วิรัตน์ แสงทองคำ | Sinovac-Sinopharm ว่าด้วยความเคลื่อนไหว

วิรัตน์ แสงทองคำviratts.wordpress.com

วิรัตน์ แสงทองคำ/viratts.WordPress.com

Sinovac-Sinopharm

ว่าด้วยความเคลื่อนไหว

 

เรื่องบางเรื่องเกี่ยวข้องกับซีพี เป็นไปอย่างแตกต่างกว่าที่เคย

ด้วยเรื่องราวสองเรื่อง ดูเหมือนจะมีความพยายามนำมาเกี่ยวเนื่องและเชื่อมโยงกันอย่างสูตรสำเร็จ

กรณีแรก – 7 ธันวาคม 2563 Sino Biopharmaceutical Limited บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงซึ่งถือว่าเป็นกิจการในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ประกาศดีลสำคัญ ลงทุน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือกว่า 15,000 ล้านบาท) เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 15% ของ Sinovac Life Sciences ผู้ผลิตวัคซีน COVID-19 ที่เรียกกันว่า CoronaVac กิจการในเครือ Sinovac Biotech แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

อีกกรณี – 10 มกราคม 2564 กระทรวงสาธารณสุขแถลงอย่างเป็นการเป็นงานว่าจัดซื้อวัคซีน COVID-19 จาก Sinovac จำนวน 2 ล้านโดส ในวงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท

ก่อนอื่นควรให้ความสนใจกรณีแรกมากเป็นพิเศษ

 

ฝ่าย Sino Biopharmaceutical แถลงเกี่ยวกับดีลข้างต้น ผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง (Stock Exchange of Hong Kong Limited) (หัวข้อ Capital Contribution to Sinovac Life Sciences Co., Ltd. – 7 ธันวาคม 2563) มีสาระสำคัญบางตอนควรอ้างไว้ “ด้วยการประเมินว่า ทั่วโลกมีความต้องการวัคซีน COVID-19 มากกว่า 10,000 ล้านโดส ขณะที่กำลังผลิตวัคซีนในจีนผลิตได้เพียง 2,000 ล้านโดสในสิ้นปี 2021 Sinovac ต้องการกำลังการผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกมาก เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้ในประเทศจีนที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน และขายไปทั่วโลก”

ขณะข้างฝ่าย Sinovac Biotech (อ้างจากเรื่อง Sinovac Secures Approximately $500 Million in Funding for COVID-19 Vaccine Development — http://www.sinovac.com/) นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจ

“ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่นี้ จะช่วยให้มีความสามารถขยายตลาดได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย สามารถพัฒนาและเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ และที่สำคัญที่สุดคือเร่งความพยายามในการช่วยต่อสู้กับโรคระบาดทั่วโลก” บางตอนจากถ้อยแถลงของ Weidong Yin ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารคนสำคัญของ Sinovac บุคคลซึ่งสื่ออเมริกันให้ความสนใจ นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีจ่ายเงินสินบนเจ้าหน้าที่รัฐในจีน (หากสนใจ อ่าน As China nears a coronavirus vaccine, bribery cloud hangs over drugmaker Sinovac –https://www.washingtonpost.com/)

Sinovac ระบุด้วยว่า ปัจจุบันมีความสามารถผลิตวัคซีนได้ปีละ 300 ล้านโดส ทั้งนี้ มีเป้าหมายด้วยว่าจะสร้างฐานการผลิตแห่งที่สองให้แล้วเสร็จในปลายปี 2564 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็นปีละ 600 ล้านโดส

อีกตอนในถ้อยแถลงของ Sinovac ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ระบุว่าก่อนหน้านี้มีกองทุนสำคัญสองแห่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ Advantech Capital กองทุนซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 มีฐานในฮ่องกง และ Vivo Capital กองทุนใหญ่แห่งสหรัฐ สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Palo Alto, California มีเครือข่ายสำนักงานหลายแห่งในจีน

ทั้งสองกองทุนซึ่งสนใจลงทุนกิจการด้านสุขภาพได้เปลี่ยนฐานะจากผู้ให้กู้เงินมาเป็นผู้ถือหุ้น Sinovac Life Sciences ในสัดส่วนรวมกัน 6.3%

 

Sinovac Life Sciences กิจการสำคัญของ Sinovac Biotech ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าเร้าใจเช่นกัน

Sinovac Biotech ผู้ผลิตยาและชีวเภสัชภัณฑ์ ก่อตั้งในปี 2542 ที่กรุงปักกิ่ง มีผลงานการผลิตวัคซีนหลายชนิด

ตั้งแต่วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H5N1 และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ ของสหรัฐในปี 2552

ด้วยข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้น NASDAQ จึงระงับการซื้อขายหุ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 จนถึงปัจจุบัน

รายงานทางการเงินล่าสุด (https://www.nasdaq.com/) สิ้นปี 2562 มีรายได้ถึง 246 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,400 ล้านบาท) มีกำไรประมาณ 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 1,300 ล้านบาท)

เรื่องราว Sinovac คงเป็นไปตามกระแสอันเชี่ยวกราก บรรดาผู้ผลิตวัคซีนมองเห็นโอกาสที่กว้างใหญ่ มาอย่างกระชั้น อาจจะปิดลงในช่วงเวลาไม่นานนัก จึงมีความพยายามปรับตัว ปรับโครงสร้างทางการเงิน เร่งขยายการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้องการ ในภาวะ Supply-side อย่างแท้จริง

ขณะที่ Sinovac เป็นเพียงรายหนึ่งในประเทศจีน ดูจะเป็นผู้ผลิตวัคชีนรายค่อนข้างเล็กและมีปัญหาทางการเงินอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับ Sinopharm (ไม่ใช่ Sino Biopharm) รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่จีน ซึ่งมียอดขายมากกว่า Sinovac หลายสิบเท่า

หรือผู้ผลิตวัคซีนในโลกตะวันตกอย่าง Pfizer/BioNTech และ AstraZeneca

 

ส่วนกรณี Sino Biopharmaceutical ที่ว่าเกี่ยวข้องกับซีพี ดูไปแล้วเป็นเรื่องที่แตกต่างจากโครงสร้างธุรกิจซีพีโดยปกติไม่น้อย

เท่าที่สำรวจ (“บันทึกความทรงจำของธนินท์ เจียรวนนท์” หรือ My Personal History : Dhanin Chearavanont ในสื่อยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น-NIKKEI และหนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” โดยธนินท์ เจียรวนนท์) ธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้นำซีพีไม่ได้กล่าวถึง Sino Biopharmaceutical และเมื่อพิจารณาข้อมูลทางการที่ว่าด้วย “ความเป็นมา” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (https://www.cpgroupglobal.com/th/about/Milestones) ก็ไม่ได้กล่าวถึงเช่นกัน

ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อมีการปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่ จากยุคธนินท์ เจียรวนนท์ สู่รุ่นทายาท ได้นำเสนอเครือข่ายธุรกิจใหม่ แบ่งออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจ

ปรากฏว่า “ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์” เป็นหนึ่งในนั้น

มีข้อความโฟกัสไปยัง Sino Biopharmaceutical อย่างตั้งใจ

“กลุ่มบริษัทไซโนไบโอฟาร์มา จำกัด เป็นองค์กรด้านเวชภัณฑ์และนวัตกรรมของประเทศจีน ประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาและวิจัย ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาประเภทต่างๆ เคมีภัณฑ์ ยาจีนที่ทันสมัย และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ มีความเชี่ยวชาญด้านยารักษาโรคตับอักเสบ โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคกระดูกและข้อ เป็นต้น มีความร่วมมือกับสถาบันเภสัชกรรมชั้นนำทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจหลักของกลุ่มให้ครอบคลุมการดูแลสุขภาพมากขึ้น”

เท่าที่ศึกษาข้อมูล (http://www.sinobiopharm.com/) Sino Biopharmaceutical เปิดฉากธุรกิจเวชภัณฑ์ในจีนมาตั้งแต่ช่วงปี 2534 ค่อยๆ ก่อร่างสร้างบริษัทย่อยๆ กว่า 20 บริษัท ไม่มีข้อมูลแน่ชัด แต่ละกิจการใช้คำว่า Chia Tai (เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจซีพีในจีน) ในกิจการต่างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่

ผู้ก่อตั้งคือ Tse Ping วัย 69 ปี (น้อยกว่าธนินท์ เจียรวนนท์ 13 ปี) ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเครือญาติ (อ้างจาก Forbes-https://www.forbes.com/) ของธนินท์ เจียรวนนท์ Forbes ได้จัด Tse Ping เป็นผู้ร่ำรวยอันดับ 48 ของประเทศจีน (China Rich List 2020) ด้วยทรัพย์สินถึง 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขณะที่ธนินท์ เจียรวนนท์ มีทรัพย์สิน 14.3 พันล้าน-อ้างจาก Forbes เช่นกัน)

Sino Biopharmaceutical มีผลประกอบการเติบโตอย่างน่าทึ่ง คาดว่าทั้งปี 2563 จะมีรายได้ถึง 28,648 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (มากกว่า 110,000 ล้านบาท) มีกำไร 3,251 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 12,000 ล้านบาท)

เท่าที่ศึกษาโครงสร้างการถือหุ้น การบริหารกิจการที่เกี่ยวข้องกับ Sino Biopharmaceutical เป็นธุรกิจครอบครัวของ Tse Ping อย่างแท้จริง เพิ่งมีการส่งต่อบริหารให้กับบุตรและธิดา

เรื่องราวธุรกิจเป็นเช่นนี้ ส่วนความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องมิติอื่นๆ คงต้องว่าอีกที