ลึกแต่ไม่ลับ : เหตุผล-ปัจจัย ที่อาจทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เข้าวิน ผู้ว่า ? แถมจะ “มือดีลพิเศษ”ช่วย

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ
จรัญ พงษ์จีน

ไม่น่าเชื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ในชั่วโมงนี้ ชีวิตจะค้นพบสิ่งสวยงาม ความคิดเริ่มบรรเจิด สะกดคำว่า “ประชาธิปไตย” ถูกกะเขาเป็นเหมือนกัน
คงปฏิเสธไม่ได้ “บิ๊กตู่” เมื่อ พ.ศ.2557 กับ “บิ๊กตู่” ใน พ.ศ.2564 คนคนเดียวกัน แต่มีความต่างกันอย่างสิ้นเชิง “พฤติกรรม” ที่บ่งบอกว่ามีความพยายามเป็นนักประชาธิปไตยกะเขาอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย สะท้อนผ่านการตัดสินใจทยอยปล่อยผี “เลือกตั้งท้องถิ่น”
ป่าช้าแรก เคาะให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ “นายก อบจ.” ทั่วประเทศ 76 จังหวัด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563


ตามมาติดๆ “คณะรัฐมนตรี” ประชุมนัดล่าสุด มีมติไฟเขียวให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ในระดับสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี จำนวน 2,472 แห่งทั่วประเทศ
จาก “เทศบาลนคร” 30 แห่ง “เทศบาลเมือง” 185 แห่ง และ “เทศบาลตำบล” จำนวน 2,247 แห่ง พร้อมกับชงวันเวลาให้ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ “กกต.” เร่งดำเนินการภายในวันอาทิตย์ที่ 21 หรือ 28 มีนาคม 2564
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างเร่งมือทำข้อมูลจำนวนราษฎรที่ใช้ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง และเตรียมพร้อมงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ดังนั้น ใครจะกล้าไปตำหนิกับผลงานที่เปี่ยมไปด้วยหลักการ เพราะการอยู่ร่วมกันต้อง “เคารพสิทธิผู้อื่น”
ก้าวถัดไป ถูกร้อยเหงือกไว้ท้ายสุด คือศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับนายกเมืองพัทยา โดยเฉพาะ “กทม.” ที่มีปัญหาทับซ้อนยังต้องถกเถียงกันอยู่ เรื่อง “สมาชิกสภาเขต” ถ้าให้มีต่อไป ต้องแก้กฎหมายที่ค้างท่ออยู่ในสภาให้แล้วเสร็จก่อน
แต่คาดว่า ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. ต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว แต่ไม่น่าเกินเดือนกันยายน


แม้ไทม์ไลน์ “ผู้ว่าฯ กทม.” ยังอีกหลายเดือนกว่าจะได้ชิงชัย แต่เป็นสนามใหญ่ มีมนต์ขลังมากที่สุดอยู่ในตัว พลันที่มีการปล่อยผีเลือกตั้งท้องถิ่น “นายก อบจ.” และ “นายกเล็ก” เห็นแสงเทียนส่องสว่างยามค่ำคืนอันมืดมิด ศึกชิง “ผู้ว่าฯ กทม.” บรรยากาศจึงเริ่มคึกคักตั้งแต่ไก่โห่
พูดถึงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ที่มาตามครรลองจากกระบวนการเลือกตั้ง ต้องยกเครดิตให้กับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่สามารถยึดครองอำนาจเมืองหลวงไว้ได้ยาวนานที่สุด กว่า 10 ปีติดต่อกันแล้ว
จากยุค “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” แตะมือผ่านต่อเนื่องมายัง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ถ้า “คุณชายหมู” ไม่โดนของ “ม.44” เด้งออกจากตำแหน่ง ส้มไม่หล่นใส่ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” มาจนปานนี้ จะรากงอกอยู่ลากยาวแบบมาราธอน

ประชาธิปัตย์จะผูกขาดตำแหน่งผู้ว่าฯ เสาชิงช้า ตั้งแต่ปี 2547-2564
“ประชาธิปัตย์” แชมป์เก่าตลอดกาล แต่ “ทุกตำนานมีจุดจบ” ศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2562 คะแนนเสียงจากสนาม กทม.เกมโอเวอร์ รับประทานไข่ ไม่ได้ ส.ส.เลยแม้แต่คนเดียว
ถูกพรรคคู่ปรับ “เพื่อไทย” ยึดหัวหาดไป 9 ที่นั่ง ที่เก๊กซิมหนัก ปรากฏว่า “พลังประชารัฐ” พรรคทหาร กวาดที่นั่งไปมากที่สุด 18 ที่นั่ง และ “อนาคตใหม่” ยึดเก้าอี้ไป 9 ที่นั่ง
“แอสซิสต์” ศึกเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนล่าสุด ถึงศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปรากฏว่าเวลาทองคำ รุ่นต่อรุ่นของ “ประชาธิปัตย์” อัสดง ดัชนีหุ้นร่วงหล่น เทกระจาด ไม่ว่าจะเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ก.-ผู้ว่าฯ กทม.

ด้วยประการดังกล่าว พลันที่ปี่กลองศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เชิดฉิ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ แชมป์เก่ายี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ปกติจะหัวไม่วางหางไม่เว้น บันไดไม่แห้ง นักเลงดีวิ่งกันตีนขวิด ขันอาสาเป็นผู้สมัคร
แต่คาบนี้ เงียบเป็นเป่าสากแช่ครก ไม่มีผู้แสดงเจตจำนงเป็นตัวแทน
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ได้ตัวกลั่นมาลงสมัคร ชื่อ “ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สวมปลอกแขนประชาธิปัตย์ แต่ตอนหลังกลับเงียบฉี่ คนถังแตก เงินหมด ชื่อเสียงหาย ชีวิตเริ่มสับสนลำบาก
แต่หนีไม่ออก เสียศักดิ์ศรีแชมป์เก่า ต้องโรเตชั่น “ลูกหม้อเก่า” มาสู้ศึก วางแผนสำรอง 4 คน คือ “องอาจ คล้ามไพบูลย์-สามารถ ราชพลสิทธิ์-พนิต วิกิตเศรษฐ์-ปริญญ์ พานิชภักดิ์”
ขณะที่ “เพื่อไทย” ที่แพ้แตกศึกผู้ว่าฯ กทม.มา 2 สมัยซ้อน หัสเดิมวางตัว “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ยังเหมือนอะไหล่เสริมสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะบัญชีชื่อ 1 ใน 3
แต่ผู้ชายที่แกร่งสุดในปฐพีอ่านเกมว่า พรรคไม่ใช่ตัวชี้วัดชัยชนะและความสำเร็จ ผ่องถ่ายตัวเองออกจากพรรค ไปลงสมัครในนาม “อิสระ” สามารถทำตัวได้กลมกลืน ไหลไปตามน้ำได้ทุกสถานะ
“ชัชชาติ” เล่นกับกระแสเป็น จึงติดทำเนียบเต็งหนึ่งตลอด
ขณะที่รายอื่นๆ ที่ประกาศเปิดตัวลงสนามชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แน่นอนแล้ว ประกอบด้วย “รสนา โตสิตระกูล” อดีต ส.ว.เลือกตั้งปี 2551 แชมป์ กทม. 743,397 คะแนน
ตามด้วย “ทยา ทีปสุวรรณ” แกนนำ กปปส.เก่า ภริยาของ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปูฐานไว้นานพอสมควร โดยจะลงสมัครในนาม พปชร. โหนกระแส “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
แต่ทำท่าว่าจะมีปัญหา ต้องควอลิฟาย ตัดเชือกกับ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เพิ่งเกษียณเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา “บิ๊กแป๊ะ” ถือว่าฟิตแอนด์เฟิร์มมากเอาเรื่อง ดอดลงพื้นที่ลุยหาเสียงเตรียมตัวมานาน
เหนือสิ่งอื่นใดมี “คอนเน็กชั่น” ลึกซึ้งกับบ้านป่ารอยต่อ เชื่อมถึง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร.มากซะด้วย
หาก “ลุงป๊อกโอเค-บิ๊กตู่ไม่ขัดข้อง” เคาะชื่อ “บิ๊กแป๊ะ” ลงสมัครในนาม พปชร.
เจ้าตัวมั่นใจว่าเข้าป้ายในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แบเบอร์ เนื่องเพราะฐานเสียงของพรรค มี ส.ส.ในสนามเมืองหลวง 18 ที่นั่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของ กทม.
บวกกับเวลามี “มือดีล” ช่วยอนุเคราะห์ ปิดจ๊อบงานแนวร่วมกับอดีตมือบริหารเพื่อไทย ที่แตกตัวออกจากพรรคมาเร็วๆ นี้
ยกเขตอิทธิพลในเครือข่ายย่านตะวันออก มาจับมือเข้าด้วยกัน สมรู้ร่วมคิด หยิบยื่นตำแหน่ง “รองผู้ว่าฯ” ให้แก่กัน โดยไม่ต้องลงทุน ออกแต่เสียง
“บิ๊กแป๊ะ” ก็มีโอกาสเข้าวินได้
“ฝัน” บางทีก็ไพเราะได้เหมือนกัน