เรื่องเล่าของเหล่าผู้ไร้ร่างที่จากไป | ทราย เจริญปุระ

“ผี”

ความเชื่อส่วนตัวของฉันก็คือ, ทุกสถานที่ ล้วนมีผู้คนอยู่มาก่อนหน้าเรา เป็นถ้ำเป็นธาร โตรกเขาหุบเหวเนินกว้าง

ผู้คนอาศัยและล้มตาย ร่างกายซ้อนทับทอดเป็นผืนดิน ให้ผู้มาทีหลังหยั่งเสากดกวาดพื้น ซ้อนซับข้าวของก่อเป็นชั้น ร่าง วิญญาณ พื้น ผนัง หลังคา ร่าง วิญญาณ พื้น ผนัง หลังคา ทับทบกันขึ้นมาเรื่อยๆ

ดังนั้น ถ้าวิญญาณจะมีจริงและใช้ชีวิตแบบผีๆ ในโลกเฉพาะ ก็ไม่แปลกที่คนเราจะเจอเข้าสักครั้ง สักตัว

โชคดีหน่อยก็อาจจะเจอหลายครั้ง เหมือนตำรวจที่พกปืนบางคนไม่เคยได้ยิงใครเลยในชีวิต แต่บางคนก็กลายเป็นตำรวจปืนโหดที่มาดึงค่าเฉลี่ยการยิงของทั้งกรมให้สูงพรวด

สถานที่บางแห่งก็เป็นอย่างนั้น ความหนาแน่นของวิญญาณและผู้ปราศจากร่างกาย เป็นค่าสูงลิบกว่าพื้นที่อื่น เข้มข้นจนไม่ต้องเขม้นตามองหาหรือใช้สมาธิอะไร เป็นกลุ่มพลังงานหมุนวนกระซิบกระซาบ เลื้อยลอดพัวพันทั่วร่าง

ฉันเรียกพวกเขาว่า -ผู้ปราศจากร่างกาย-เพราะหลายครั้งที่ผู้คนก็ไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่ในรูปแบบไหนหรือโลกใด เจตจำนงในชีวิตแน่วแน่ดุจเดิมแม้ร่างจะสลายกลายธาตุ

เมื่อคิดแบบนี้ฉันก็ไม่แปลกใจอะไร ที่จะเจอผีสักตัวในห้องที่เพิ่งย้ายมาอยู่

ปีนี้ฉันไปถนนราชดำเนินบ่อยกว่าไปห้าง

ไปชุมนุมบ่อยกว่าไปดูหนัง

ได้สัมผัสถึงพลังงานบางอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อเมื่อผู้คนมารวมกันแสดงความต้องการแบบเดียวกัน

ไม่เฉพาะคนเป็น แต่รวมถึงผู้จากไปแล้ว ความคับข้องใจ ความสงสัย มีบ้างที่ตายไปอย่างสุขสงบ แต่ถนนเมืองไทยไม่เอื้อให้ใครใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นผีหรือเป็นคน

มันหลอกหลอนทั้งยามเป็นยามตาย และบางที -แค่บางที- ถ้าโลกหน้าจะมีจริงแล้วคุณได้กลับมา ถนนบางเส้นก็ยังเป็นเช่นเดิม

แต่ปีนี้ก็มีอะไรเปลี่ยนไปหลายอย่าง พื้นผิวอาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่แรงพลังบางอย่างถูกบรรจุใหม่

ผู้ที่ตายไปพร้อมกับบางเรื่องเล่าถูกเอ่ยนามอันแท้จริงพร้อมข้อสงสัยว่าเกิดเหตุอันใดในชีวิตของพวกเขาบ้าง ภาพขาว-ดำของบางศพบางร่าง เลือดและบาดแผลถูกทำให้กลายกลับคืนสีสันเลือดเนื้อด้วยความก้าวหน้าของโลกที่ทำให้เราสนิทชิดใกล้กับอดีตมากกว่าที่เคย

เราตั้งคำถามมากขึ้น สงสัยมากขึ้น

กระซิบกระซาบนั้นไม่ตอบสนองความอยากรู้อีกต่อไป แต่การหยัดยืนตรง ตั้งคำถาม และรอคำตอบกลายเป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

มีคนให้หนังสือเล่มนี้มาเพื่อเป็นกำลังใจแก่ฉัน ซึ่งก็ถูกใจมาก เพราะด้วยความสัตย์จริง ก้าวแรกสู่ห้องนี้ก็ทำให้ฉันคิดถึงผู้ไร้ร่างกายที่อยู่มาก่อน

แต่นั่นก็สอดคล้องกับความเชื่อส่วนตัวที่ฉันบอกไปแล้วเมื่อตอนต้น ฉันพูดเล่นๆ ด้วยซ้ำ ว่าสักวัน ฉันคงจะเขียนถึงพวกเขา เหล่าผู้ไร้ร่างแห่งชั้นเจ็ด

เบรนดอลเจอผีในเดือนตุลาคม แต่ฉันได้หนังสือเล่มนี้เมื่อธันวาคม ธันวาคมซึ่งบรรจุเอาทั้งวันเกิดของฉัน วันตายของพ่อ วันคริสต์มาส วันปีใหม่ ซึ่งสำหรับปีนี้ วันเกิดก็ไม่เหมือนปีไหนๆ ปีใหม่ก็ยิ่งแตกต่าง โลกหมุนสลับไปมาระหว่างความสุข ความกังวล ความสงสัย ความไม่เข้าใจ และความอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

จะว่าไป เหล่าผีก็มีประโยชน์ตรงนี้ มันไม่ต้องเลี้ยงดูอะไรมากมาย แมวตัวหนึ่งยังต้องการความรักและอาหาร

แต่เหล่าภูตผีนั้นปราศจากความอยาก แค่จ้องมองฉันอย่างโศกเศร้าไปแบบเงียบๆ นั่งข้างๆ ตอนฉันออกไปสูบบุหรี่ริมระเบียง ไม่สงสัยเวลาฉันฟังเพลงเดิมซ้ำๆ เพียงเพื่อจะร้องไห้ ทำไมฉันต้องมาอยู่ตรงนี้ และมีเพียงผีกับพลังงานบางอย่างจากความฝันและความหวังถึงอนาคตที่ยังมองไม่เห็นหล่อเลี้ยงหัวใจ ภูตผีและพลังงานที่ฉันพากลับมาเติมในห้องดูจะเข้ากันได้หมด พวกเขาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พูดคุยถึงฉันแบบเงียบๆ

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องผี คุณไม่จำเป็นต้องกลัวมันแบบสั่นประสาทเช่นเรื่องเล่าในรายการวิทยุแบบต้องคลุมโปงฟัง แต่เป็นเรื่องเล่าของเหล่าผู้ไร้ร่างที่จากไป และหวังให้ฉันได้บอกเล่าเรื่องราวของเขาแทน

ถ้าคุณจะกลัว, ก็จงกลัวว่าแม้ตายไปแล้ว แต่เจตจำนงของพวกเขายังอยู่

ทุกที่มีคนตาย

แต่ไม่ใช่ทุกคนตายจะจากไปพร้อมความสมปรารถนา

และเขาฝากบอกมากับฉัน และกับทุกๆ คน ผู้ไม่ยอมจำนนง่ายๆ

ว่าพวกเขายังคงอยู่เสมอ ตราบเท่าที่มีคนจดจำ

“Pumpkin Head” เขียนโดย giftmeme ฉบับพิมพ์ครั้งแรก พฤศจิกายน 2563 โดยสำนักพิมพ์ บีโกเนีย พับลิชชิ่ง จำกัด