลย และไม่อาจทำลายล้างกันจนหมดได้ด้วย เพราะพวกเขามีอยู่อย่างยาวนาน มันเป็นสากล
เหมือนมีแหล่งกำเนิดสองสิ่งนี้ อยู่ท่วมทั่วจักรวาล
ยุงสองชนิด ที่ไม่มีวันหมด
๑๕
แต่ร้ายยิ่งกว่าคือชีวิตที่เป็น hives มีคุณสมบัติที่แตกต่าง
๑ พวกเขามีจุดหมาย แต่ไร้จิตสำนึก
๒ พวกเขาไม่ใช่ finite
๓ พวกเขาไม่มีขอบ
๔ พวกเขาไม่ใช่ mortal
ชีวิตเหล่านี้ ไม่ใช่ mortal ไม่สื่อสาร ไม่สนใจมนุษย์
ฉันคิดถึงพวกเขาด้วยความหวาดกลัว พิศวง

๑๖
สิ่งต่อไปนี้ มีอยู่จริงในโลก
๑ สงคราม
๒ ฆาตกรรม
๓ ความอดอยาก
๔ โรคระบาด
และสิ่งเหล่านี้ เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ มันน่าเกลียดอย่างเหลือล้ำ
และปกปิดไม่ได้
๑๗
มนุษย์ทุกวันนี้ กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เริ่มจะควบคุมไม่ได้ เช่น Quantum computer เพราะว่าพวกมัน
๑ ไม่มีใครรู้รายละเอียดของมัน
๒ ไม่มีใครรู้ว่ามันทำงานยังไง
๓ มัน bootstrapped ตัวมันเอง
๔ มันออกแบบตัวมันเอง
๕ มันโปรแกรมตัวมันเอง
ดังนั้นเอง ฉันจึงกล่าวว่า เรากำลังเฉียดใกล้สิ่งที่เราเริ่มควบคุมไม่ได้ และอะไรจะเกิดขึ้น นี้ไม่ใช่การเข้าไปสู่หนังอย่าง Matrix หรอกหรือ นี้ไม่ใช่หนังหรอกหรือ