73 ปี บุญชัย โชควัฒนา กับโครงการซื่อสัตย์ ‘จะทำจนวันสุดท้ายของชีวิต’ / สัมภาษณ์พิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

 

73 ปี บุญชัย โชควัฒนา

กับโครงการซื่อสัตย์

‘จะทำจนวันสุดท้ายของชีวิต’

 

นัดสนทนากับ “นายบุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของไทย ที่สำนักงานย่านเพชรบุรีตัดใหม่ ในหลากหลายประเด็น ซึ่งเครือสหพัฒนฯ มีบริษัทอยู่ 100 กว่าแห่ง มีพนักงานนับแสนคน

มาฟังกันว่าผู้บริหารค่ายสหพัฒนฯ รายนี้ ซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากรุ่นพ่อ รุ่นที่ 1 นายเทียม โชควัฒนา และตอนนี้มีทายาทรุ่นที่ 3 มารับช่วงบริหารในหลายตำแหน่ง มีมุมมองในเรื่องต่างๆ อย่างไรบ้าง

เริ่มกันที่ผลประกอบการในปี 2563 ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 มากน้อยแค่ไหน

นายบุญชัยแจกแจงว่า ปี 2562 ก็กระทบบ้างแล้วทั้งยอดขายและกำไร ส่วนปี 2563 กระทบนิดหน่อย เพราะมีนาคมปีที่แล้วคนตกใจซื้อไปตุนกัน หลังจากนั้น รับประทานกันไม่หมด ยอดขายก็ตก พอช่วงกลางปีและปลายปีเลยขายได้น้อยลง กำไรลดลง เพราะธุรกิจที่ถือหุ้นอยู่ก็ไม่แจกปันผล ประกอบกับตลาดไม่ค่อยดี เศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อไม่ค่อยมี ตลาดก็ไม่มีกำลังซื้อ

อีกทั้งปีที่แล้วบริษัทช่วยเหลือประชาชนเยอะ ทำหน้ากากอนามัยแจก 1 ล้านชิ้น และทำบะหมี่แจกเป็นล้านซอง ลงเงินไปตรงนั้นมาก ทำให้กำไรลดลงเป็นร้อยล้าน แต่ยังโชคดีที่บริษัทมีสินค้าที่ประชาชนต้องการ มีความจำเป็น เลยตกไม่มาก

ยอดขายปีนี้ประมาณเกือบ 4 หมื่นล้าน น่าจะตกไป 6-7% กำไรตกไป 2-3%

: ปีนี้ก็ยังมีปัญหาโรคโควิดต่อเนื่อง วางแผนไว้อย่างไร

อย่าไปคิดว่ามันจะสั้น คิดว่ามันจะยาวดีกว่า จะได้เตรียมปรับตัว เป็นจังหวะที่ดีมากที่ต้องเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์ใดก็ตาม จะดีจะเลวร้ายยาวๆ ทั้งปีก็ตาม เราจะรอดอยู่ได้ สำคัญอย่าตกใจ อย่าท้อ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้เสมอ ในอดีตโรคระบาดก็เคยเกิด คนตายไปเยอะมาก อย่าไปกังวลมาก

ตัวเราเองรักษาตัวรอดให้ได้ก่อน และรักษาครอบครัว ชีวิตเราเคยสบายอย่างไร สะดวกอย่างไร ตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันไม่สะดวก มันไม่สบาย อาหารการกินต้องแตกต่างไป ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง เรารับได้ไหม ถ้ารับได้ก็หมายความว่ามีภูมิคุ้มกันตัวเองสูง

อย่างตัวผมเอง คิดเสมอว่าตัวผมเองอยู่อย่างไรก็ได้ มีรถขับก็ได้ ไม่มีรถขับก็ได้ นั่งรถเมล์ก็ได้ กินอะไรก็ได้ ตอนเช้ากินซาลาเปา กินกล้วยก็อยู่ได้แล้ว กินของข้างถนน หรือกินในเหลาก็ได้ คือพร้อมปรับตัวเสมอ เพราะตัวเราเองต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์เสมอ ถ้าเหตุการณ์ไม่ดีเราไม่เดือดร้อน เราไม่เครียด ไม่มีข้าวกินเราก็อดได้ ถึงเวลาต้องอดมันก็ต้องอด ไม่ต้องมัวกลุ้มใจว่าทำไมเราโชคร้ายอย่างนี้

: พนักงานในเครือสหพัฒนฯ ยังอยู่กันครบ

เราไม่มีเลย์ออฟ เราไม่ได้ขาดทุนหรือยอดขายตกมากมาย เพียงแต่อาจงดโบนัสให้น้อยลง จากได้ 5-6 เดือน ในปี 2563 ก็ลดลงเหลือ 2-3 เดือน บริษัทเราไม่มีปัญหา เราไม่เก่งแต่เราโชคดี ในปี 2564 ตั้งใจว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยปีนี้เริ่มต้นด้วยการลดค่าใช้จ่าย คาดจะโตไม่เยอะ ไม่เกิน 5% กำไรก็จะรักษาไว้ให้ได้

: มีวิธีการถ่ายทอดประสบการณ์ทางด้านการทำธุรกิจผ่านไปยังลูกหลานรุ่น 3 อย่างไร

ถ่ายทอดตลอดเวลา ทุกนาที ทุกโอกาส แต่เขาจะรับได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะผมอยู่ที่นี่มา 30 กว่าปีแล้ว ตลอดเวลาพัฒนาที่นี่ไปมากมาย ตอนนี้เป็นช่วงจังหวะ เพราะเราก็อายุเยอะแล้ว อยากให้เจเนอเรชั่นต่อไปมารับช่วง จุดนี้คือจุดที่ผมพยายามถ่ายทอดความคิดและหลักการให้เขา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เขาต้องสนใจที่เรียนรู้ อย่างเช่น คุยกันเยอะแยะเลยว่าจะทำอะไรบ้างในปีนี้

หลักๆ คือลดค่าใช้จ่าย ให้ทุกคนไปสแกนว่าหน่วยงานที่ดูแลอยู่มีอะไรลดได้ ผมตั้งว่าลดค่าใช้จ่าย 1% ของยอดขาย ปีนี้ยอดขายประมาณเกือบ 4 หมื่นล้าน 1% ของยอดขายก็ประมาณ 300 กว่าล้านบาท

: มีอะไรบ้างที่จะลดรายจ่ายได้เป็นรูปธรรม

งบประมาณในการทำโปรโมชั่น ถ้าไม่ได้ผล ค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรจะใช้ ซึ่งมีเยอะแยะมากมาย และผมก็ตั้งเป้าส่วนตัว คือบริษัทโต 5% แต่จริงๆ แล้วแต่ละคนต้องการโตมากกว่านั้น ดังนั้น ไปคิดเป้าส่วนตัวของแต่ละคน เช่น ระบบมีคนเยอะเกินไป จะโยกไปทำงานอื่นได้ไหมเพื่อให้คุณภาพในการทำงานดีขึ้น อย่างสินค้าผลิตได้น้อยเกินไป และวางตลาดในช่องทางที่แคบเกินไป ก็ไปหาวิธีขยายช่องทาง คาดว่าน่าจะได้ผลกว่าปีที่แล้ว

: จะนั่งทำงานบริหารในบริษัทสหพัฒนฯ ไปอีกกี่ปี

ตอนนี้ผม 73 ย่าง 74 คิดมาตลอดว่าจะให้คนรุ่นใหม่มาทำ แต่ผมก็เหมือนคุณพ่อผม คือท่านทำจนวันสุดท้าย ท่านอยากเห็นสหพัฒนฯ เป็นร้อยปี ตอนนี้ 70 กว่าปีเอง ซึ่งผมเองจะทำให้ได้ตามที่คุณพ่อปรารถนาไว้ ผมจะวางมือก็ได้ผมสบาย แต่คิดว่าผมคงวางไม่ได้หรอกเพราะผมทำงานมาตลอดชีวิต วางมือแล้วมันจะเหงาเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร ผมจะทำไปเรื่อยๆ แต่จะลดงานลง อย่างวันศุกร์ก็ไม่ค่อยมีงาน ผมจะไปเขาใหญ่ ผมไปซื้อรีสอร์ตไว้ที่นั่น ชื่อทิพย์วาริน และสายลม ผมตั้งชื่อเอง

: อยากเน้นอะไรเป็นพิเศษให้รุ่น 3 เดินตามรอย

ทำธุรกิจต้องซื่อตรง และดีต่อประชาชน ดีต่อสังคม ถ้าสินค้าดี สังคมดี คุณพ่อบอกว่า เมื่อเราอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ตั้งแต่สมัยก๋ง เราก้าวหน้ามาได้อย่าลืมคืนกำไรให้กับสังคม ท่านพูดเรื่องนี้บ่อยมาก ทำสินค้าให้ดี ไม่ดีอย่าขาย อย่าขายของแพง หลักการของเราคือการซื่อสัตย์

การทำธุรกิจต้องไม่เสี่ยง ต้องรอบคอบเสมอ อย่าหวังที่จะรวยเร็ว ดังนั้น ผมก็สบายๆ ไม่ต้องรวยก็ได้ ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รวย แค่มีรถเยอะเท่านั้นเอง (หัวเราะ)

ที่ผ่านมาผมทำโครงการซื่อสัตย์เพื่อชาติ คือซื่อสัตย์เป็นชื่อแบรนด์ ผมทำมา 7 ปีแล้ว คุณพ่อผมเคยทำผลิตภัณฑ์ซื่อสัตย์มาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นยาสีฟัน ส่วนที่ผมกลับมาทำ ไม่ได้หวังผลกำไรหรือยอดขาย แต่อยากให้คนได้ยินคำว่าซื่อสัตย์อยู่เรื่อยๆ มีผงซักฟอก ยาสีฟัน และบะหมี่ ขายไปก็ไม่ได้เยอะ คือเราโปรโมต แต่คนไทยไม่ค่อยสนใจ บางคนบอกมันเชย การทำแบรนด์นี้เพียงต้องการสื่อสารคำว่าซื่อสัตย์ ผงซักฟอกก็ขายดี แต่ขายดีที่พม่า เพราะสัญลักษณ์คือดอกบัว คนพม่าธรรมะธัมโมมาก ชอบดอกบัว สินค้าผมเลยดังที่พม่ามาก แต่เมืองไทยกลับเฉยๆ

: มีผลงานหรือประสบการณ์อะไรจากการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสมาชิกวุฒิ (ส.ว.)

ได้เยอะ ผมเข้าไปเรียนรู้มากกว่า ว่าจะเข้าไปช่วยประเทศชาติได้อย่างไร แต่สุดท้ายก็ช่วยไม่ได้ เพราะ ส.ว.ไม่ได้อภิปราย ถึงได้อภิปรายก็ไม่มีคนฟัง ถึงมีคนฟังก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ถ้ารัฐบาลไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ถ้า ครม.ไม่เปลี่ยนแปลง เราก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

เชื่อไหมว่าตอนนี้ภูเก็ตเป็นของคนต่างชาติหมดแล้ว ถามว่าเขาทำอะไรไหม เขาก็ไม่ได้ทำอะไร หรือเรื่องสารพิษ แค่รณรงค์แล้วก็ไม่เกิดอะไร เพราะมีผลประโยชน์ทางการเมืองเยอะ อย่าคิดว่าเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรได้ เข้าไปแล้วทำอะไรก็ไม่ค่อยได้

: การเป็น ส.ว.ช่วยในแง่ธุรกิจหรือไม่

มีแต่เสียตังค์มากขึ้น (หัวเราะ) มีแต่มาขอโน่นขอนี่เยอะแยะไปหมด คือรู้อยู่แล้วแหละว่าเข้าไปเสียตังค์แน่ๆ ถือว่าเข้าไปรับรู้ อะไรที่เสนอได้ก็เสนอ ตอนที่ผมเข้าไปอายุ 60 ต้นๆ ผมทำเรื่องคนดีไม่ขายเสียง สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ซื้อเสียงกันเหมือนเดิม และผมอยากช่วยสังคมไทยมาก คือฝรั่งเข้ามาแล้วมันกระทบกับร้านค้าปลีกไทย ผมจึงผลักดันเรื่องกฎหมายแข่งขันการค้า แต่ก็ไม่มีผลอะไร

: กรณีม็อบคนรุ่นใหม่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกและแก้รัฐธรรมนูญ

ผมไม่คิดว่ารัฐบาลท่านประยุทธ์ต้องอยู่ไปเรื่อยๆ รัฐธรรมนูญแก้ได้ก็ดี แต่ต้องแก้เพื่อรักษาเสถียรภาพ

ส่วนจะให้นายกฯ ลาออกแล้วจะให้ใครเป็นแทน แล้วจะอยู่ได้ไหม ล้มไหม เละไหม ต้องเลือกคนที่ทำให้ประเทศชาติมั่นคง และถ้าไม่มีสถาบันก็คงไม่ยอม

: คิดว่ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจถูกทางหรือไม่

ผมว่าเขาก็แก้เต็มที่ ก็มีบางคนบอกว่าไม่ถูกๆ เรื่องโควิดเขาแก้จนขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก คือคนจะหาเรื่องด่าก็ด่าได้ โควิดก็ด่า เศรษฐกิจก็ด่า ใครเป็นรัฐบาลมีใครไม่ถูกด่าบ้าง ผมว่าเขาทำดีแล้ว รัฐทำคนละครึ่งผมก็ว่าดี แต่ยังโดนด่าอยู่ คนจะหาเรื่องโจมตีก็โจมตีได้ทุกวิถีทาง ไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้

: แม้อายุ 73 ปีแล้ว ดูหุ่นยังดีไม่มีพุง มีวิธีดูแลรักษาสุขภาพอย่างไร

ผมเป็นเบาหวาน ตอนนี้ดูเรื่องอาหารการกิน และมีออกกำลังกาย มียกเหล็กบ้าง วิ่งบ้าง อย่าอยู่เฉยๆ อย่าปล่อยให้อ้วน แต่ตอนนี้กำลังเพิ่มน้ำหนักเพราะดูเหมือนจะน้อยไปหน่อย อีกอย่างผมชอบร้องเพลงเพราะทำให้ผ่อนคลาย และได้ภาษา แต่หลักๆ ชอบซ่อมรถ ผมซ่อมรถเก่งกว่าช่างบริษัทอีก (หัวเราะ)

: มีโครงการอะไรที่อยากทำอีก

โครงการซื่อสัตย์เพื่อชาติ ผมจะทำโครงการนี้จนวันสุดท้ายของชีวิต ตั้งใจว่าอาจเป็นโปรเจ็กต์สุดท้ายที่จะทำไม่เลิก ผมทำคลิปออกมา 8-9 คลิป ไปถ่ายเด็กเล็กๆ ไม่เกิน 9 ขวบ ส่วนใหญ่ตอบได้ว่าความซื่อสัตย์คืออะไร ไม่ลอกการบ้าน ไม่พูดโกหก

พอถามว่าใครคือคนที่ซื่อสัตย์ที่สุด เด็กตอบว่าในหลวง ร.9 เหลือเชื่อเลย พระองค์ท่านทรงทำความดี จนเด็กเล็กๆ ยังพูดถึง