การไม่หยุด, เรื่องเกินฝัน และ ‘ครึ่งชีวิต’ ของป๊อก ภัสสรกรณ์

การไม่หยุด, เรื่องเกินฝันและ ‘ครึ่งชีวิต’ ของป๊อก ภัสสรกรณ์ 
“แฮปปี้ดีฮะ เหมือนได้คอมพลีต ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต” นี่คือการรีวิวชีวิต ณ ปัจจุบัน ที่ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ บอกกับ “มติชนสุดสัปดาห์”

จากนั้นขยายความ “หลายๆ อย่าง” ที่พูดถึง ว่ามีทั้งการเรียนจบปริญญาโท การแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก “เหมือนได้ทำตามที่ตัวเองแพลนไว้”

ทั้งนี้ ป๊อกในวัย 34 บอกด้วยว่า ระยะหลังๆ มานี้ความคิดของเขาเริ่มจะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม

“เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ได้เห็นอะไรหลายอย่างมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมควรต้องให้ไพออริตี้มากที่สุด คือครอบครัว” คนที่เคย “ติดสนุก” และมัก “อยากจะอยู่กับเพื่อน” บอก

“แต่หลังๆ ซึ่งก็ทำงานแทบจะทุกวันอยู่แล้วแหละ แต่ผมก็มานั่งคิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ด้วย ว่าอย่าลืมที่จะเอาเวลาตรงนี้แบ่งไปให้ เพราะเอาตรงๆ ก็เห็นเรื่องที่ไม่คาดฝันอยู่บ่อยๆ”

เรื่องการจากลาของคนใกล้ตัวที่ไม่คาดคิด ทั้งๆ ที่บางคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาแท้ๆ

“มันทำให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรแน่นอน และทำให้รู้สึกว่าตรงนี้เป็นอะไรที่เอากลับคืนมาไม่ได้”

“เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาส เราควรที่จะพยายามเนอะ พูดดีๆ รู้สึกดีๆ ซึ่งกันและกัน มีแต่ความทรงจำดีๆ ให้มากที่สุด”

นักร้องคนดังยังบอกอีกว่า สิ่งซึ่งมากับวัยที่เพิ่มขึ้นและประสบการณ์ที่พอกพูนคือ “ความเข้าใจโลกพอประมาณ”

“อายุเท่านี้แล้ว หลายๆ อย่างก็ทำให้รู้สึกว่าควรปล่อยวางได้แล้ว คือไม่รู้จะเก็บเอามาทำให้เราไม่มีความสุขทำไม เกิดมีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ถ้าเป็นสมัยเด็กๆ ช่วงวัยรุ่นคงแบบว่า เฮ้ย! ทำไม” พูดแบบเสียงเปลี่ยนไปในตอนท้าย กลายเป็นแบบ “เข้มๆ ห้าวๆ” เพื่อสาธิต จากนั้นก็ยิ้ม แล้วกลับมาใช้เสียงแบบธรรมดาๆ ว่า

“แต่ตอนนี้ผมพยายามจะโฟกัสกับเวลาที่เหลือ ผมตีคร่าวๆ ว่านี่น่าจะครึ่งชีวิตของผมแล้ว แน่นอนผมอยากอายุยืนๆ แหละ แต่ถ้าสมมุติคนเรามีอายุ 70 นี่คือครึ่งทางของผมแล้ว เพราะฉะนั้น ผมต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และมีความสุขที่สุดในครึ่งชีวิตหลังจากนี้ มันเลยทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป”

“อยากจะมีความสุขมากขึ้น”

ในส่วนของงานซึ่งตอนนี้เพลง “ก้มต่ำ” ได้รับความนิยมถล่มทลาย เขาก็ว่า การตอบรับเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกินฝัน

“ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมีวันนี้”

ด้วยไม่เพียงแต่จะรู้ๆ กันว่าทายาท “จิราธิวัฒน์” อย่างเขา ต้องมีหน้าที่ในการสานต่อธุรกิจของครอบครัวเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ในเรื่องของงานเพลงช่วงแรกๆ ที่ทำก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก พูดง่ายคือยอดวิวจัดได้ว่า “ธรรมดามาก” หากด้วยความชอบ และการทำต่อไปไม่หยุด ด้วยความรู้สึกว่า “เรามีครบ 32 เรามีสมอง มีแขน มีขา แล้วมีโอกาส ทำไมจะไม่ทำ อย่างน้อยถ้าทำแล้วไม่เวิร์ก ก็คือทำแล้วไม่เวิร์ก ดีกว่าไม่ทำ เพราะคิดไปว่ามันไม่ดี” ก็ส่งผลให้ในที่สุดได้มีวันนี้

เรื่องงานเพลงกับครอบครัว ป๊อกเล่าแบบยิ้มๆ ว่า แรกๆ ที่บ้านไม่ได้อยากให้ทำ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ขัดขวาง ระหว่างนั้นเขาจึงทำเพลงไป ทำธุรกิจของที่บ้านไป เพิ่งจะถอนตัวจากธุรกิจของครอบครัวเมื่อ 3-4 ปีมานี่เอง

“หุ้นส่วนของคุณพ่อเขาไปคุยกับคุณพ่อให้ ว่าสิ่งที่ผมทำ ไม่ว่าจะเป็นรายการ ช่องยูทูบของผมมีคนตามอยู่ 2 ล้านกว่าคน ผมเลี้ยงคนในบริษัทได้ เลี้ยงครอบครัวได้ เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงลูก เลี้ยงภรรยาได้”

“เขาบอกว่าถ้าป๊อกมาไกลขนาดนี้ ให้ป๊อกไปให้สุดของป๊อกไหม มันเริ่มจากอันนั้น บวกกับเส้นทางดนตรีของผมที่คุณพ่อเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มรับกับสิ่งที่ผมทำได้ คุณพ่อเลยบอกว่าเข้าใจแล้ว ก็ขอให้ทำเต็มที่ แล้วไปให้สุด แต่วันหนึ่งก็แน่นอนว่าผมคงต้องแบ่งเวลากลับไปช่วยแหละครับ”

“แต่ตอนนี้คือต้องขอบคุณทุกอย่าง ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณครอบครัว คุณพ่อคุณแม่”

“วันนี้ผมมีความสุขมากกับสิ่งที่ผมทำขึ้นมาเอง”

ว่าด้วยเรื่องของ “ต้นทุน”

ด้วยความเป็น “จิราธิวัฒน์” สิ่งหนึ่งซึ่งปฏิเสธไม่ได้คือการมีต้นทุนในชีวิต อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ ป๊อกบอก “ผมพยายามไม่นึกถึง”

“เรื่องต้นทุน ไม่ต้นทุน เรื่องพวกนี้สำหรับผม มันไม่ใช่สิ่งแรกที่อยากจะพูดหรืออยากจะนึกถึง เราอาจจะมีตรงนั้น ซึ่งเราก็แอพพริชิเอตว่าเราเกิดมาในครอบครัวที่ดี แล้วก็มีอะไรหลายๆ อย่างซึ่งทำให้สะดวกสบาย”

“แต่สำหรับผม ผมคิดกลับกันด้วยซ้ำว่า สมมุติเรามี แล้วเราไม่ทำ จะให้นั่งอยู่เฉยๆ นอนเล่น กินไปวันๆ ผมว่ามันยิ่งสูญเปล่า”

“ยิ่งเรามีต้นทุนที่ดี ได้การศึกษาที่ดี เราควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรเลย”