จรัญ พงษ์จีน : 6 พรรคฝ่ายค้านเปิดศึกซักฟอก ‘น็อกจริง’ หรือ ‘ราคาคุย’?

จรัญ พงษ์จีน

“6พรรคฝ่ายค้าน” นำทีมโดย “เพื่อไทย” โหมโรงตั้งแต่ไก่โห่รับปี 2564 ด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ที่กำหนดว่า

“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ”

เมื่อมีการเสนอญัตติแล้วจะยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้ เว้นแต่มีการถอนญัตติ เมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลง ให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ การลงมติเช่นว่านี้มิให้กระทำในวันเดียวกับวันที่การอภิปรายสิ้นสุดลง

“มติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร”

รัฐมนตรีคนใดพ้นจากตำแหน่งเดิม แต่ยังคงเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่งอื่นภายหลังจากวันที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อ หรือพ้นจากตำแหน่งเดิมไม่เกินเก้าสิบวันก่อนวันที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อ แต่ยังเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่งอื่น ให้รัฐมนตรีคนนั้นยังคงถูกอภิปรายเพื่อลงมติไว้วางใจต่อไป

การเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 151 แล้วแต่กรณี ให้กระทำได้ปีละครั้ง สมัยการประชุมสามัญประจำปี อันเป็นกลไกการตรวจสอบรัฐบาล เมื่อ “ฝ่ายค้าน” เห็นว่าการทำงานของรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีไม่ถูกต้อง

โดยในการหารือร่วมกันของฝ่ายค้านในเบื้องต้น “ศึกซักฟอก” เตรียมยื่นในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม 2564 ตามขั้นตอนเมื่อ “นายชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำการตรวจสอบภายใน 15 วัน จากนั้นบรรจุเข้าวาระ คาดการณ์ไทม์ไลน์กันว่า วันอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะมีจุดลงตัวในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดย 6 พรรคฝ่ายค้านร่วมกำลังอยู่ระหว่างการสรุปผล ทั้งเรื่องและบุคคลที่จะจับขึ้นเขียง สะเด็ดน้ำในวันที่ 15 มกราคม

ขณะนี้วางกรอบไว้กว้างเกี่ยวกับ “ประเด็น” ที่จะนำมาอภิปราย คือการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่สอง ว่ารัฐบาลมีความผิดพลาด ปล่อยให้มีการระบาดรอบใหม่ การบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดจนประชาชนได้รับความเดือดร้อน และยังเกี่ยวโยงไปถึงเรื่อง “ความมั่นคง” ที่ปล่อยให้มีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย นำเชื้อมาแพร่กระจาย และปล่อยให้มีการเล่นการพนันจนเป็นแหล่งแพร่เชื้อ

“นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ประธานคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยประกาศว่า ฝ่ายค้านมีความพร้อมสมบูรณ์ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ จะยื่นในปลายเดือนมกราคม ไม่รอยื่นใกล้ปิดสมัยประชุม โดยประเด็นที่จะอภิปรายเน้นหนักไปที่ความล้มเหลวของรัฐบาล โดยเฉพาะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ผิดพลาดในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ที่รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการอะไรชัดเจนในการแก้ปัญหา โดยจะพ่วงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในหลายกระทรวง อาทิ มหาดไทย แรงงาน เนื่องจากร่วมกันบริหารประเทศทำให้เกิดความเสียหาย

สำหรับเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคาบนี้ อาจจะใช้เวลามากถึง 7 วัน ยาวนานกว่าดูหนังกลางแปลง แต่จะไม่ให้ฉุกละหุกเหมือนศึกซักฟอกครั้งก่อน ที่อภิปรายกันจนถึงวินาทีสุดท้าย แล้วเร่งรัดปิดสมัยประชุมทันที ครั้งนี้ เวลาเหลือเฟือ เพราะปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 กุมภาพันธ์

 

สําหรับ “ตัวบุคคล-ประเด็น” ที่ฝ่ายค้านขึ้นกระดานจับขึ้นเขียงศึกซักฟอก กลุ่มที่ 1 พี่น้อง 3 ป. ยังเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก” เหมือนเดิม ทั้ง 1. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม 2. “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ โดนมุ่งกระแทกกลาง ปม “ประวิตรคลับ” ใช้บ้านรอยต่อฯ สร้างเครือข่ายศูนย์อำนาจทางการเมือง เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องทางธุรกิจ

ขณะเดียวกันการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ไม่เทน้ำหนักจำเพาะเจาะจงแต่รัฐมนตรีสายพลังประชารัฐ จะเหมาเข่งไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อยู่ในข่ายทั้ง “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย”

ประเด็นที่กำลังประชุม “แจกงาน” ให้กับผู้อภิปราย ประกอบด้วย “ถุงมือยาง” ขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ซึ่งเป็นคู่สัญญาในการซื้อถุงมือยาง มีการจ่ายเงินล่วงหน้ากันแบบง่ายๆ โง่ๆ เหมือนไม่พกสมองไปเจรจาขายของทั้งๆ ที่วงเงินมากถึง 2,000 ล้านบาท และมีการหยิบตัวละครที่เกี่ยวข้องมาเชื่อมโยงให้เห็นกันจะจะว่า มีเรื่องไม่ชอบมาพายังไง นัวเนียถึงใครบ้าง

มีเจ้าภาพจองกฐินสามัคคีสำหรับกรณีถุงมือยางหลายพรรค แต่มีข่าวว่า จะใช้บริการของ “พรรคก้าวไกล”

ขณะที่เพื่อไทย นอกจากคนหน้าเดิมมีช็อตเด็ดเกี่ยวกับการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เน้นข้อมูลใหม่การต่อขยายสัมปทานออกไปอีก 40 ปี โดยไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 ล็อกเป้าถล่ม “บิ๊กตู่”

แต่เท่าที่ได้ตรวจแถมดูท่าที 6 พรรคฝ่ายค้าน ที่กำลังสรุปประเด็น-ตัวบุคคล ที่จะสรุปในวันที่ 15 มกราคม ส่วนใหญ่ขอมีเอี่ยวในการอภิปรายเกี่ยวกับความล้มเหลวของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 รอบที่สอง เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหาย สามารถเชื่อมโยงให้เห็นภาพ กระบวนการแรงงานนอกระบบ หรือแรงงานเถื่อนที่เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย อันเป็นต้นตอของการแพร่ระบาด เริ่มจากจังหวัดสมุทรสาคร มีใครเป็นใครอยู่เบื้องหลัง “แรงงานเถื่อน”

โดยจะลากลายแทงเชื่อมโยงผู้อยู่เบื้องหลัง ผลประโยชน์นอกระบบจำนวนมากมหาศาล

ควบกับ “บ่อนพนัน” ที่ซุกอยู่ใต้พรม และมาหางโผล่เพราะโควิด-19 จนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการโยกย้ายแบบล้างบางตำรวจระดับ “นายพล” ในภาคตะวันออก

ล่อเป้า “พล.อ.ประยุทธ์” เต็มๆ ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พรรคฝ่ายค้านร่วม โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” รับประกันว่า ศึกซักฟอกปี 2564 จะไม่เหมือนกับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ออกมาดุจมวยล้มต้มคนดู งวดนี้มีข้อมูลเด็ด มีปมลึก ที่นำมาแฉ ผู้ถูกอภิปรายถูกน็อกแน่นอน