สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / ทราบแล้ว–ไม่เปลี่ยนได้ไหม

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

ทราบแล้ว–ไม่เปลี่ยนได้ไหม

——————————–

ขำๆขื่นๆกันไป

สำหรับสไตล์บริหารของรัฐบาล แบบ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ในช่วง โควิด-19 ระบาดรอบใหม่

คือ บอกให้ ประชาชน “ทราบ”แล้ว

จากนั้น ประชาชนก็ทำใจว่า อาจจะมีการ”เปลี่ยน(แปลง)”ใหม่ นับจากนาที หลังจากนั้นเป็นต้นไป

จนต้อง ทำใจว่า อย่าเชื่อตามที่ท่านบอกๆกันมา

รอ ให้”นิ่ง”จริงๆ ก่อนค่อย”รับทราบ”ท่านจะทำอย่างนั้น อย่างนี้

จากนั้นจึงไปสู่ขั้นตอน อีกขั้น คือค่อยๆพิจารณาว่า สิ่งที่จะทำ(โดยไม่เปลี่ยนแปลง)จะเกิดมรรคผลที่ดี หรือไม่ดีอย่างไร

ยกตัวอย่างเพื่อความชัดเจน

ตอนแรก ท่านๆบอกให้ประชาชน “ทราบ”ว่า ไม่มีบ่อน

แต่ไวรัส โควิด โกหกไม่เป็น มันยืนยันว่าบ่อนเป็นแหล่งแพร่เชื้อ

พวกท่านๆก็”เปลี่ยน”ไปยอมรับว่า มีบ่อนจริงและขึงขังจะแก้ไข

ตอนนี้ เราจึงมี คณะกรรมการ ที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีขึ้นมาคณะหนึ่ง

จะคาดหวังว่าจะนำไปสู่ การล้างอบายมุข ครั้งใหญ่หรือไม่

–เสียง เฮ้อ ตั้งคณะกรรมการ อีกแล้วหรือ

คงเป็นคำตอบได้ระดับหนึ่ง

นี่คือ สไตล์ บริหารแบบ”ทราบแล้วเปลี่ยน” ที่ว่า

ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ เพราะหลายเรื่องมันขำไม่ได้

ต้องซีเรียส

ยกตัวอย่าง เรื่อง วัคซีนโควิด-19

รัฐบาล จะต้องเป็น”หลักแน่นๆ”

การตัดสินใจว่าเราจะเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างไร

ต้องเป็น”ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี”ระดับชาติ

เปลี่ยนไปมาไม่ได้

แต่เท่าที่เราได้สัมผัส มีภาวะไม่แน่นอน หลายอย่าง

เอาแค่เรื่อง “จัดหา”

ตอนนี้เริ่มสับสน เมื่อองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น แสดงท่าทีจะไม่รอรัฐบาลส่วนกลาง

จะใช้เงินของท้องถิ่น ไปจัดหาวัคซีนมาฉีดให้คนในพื้นที่ก่อน

ด้านหนึ่ง ก็มองได้ถึงความหวังดีที่จะช่วยชาวบ้านเร็วขึ้น

แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เข้าใจ ว่าจะมีการเลือกตั้ง สภาเทศบาล ในราวปลายเดือนมีนาคมนี้

นายเทศมนตรี และสภาเทศมนตรี ทั้งหลายก็ย่อมจะต้องแสดงออกถึงการเอาใจใส่ชาวบ้าน

อะไรหาเสียงได้ก็จำเป็นต้องหา รวมถึงวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19ด้วย ที่นั่นก็จะซื้อ ที่นี่ก็จะซื้อ

เกิดภาวะ ต่างคนต่างทำ ส่อภาวะ ต่างคนต่างทำ

ทั้งที่เรื่องนี้ ไม่ว่าการจัดซื้อ การจำแนกว่าจะฉีดให้ประชากรกลุ่มไหนก่อนหลัง ใครจะควบคุมการฉีดและติดตามประเมินผล

ควรต้องเป็นขบวนเดียวกัน

จะปล่อยให้ชเป็นเรื่องท้องที่ใครท้องที่มันไม่ได้

เพราะอาจนำไปสู่ประเด็นความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียม ขยายความแตกแยกในสังคมได้

และจะปล่อยให้สะเปะสะปะ สนุกสนาน เหมือนตอนจัดซื้อ น้ำยาฆ่าเชื้อ ไปฉีดกันเองแบบไร้แบบแผนอย่างการระบาดรอบแรกไม่ได้

เพราะจนวันนี้มีท้องถิ่นหลายแห่งยังถูกสอบเรื่องทุจริตไม่จบ

หรือแม้จะตัดสินใจซื้อ –ก็ยังไม่รู้จะซื้อที่ไหน และการซื้อแบบเบี้ยหัวแตกจะยุ่งยากขนาดไหน นี่ก็ยังเป็นข้อสงสัยอยู่

เอาเข้าจริงเรื่องนี้อาจไม่เกิดขึ้นจริงเลยก็ได้

แต่แทนที่รัฐบาลจะมองออก เข้าใจ โดยต้องแสดงตนเป็นหลัก และขจัดความสับสน

เรากลับเห็นผู้นำ เออออ ไฟเขียว พร้อมให้ดำเนินการได้ซะอย่างนั้น เลยมึนๆ

อย่างไรก็ตามล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนอีก

แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เลยพอรับได้

โดย โพสต์ในเพจเฟซบุ๊กย้ำถึงการมีศูนย์ฉีดวัคซีนวางแผนการกระจาย การจัดส่งวัคซีน การรักษาความปลอดภัย บุคลากร การลงทะเบียน การติดตามอาการหลังฉีดการประเมินผล

“เราจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ แบบรวมศูนย์”

คือสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ยืนยัน

ซึ่งนั่นก็คงไม่ใช่ไฟเขียว ให้ต่างคนต่างทำ อย่างที่บอกไว้ในตอนแรก

ยึดแนวทางอย่างนี้ให้มั่น

อย่าง ให้”ทราบ” แล้ว “เปลี่ยน”อีก