วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์/สุนทรพจน์แรก โจ ไบเดน ไม่เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องแตกแยก

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

 

สุนทรพจน์แรก โจ ไบเดน

ไม่เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องแตกแยก

 

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 สหรัฐอเมริกาดำเนินการจัดพิธีเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีเป็นทางการ มีพิธีสาบานตนต่อคัมภีรไบเบิลกับประธานศาลฎีกา พร้อมกับรองประธานาธิบดี ต่อหน้าธงชาติสหรัฐอเมริกาจำนวน 2 แสนธง อันเป็นตัวแทนของชาวอเมริกันที่เคยมาร่วมแสดงความยินดีและเฉลิมฉลอง ณ บริเวณลานหน้าทำเนียบขาว “เนชั่นแนลออลล์”

โจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา กล่าวปราศรัยกับชาวอเมริกันใช้เวลา 22 นาที แล้วเดินทางพร้อมคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรกเข้าสู่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบรัฐบาล ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี 17 ฉบับ ล้มล้างคำสั่งอดีตประธานาธิบดีคนเดิม

สุนทรพจน์แรกในเวลา 22 นาที ของ “โจ ไบเดน” ซึ่ง “มติชน” วันรุ่งขึ้น นำเสนอบางตอนสรุปว่า

 

…แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย และเพื่อนอเมริกันของข้าพเจ้าทุกคน

วันนี้คือวันแห่งอเมริกันทั้งปวง

วันนี้คือวันแห่งประชาธิปไตย

วันนี้เป็นประวัติศาสตร์และความหวัง

ของการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างมุ่งมั่น

สหรัฐอเมริกาถูกทดสอบใหม่อีกครั้ง และได้หยัดยืนขึ้นตอบรับความท้าทายนั้น

วันนี้เราเฉลิมฉลองชัยชนะ ไม่ใช่ชัยชนะของผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้หนึ่ง แต่แน่นอน เป็นชัยชนะของครรลองประชาธิปไตยต่างหาก

เจตนารมณ์ของประชาชนได้รับการรับฟัง ปรารถนาของประชาชนได้รับการปฏิบัติตาม

เราได้เรียนรู้ร่วมกันอีกครั้งว่า ประชาธิปไตยนั้นทรงคุณค่ายิ่ง

ประชาธิปไตยเปราะบางยิ่ง

และในนาทีนี้ เพื่อนๆ ทั้งหลาย ประชาธิปไตยได้ชัยชนะแล้ว

 

ดังนั้น ณ เวลานี้ เหนือพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ที่ซึ่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถูกความรุนแรงจ้องสั่นคลอนอาคารรัฐสภาแห่งนี้ลึกลงไปถึงฐานราก

เราเข้ามาร่วมกันเป็นหนึ่งอีกครั้งในฐานะชาติหนึ่ง ภายใต้พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน ปลอดจากการแบ่งแยก เพื่อดำเนินกระบวนการถ่ายโอนอำนาจโดยสันติสืบไปดุจเดียวกับที่เราเคยทำมามากกว่า 2 ศตวรรษ

เรามองไปข้างหน้าด้วยวิถีของอเมริกาที่เป็นเอกลักษณ์ หาญกล้า ไม่หยุดหย่อน เปี่ยมด้วยความคาดหวังที่ดี และตั้งเป้าของชาติเราไว้ในตำแหน่งที่เราเป็นและต้องเป็น

…เรากำลังย่างเข้าสู่สภาวะซึ่งอาจเป็นห้วงเวลาที่ยุ่งยากที่สุด และเป็นตายมากที่สุดของการแพร่ระบาด เราจำเป็นต้องยกเอาการเมืองออกไปวางไว้ด้านข้าง และหันมาเผชิญหน้ากับการระบาดใหญ่หนนี้อย่างพร้อมเพรียงในฐานะชาติเดียวกัน

…ประวัติศาสตร์ของเราที่ผ่านเต็มไปด้วยการดิ้นรนไม่มีสิ้นสุดระหว่างอเมริกันในอุดมคติ ที่ซึ่งเราทั้งผองถูกรังสรรค์ขึ้นไว้ให้เสมอภาคกัน กับความเป็นจริงที่น่าเกลียด หยาบกระด้างของการรังเกียจชาติพันธุ์ ลัทธิภูมิภาวะ ความหวั่นกลัว การยัดเยียดความเป็นปิศาจให้กันและกัน ซึ่งฉีกกระชากพวกเราออกจากกันมาช้านาน

…การต่อสู้ซึ่งคงอยู่ยาวนาน ไม่เคยมีการรับประกันถึงชัยชนะ…เราผ่านเหตุการณ์นั้นมา …ต้องประสบกับการถดถอยอยู่บ้าง แต่ “เทพีแห่งความดี” ย่อมได้ชัยชนะเสมอมา

…เราสามารถมองหน้าซึ่งกันและกันได้ ไม่ใช่ในฐานะฝ่ายตรงข้าม หากแต่เป็นเพื่อนบ้าน เราสามารถปฏิบัติต่อกันและกันด้วยเกียรติและความเคารพ…

ในห้วงแห่งวิกฤตและท้าทายครั้งประวัติศาสตร์ของเรานี้ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้นคือหนทางที่จะนำพาให้เรารุดหน้าไปได้ และเราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในฐานะสหรัฐอเมริกาที่เป็นหนึ่ง

หากเราทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอรับประกันว่า เราจะไม่มีวันล้มเหลว

 

…ดังนั้น ในวันนี้ ณ เวลานี้ และสถานที่แห่งนี้ ขอผองเราทุกคนร่วมกันเริ่มต้นใหม่ ขอให้รับฟังซึ่งกันและกัน ได้ยินซึ่งกันและกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน แสดงความเคารพซึ่งกันและกัน

การเมืองไม่จำเป็นต้องเร่าร้อนดุจเพลิงเผาผลาญทุกอย่างตามรายทางไปหมด

ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันทุกๆ อย่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุแห่งสงครามเอาเป็นเอาตายกันทุกครั้งไป และเราต้องปฏิเสธวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งข้อเท็จจริงถูกนำมาบิดเบือน หรือประดิษฐ์ปลอมขึ้น

เพื่อนร่วมชาติอเมริกันทั้งหลายเราต้องแตกต่างไปจากนั้น อเมริกันจำเป็นต้องดีกว่านั้น และข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า อเมริกาดีกว่าสิ่งนั้นมากมายนัก

แค่มองไปรอบๆ ณ ที่ซึ่งเรายืนกันอยู่นี้ ใต้ร่มเงาของรัฐสภา ซึ่งเพิ่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ในท่ามกลางสงครามกลางเมือง เมื่อชาติทั้งชาติตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง

เราผ่านมาได้ และเราได้ชัยชนะ

และตรงที่เรายืนอยู่นี้ หลังการจลาจลของบรรดาม็อบที่คิดเอาว่า พวกเขาสามารถใช้ความรุนแรงเพื่อปิดปากยับยั้งเจตนารมณ์ของประชาชน ยุติกระบวนการประชาธิปไตย และผลักดันเราออกไปจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้

สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น และจะไม่มีวันเกิดขึ้น ไม่ใช่ในวันนี้ พรุ่งนี้ ไม่ใช่ตลอดไป

สำหรับทุกคนไม่ว่าใครก็ตามที่สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเรา ศรัทธาที่พวกท่านมีต่อเรา ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งอย่างยิ่ง

ส่วนทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม ที่ไม่ได้สนับสนุนเรา ขอกล่าวกับพวกท่านดังนี้ ขอจงรับฟังข้าพเจ้า เมื่อเราก้าวไปข้างหน้า ตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วนทั้งตัวข้าพเจ้า และหัวใจข้าพเจ้า หากยังไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร

นั่นคือประชาธิปไตย นั่นคืออเมริกา คือสิทธิที่จะเห็นต่างอย่างสันติ ภายใต้กรอบกำหนดของสาธารณรัฐ นั่นบางทีอาจเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งของชาติเรา

ขอให้ฟังข้าพเจ้าให้ชัดเจน การไม่เห็นด้วยไม่จำเป็นต้องเป็นการแตกแยก

และข้าพเจ้าขอรับปากเอาไว้ในที่นี้ว่า ข้าพเจ้าจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกันทุกคน

แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคนไหมขอรับกระผม