เสียดายและอาลัย สิ้น ‘โต้ง ฐากูร’ สูญเสีย ‘สื่อคุณภาพ’ / แมลงวันในไร่ส้ม

ฐากูร บุ​น​ปาน

แมลงวันในไร่ส้ม

เสียดายและอาลัย
สิ้น ‘โต้ง ฐากูร’
สูญเสีย ‘สื่อคุณภาพ’

สื่อต่างๆ นำเสนอข่าวการจากไปของนายฐากูร บุนปาน รองประธานเครือมติชน หรือ” โต้ง-พี่โต้ง” ของคนในวงการ
นายฐากูรสิ้นใจอย่างสงบเมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 12 มกราคม ที่บ้านพัก ด้วยวัยเพียง 59 ปี หลังจากป่วยด้วยโรคมะเร็งเมื่อกลางปี 2562
พิธีศพนายฐากูร ที่วัดเสมียนนารี เริ่มจากรดน้ำศพในช่วงบ่ายของวันที่ 13 มกราคม ปรากฏว่า ศาลา 11 วัดอันเป็นที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล มีบุคคลจากวงการต่างๆ ทั้งสื่อ ภาคธุรกิจ ราชการ และเอกชนหลั่งไหลมารดน้ำแสดงความอาลัย
พระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเสมียนนารี เป็นประธานในพิธีรดน้ำ
ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงเริ่มเบาบาง จากนั้นนำร่างลงหีบศพและสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ รองเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
การบำเพ็ญกุศลในอีก 6 คืนต่อมา มีมิตรสหาย ผู้คุ้นเคย เข้าร่วมจำนวนมาก บางคืนเก้าอี้ไม่เพียงพอ ต้องเสริมเก้าอี้ตลอดเวลา
หลังพิธีสวดคืนสุดท้าย วันที่ 19 มกราคม เก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล และกำหนดวันฌาปนกิจต่อไป

นายฐากูร บุนปาน อายุ 59 ปี เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 2504 เรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร จบมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 97
ปริญญารัฐศาสตรบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 32
ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน สถาบันวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 1 (วพน.1) อบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงด้านการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมและการลงทุน สถาบันวิทยาการธุรกิจและอุตสาหกรรม รุ่นที่ 1
อบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน รุ่นที่ 18 (วตท.18)
เป็นที่รักของเพื่อนๆ ตั้งแต่วัยเด็ก โรงเรียนและมหาวิทยาลัย จนถึงการศึกษาในหลักสูตรต่างๆ และได้รวมตัวกันมาเป็นเจ้าภาพในพิธีสวดพระอภิธรรม
มิตรสหายหลายคนมาร่วมงานทุกวัน ตั้งแต่พิธีรดน้ำศพ จนถึงสวดวันสุดท้าย
หลังจากจบปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ นายฐากูรเริ่มทำงานที่มติชนทันทีเมื่อปี 2527 ขณะนั้นสำนักงานมติชนและโรงพิมพ์เป็นตึกแถวอยู่ที่ข้างวัดราชบพิธฯ
เป็นผู้สื่อข่าวโต๊ะต่างประเทศมติชนระยะสั้นๆ ก่อนย้ายไปเป็นผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจ ในปี 2527 นั้นเอง
ยุคนั้น ทั้งกองมีเพียง 8 คน และนักข่าวที่เรียกว่า “สตริงเกอร์” 2 คน ขรรค์ชัย บุนปาน เป็น บก.ประชาชาติธุรกิจ โดยมีนายชลิต กิติญาณทรัพย์ เป็น บก.บริหาร นายปิยะชาติ มงคลไชยสิทธิ์ เป็น บก.ข่าว
กอง บก.ประชาชาติธุรกิจ ขาดผู้สื่อข่าวสายการเงินซึ่งเป็นงานข่าวที่ยาก และมอบหมายให้นายฐากูรทำหน้าที่
นายฐากูรทุ่มเทศึกษาเรื่องของธุรกิจการเงินการคลังจากนักธุรกิจและข้าราชการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ พร้อมๆ กับการทำข่าวไปด้วย จนเป็นตัวหลักในข่าวการเงินของเครือมติชน
และมักกล่าวยกย่องบรรดาผู้ให้ความรู้ว่าเป็น “อาจารย์” มาอย่างต่อเนื่อง
มติชนย้ายจากข้างวัดราชบพิธฯ มาที่อาคาร 3 ชั้น ประชานิเวศน์ 1 ในปี 2528
นายฐากูรเป็นกำลังหลักของประชาชาติธุรกิจที่เติบโต รับผู้สื่อข่าวเพิ่มขึ้น นำเสนอข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจอย่างเข้มข้น และเมื่อมีเทศกาลกีฬา จะย้ายตัวเองมานั่งโต๊ะกีฬา ช่วยเขียนข่าว แปลข่าว
ปี 2533 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นายขรรค์ชัย บุนปาน รับเอา “ข่าวสด” มาดำเนินกิจการ แบ่งกำลังจากมติชนมาสร้างกอง บก.ใหม่ นายฐากูรมาร่วมงานนี้ด้วย เป็นหัวหน้าโต๊ะข่าวภูมิภาค ซึ่งเป็นโต๊ะข่าวสำคัญมากในหนังสือแนวหัวสี
ปี 2534-2546 เป็นบรรณาธิการบริหารข่าวสด ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว จากข่าวที่สังคมสนใจและท้าทายความศรัทธา อาทิ ข่าวยันตระอมโร ข่าวภาวนาพุทโธ ข่าวเจาะลึกสืบสวนสอบสวน ด้วยแหล่งข่าวที่ลึกและแม่นยำ คือข่าวอุ้มฆ่าแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ พุ่งขึ้นเป็น 1 ใน 3 สื่อรายวันที่มียอดจำหน่ายสูงสุด
ปี 2547-2553 เป็นบรรณาธิการข่าวสด และมีบทบาทอย่างสูงในการพัฒนาข่าวสด โดยเฉพาะการตระเตรียมก้าวสู่ระบบออนไลน์ เป็นรากฐานที่ทำให้ข่าวสดออนไลน์กลายเป็นสื่อออนไลน์ที่มีผู้ติดตามสูงสุดของประเทศ
ก้าวสู่ตำแหน่งฝ่ายบริหารของเครือมติชน เป็นผู้จัดการทั่วไปเครือมติชน จากปี 2553-2557 และเมื่อนายปิยะชาติ มงคลไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ มีปัญหาสุขภาพ นายฐากูรได้เข้ารับหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการเครือมติชนจากปี 2557-2562
เดือนพฤษภาคม ปี 2562 นายฐากูรป่วยเป็นมะเร็ง ได้ขอเปลี่ยนหน้าที่ เป็นรองประธานกรรมการบริษัทในปี 2562
บริษัทมติชนได้แต่งตั้ง น.ส.ปานบัว บุนปาน จากรองกรรมการผู้จัดการ มาทำหน้าที่เอ็มดีแทน

นายฐากูรสมรสกับวิสาตรี สุวรรณทัต มีบุตรชาย 1 คน คือ นายบุญรักษา จบการศึกษาปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อยู่ระหว่างศึกษาปริญญาโทที่นิวซีแลนด์
และได้เดินทางกลับเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2563 เพื่อร่วมดูแลอาการป่วยของบิดา
นายฐากูรเป็นคนรักครอบครัว ชอบทำอาหารที่บ้าน ตกแต่งบ้าน ปลูกต้นไม้ รักเพื่อน จัดแบ่งเวลาทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อดูแลครอบครัว ญาติพี่น้อง และรักษาความสัมพันธ์กับมิตรสหายได้อย่างครบถ้วน
ด้วยอัธยาศัยไมตรี มีอารมณ์ขัน พร้อมรับฟัง พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รอบรู้ รวดเร็วและว่องไว กระตือรือร้นในการทำงาน เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดในการทำงานของนายฐากูร ทั้งในงานข่าวและงานบริหาร
ที่พิเศษคือ ชอบงานข่าวงานเขียน หาข่าว เช็กข่าว เขียนหนังสือในชื่อจริงและนามปากกาต่างๆ และบทความต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดยืนที่มั่นคงและความรู้จริง
มีส่วนอย่างสำคัญทำให้เครือมติชนปรับตัวและรับมือสถานการณ์ต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การเปลี่ยนแปลง ความผันผวนต่างๆ ได้ตลอดเวลา
ทั้งยุคสิ่งพิมพ์กระทั่งก้าวสู่ยุคออนไลน์ ทิศทางของเครือมติชนในเรื่องนี้ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น และกลายเป็นสื่อที่พลิกตัวสู่ระบบออนไลน์อย่างรวดเร็ว
รักษาตัวมาระยะหนึ่ง นายฐากูรรับการผ่าตัดในปี 2563 แล้วฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว กลับมานั่งทำงานและพบปะฝ่ายต่างๆ จนกระทั่งเดือนตุลาคม อาการป่วยได้ทรุดลง กลับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธในเดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางความห่วงใยของมิตรสหายที่ติดตามถามข่าวคราวอย่างต่อเนื่อง
เดือนธันวาคม กลับมารักษาตัวที่บ้าน โดยมีลูกชาย ภรรยา และญาติพี่น้องดูแลใกล้ชิด
ทำบุญวันเกิดครั้งสุดท้ายที่บ้านพักในวันที่ 18 ธันวาคม หลังจากนั้นอาการทรุดและทรงไปเรื่อยๆ
ตลอดเวลานายฐากูรมีสติและความคิดที่แจ่มใสชัดเจนตลอดเวลา พูดคุยวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆ ความจำแม่นยำ และมีอารมณ์ขัน
ในช่วงเช้าของวันที่เสียชีวิตก็ยังพูดคุยกับครอบครัวได้ ก่อนพักผ่อน และจากไปเมื่อเวลา 13.50 น. ของวันอังคารที่ 12 มกราคม
เป็นการสูญเสียคนทำงานสื่อและนักบริหารงานสื่อระดับคุณภาพอย่างน่าเสียดาย