‘เพื่อไทย’ ดิสรัปต์พรรคครั้งใหญ่ ผลัดใบเพื่อก้าวสู่ ‘เบอร์ 1’ / บทความในประเทศ (ฉบับประจำวันที่ 15-21 มกราคม 2564 ฉบับที่ 2109)

ในประเทศ

‘เพื่อไทย’ ดิสรัปต์พรรคครั้งใหญ่
ผลัดใบเพื่อก้าวสู่ ‘เบอร์ 1’

สถานการณ์ภายใน “พรรคเพื่อไทย (พท.)” หลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพรรคครั้งใหญ่ยังไม่สมูธ มีแรงกระเพื่อมให้เห็นอยู่เป็นระลอก
อาทิ สมาชิกพรรคบางกลุ่มทยอยยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
ตามด้วยกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จำนวนหนึ่งยื่นใบลาออก แม้ว่าคนที่ลาออกจะมีจำนวนเพียงไม่กี่คน แต่ทำให้คนภายนอกเห็นแรงกระเพื่อมภายในได้ชัดเจน
‘กลุ่มผู้บริหารชุดใหม่’ ของพรรค ไม่ว่าจะชุด กก.บห.ก็ดี ชุดคณะกรรมการการเมืองก็ดี หรือคณะกรรมการชุดต่างๆ อีก 12-13 คณะที่ตั้งขึ้นหลังการปรับเปลี่ยนโครงสร้างก็ดี ต้องทำทั้งงานขับเคลื่อนและงานแก้ปัญหาไปพร้อมกันรายวัน
ล่าสุดมีกรณีใหม่ที่ทำให้ทัวร์ลงพรรคชุดใหญ่อีกครั้ง จากกรณีที่ ส.ส.ของพรรคจำนวนหนึ่งจู่ๆ ก็ตัดสินใจถอนชื่อจากคำร้องถอดถอน ‘นายสิระ เจนจาคะ’ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ออกจากการเป็น ส.ส.
คำร้องดังกล่าวดำเนินการโดยพรรคเสรีรวมไทยขอให้ฝ่ายค้านเข้าชื่อเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่า นายสิระเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ร้อนถึงพรรค จนต้องออกมาแก้ข่าวรัวๆ

เริ่มจาก ‘นายชูศักดิ์ ศิรินิล’ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค พท. ที่ออกมาระบุว่า เรื่องนี้เกิดข้อผิดพลาดในกระบวนการสื่อสารเล็กน้อย เพราะระหว่างที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ พรรคเสรีรวมไทยได้เริ่มล่ารายชื่อแล้ว ทำให้ ส.ส.ของพรรคหลายคนกังวลว่ายังไม่ใช่มติพรรค จึงไปขอถอนชื่อออกก่อน
อีกทั้งรู้สึกกังวลพอสมควรกับการจะถูกนายสิระฟ้อง เพราะมีการขู่กันไว้ผ่านหลายช่องทาง
แต่พรรคได้มีการดำเนินการให้สมาชิกเข้าชื่อกันใหม่ โดยถือให้เป็นมติพรรคเพื่อยืนยันที่จะยื่นถอดถอนนายสิระแล้ว
ตามมาด้วย 2 ส.ส.หญิงที่ถอนชื่อเป็น 2 คนสุดท้ายคือ นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร และนางอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี รีบตั้งโต๊ะแจงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เมื่อญัตติมาถึงมือ ได้เซ็นชื่อกับเพื่อนหลายคน
แต่วันต่อมามีหลายกระแส หนึ่งคือไม่ได้เป็นมติของพรรค จึงไปถอนรายชื่อออก แต่เมื่อทราบว่ารายชื่อไม่ครบ ก็ยืนยันรายชื่อเข้าไปใหม่
เรื่องนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่า ทั้ง 2 คนไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมเลย และยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง “เลขาธิการพรรค พท.” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอีก โดยระบุว่า มี ส.ส.คนหนึ่งชักชวนและโน้มน้าวเพื่อน ส.ส.ให้ถอนชื่อจากคำร้องดังกล่าว เรื่องนี้พรรคจะดำเนินการสอบสวนอย่างเข้มข้น หากพบว่าทำผิด จะมีมาตรการลงโทษ ส.ส.คนนั้นอย่างเด็ดขาด คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณสัปดาห์หน้า
พร้อมแถลงชัดถ้อยชัดคำว่า เพื่อไทยมีมติให้ ส.ส.ของพรรคลงชื่อในคำร้องถอดถอนนายสิระในการล่ารายชื่อถอดนายสิระครั้งใหม่
จากนั้นไม่นานมีกระแสข่าวหนาหูว่า บุคคลดังกล่าวเป็น ส.ส.ปทุมธานีคนหนึ่งที่อยู่ร่วมกรรมาธิการ (กมธ.) คณะเดียวกับนายสิระ ทำเอาเจ้าตัวต้องรีบแจง ฟังแล้วได้ความว่า ตัวเองไม่ได้ล็อบบี้ใคร ไม่ได้รับเงินรับทองใครมาให้คนในพรรคทั้งสิ้น แค่ให้คำปรึกษาเพื่อน ส.ส.แค่คนสองคนในฐานะทนายเท่านั้น เพราะนายสิระก็ขู่มา ยืนยันว่าไม่เคยไปพูดคุยกับ ส.ส.อีสาน

ระหว่างเคลียร์ปัญหานี้ จู่ๆ กลางดึก ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พท. ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นกุนซือคนสำคัญของพรรคได้ทวีตข้อความที่แฝงไปด้วยนัยยะสำคัญว่า
“เพื่อไทยกำลังปฏิรูปครั้งใหญ่ ได้ยินว่าแกนนำและผู้ใหญ่เห็นตรงกันว่าจากนี้ไปต้องทบทวนและปรับขบวนอย่างเต็มที่ เพราะมือในสภาไม่สำคัญเท่าศรัทธามหาชน ถ้ารักษาศรัทธาและความมุ่งมั่นที่เคยมี ก็จะเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งหวังของพี่น้องประชาชนตลอดไป เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในเร็ววัน” และ “การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา รถไฟขบวนนี้ไม่มีวันถอยหลัง เราจะร่วมกับประชาชน สร้างสังคมที่งดงามร่วมกัน ชัยชนะรออยู่เบื้องหน้า”
ข้อความที่ “เสี่ยอ้วน” ส่งผ่านช่องทางทวิตเตอร์นี้ไม่อาจมองข้ามได้ ทำเอานักข่าวถึงกับต้องยกหูถามว่า พรรค พท.กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่อย่างไรหรือ
คำตอบที่ได้รับ เป็นไปตามคาด “ภูมิธรรม” แย้มว่า เพื่อไทยกำลังจะเปลี่ยนใหญ่ โดยบุคลากรในพรรคกำลังคิดและกำลังวางกันอยู่ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้จะได้เห็นอะไรบ้างแล้ว
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ที่มีคนที่ตัดสินใจจะเลือกทางไป พรรค พท.ควรทำให้ภายในของพรรคมีความชัดเจนขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร

ตามมาด้วย ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’ รองหัวหน้าพรรค ที่จู่ๆ ก็ออกมาให้ข่าวว่า พรรคยังเข้มแข็ง แต่กลุ่มคนที่ออกจากพรรคไปแล้วพยายามสร้างความปั่นป่วนเพื่อให้พรรคดูสั่นคลอน
พร้อมเตือนคนที่ออกไปแล้วว่า พรรคได้ให้โอกาสและการสนับสนุนจึงไต่เต้าขึ้นมาได้ อย่าได้คิดอกตัญญูโดยการให้ร้ายพรรค อย่าทำตัวเป็นก้อนหินถ่วงพรรค ออกไปแล้วก็ควรเอาเศษหินออกไปด้วย พรรคจะได้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ถ้าหวังดีกับพรรคจริงควรจากกันด้วยดี และอย่าคิดจะมาตกปลาในบ่อของพรรค ยืนยันว่าพรรค พท.ไม่ได้มีการแตกสาขาไปพรรคอื่น
ท่าที ‘ภูมิธรรม’ ก็ดี ‘พิชัย’ ก็ดี กำลังบอกเป็นนัยว่า วันนี้ ‘เพื่อไทย’ ใส่เกียร์เดินหน้าชน หมดเวลาประนีประนอมแล้ว ใครจะอยู่ ใครจะไป ใจยัง 100% กับพรรคอยู่หรือไม่ ต้องชัด
เพราะจากนี้จะมีแค่ ‘ตัวจริงของพรรค’ เท่านั้นที่ได้ไปต่อ

แว่วเสียงว่าจะมีการปรับระบบการดูแล ส.ส.ในพื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ที่ ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ เคยรับบทเป็นเจ้าแม่อยู่ แต่เมื่อแยกทาง ระบบการจัดการต้องเปลี่ยน จากนี้ พื้นที่ กทม.และอีกหลายๆ พื้นที่ของพรรค ใช้คำว่าพื้นที่ทั่วประเทศคงไม่ผิด จะมีการปรับการดูแล ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ใหม่
อำนาจจะไม่ถูกวางไว้ในมือใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะถูกกระจายอยู่ในมือคีย์แมนหลายคน แล้วบริหารจัดการร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
รวมถึงจากนี้ ‘เพื่อไทย’ จะเดินหน้า ‘รีครูต’ คน จากทั่วทุกวงการเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หวังว่าสนามศึกเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต จะสามารถส่งผู้สมัครได้ครบทั้ง 350 เขต
ดังนั้น การขยับเขยื้อนในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ จึงไม่ใช่การเขยื้อนเพื่อ ‘ล้มพรรค’ หรือพับตำนานเพื่อไทย แต่เป็นการเขยื้อนเพื่อ ‘ดิสรัปต์’ พรรค ให้เข้าสู่โหมดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และชัดเจนขึ้น
แต่ระหว่างนี้หากจะมีการเขย่า กระเพื่อม จากใครกลุ่มใด หรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นเรื่องที่พรรคต้องแก้ปัญหาระหว่างทางให้ได้เอง
ผลสัมฤทธิ์ของการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่กินเวลายาวนานมากว่า 4 เดือนนี้ จะตรงใจ ‘ทีมบริหารชุดใหม่’ ของพรรค รวมถึงมวลชนที่เป็นแฟนของพรรคหรือไม่
ปลายทางมักเป็นสิ่งที่คนเฝ้าชมมากกว่าระหว่างทางเสมอ