โจ ไบเดน กับการเล่นกีฬา / คลุกวงใน – พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน
พิศณุ นิลกลัด
Facebook: @PITSANUOFFICIAL

โจ ไบเดน กับการเล่นกีฬา

โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในวันที่ 20 มกราคม เวลาเที่ยงตรงที่จะถึงนี้ ตามเวลาของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามหลังเมืองไทย 12 ชั่วโมง หรือตรงกับเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 21 มกราคม ของประเทศไทย
ในวันนั้น โจ ไบเดน จะมีอายุ 78 ปี 61 วัน เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาในวันรับตำแหน่งครั้งแรก
ก่อนจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน เคยเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเองเพราะพูดติดอ่าง
เมื่อปี 2008 เขาได้เขียนในหนังสืออัตชีวประวัติ ชื่อ Promises to Keep : On Life and Politics สัญญาที่รักษาไว้ : ในชีวิตและการเมือง ว่าตัวเขามีปัญหาเรื่องการพูดติดอ่าง ทำให้ขาดความมั่นใจในการสื่อสารด้วยคำพูด
แต่เขามีความมั่นใจในเรื่องความสามารถในการเล่นกีฬา เพราะกีฬาเป็นสิ่งที่เขามีความสามารถโดยธรรมชาติ ขณะที่การพูดไม่ใช่เรื่องที่เขามีความสามารถโดยธรรมชาติ
ดังนั้น เขาจึงใช้กีฬาเป็นเสมือนตั๋วผ่านที่จะได้รับการยอมรับหรือ Ticket to acceptance
โจ ไบเดน บอกว่า แม้ตอนเด็กจะพูดติดอ่าง แต่เขาไม่เคยขาดความมั่นใจที่จะพูดกับเพื่อนว่า “Give me the ball.” “ส่งลูกมาให้ผม”
สมัยเป็นนักเรียนไฮสกูล โจ ไบเดน เป็นนักเบสบอล และนักอเมริกันฟุตบอลทีมโรงเรียน
ตำแหน่งของโจ ไบเดน ในการเล่นอเมริกันฟุตบอลคือ Wide receiver ซึ่งมีหน้าที่รับลูกขว้างจากควอร์เตอร์แบ็ก

กีฬาได้สร้างความมั่นใจให้กับโจ ไบเดน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ของโจ ไบเดน ทำให้เขามีจุดมุ่งหมายในชีวิตว่าสิ่งที่เขามุ่งมั่นตั้งใจ เขาสามารถทำได้สำเร็จ
โจ ไบเดน ได้กล่าวชื่นชม อี. จอห์น วอลช์ (E. John Walsh) โค้ชอเมริกันฟุตบอลทีมไฮสกูลของเขาที่สอนว่า เวลาเล่นอเมริกันฟุตบอล ให้เล่นเหมือนกับเวลาใช้ชีวิต คือเล่นด้วยใจรักและมีคุณธรรม (Passion and Integrity) และไม่ว่าตัวเราจะเก่งแค่ไหน การเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
ไมก์ เฟย์ (Mike Faye) เพื่อนร่วมทีมอเมริกันฟุตบอลของโจ ไบเดน สมัยไฮสกูลบอกว่า นับตั้งแต่เป็นเพื่อนกันเมื่อปี 1957 หรือเมื่อ 64 ปีที่แล้ว โจยังเป็นคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือเป็นคนตรงไปตรงมา รักษาคำพูด
คุณสมบัติที่ไมก์ เฟย์ กล่าวมา เป็นคุณสมบัติสำคัญมากของผู้นำประเทศ

นักการเมืองสมัยใหม่ต้องใส่ใจสุขภาพ เล่นกีฬา เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพตัวเองแล้ว ยังดีต่อภาพลักษณ์ว่า ร่างกายแข็งแรง ดูมีพละกำลังที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่นักการเมืองต้องเผชิญ
แต่ขณะเดียวกัน นักการเมืองก็ต้องเลือกประเภทกีฬาที่ไม่ทำให้ประชาชนหมั่นไส้ รู้สึกว่าเข้าไม่ถึง ทำตัวห่างไกลประชาชน หรือที่เรียกว่า out of touch
ดร.อเล็กซานเดอร์ โทโดรอฟ (Alexander Todorov) อาจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (University of Princeton) สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจะถูกชะตากับผู้สมัครที่พวกเขารู้สึกว่าสามารถเข้าถึงได้
สมัยที่จอห์น แคร์รีย์ (John Kerry) ลงสมัครประธานาธิบดี ในปี 2004 เขาถูกถ่ายภาพตอนเล่นวินด์เซิร์ฟ ก็ถูกเป็นเป้าโจมตีว่าใช้ชีวิตหรูหรา ไฮโซ
ในขณะที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) คู่แข่งชอบเล่น ชอบดูเบสบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่ราคาไม่แพง มีแค่ไม้เบสบอล กับลูกเบสบอล ก็เล่นได้แล้ว คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย
การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2004 ผลออกมาว่า จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ชนะจอห์น แคร์รีย์

ฟิล ซิงเงอร์ (Phil Singer) ผู้ก่อตั้ง Marathon Strategies ซึ่งเป็นบริษัท PR ประชาสัมพันธ์และทำวิจัยบอกว่า ในสายตาคนอเมริกัน กีฬาชนิดต่างๆ ไม่ได้มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในแต่ละยุคสมัย
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน หากผู้สมัครรับเลือกตั้งชอบเล่นโยคะ อาจถูกมองว่าเว่อร์ ไฮโซ เพราะเมื่อ 10 ปีก่อน คนที่เล่นโยคะมักเป็นดารา นักร้อง หรือคนมีชื่อเสียง
แต่ปัจจุบัน คนทั่วไปก็สามารถเล่นโยคะได้
ส่วนอเมริกันฟุตบอล ถือเป็นกีฬาประจำชาติของอเมริกา ว่าไปแล้วมีอเมริกาประเทศเดียวในโลก ที่เล่นกีฬานี้อย่างจริงจัง
ประธานาธิบดีของอเมริกาหลายคนเป็นนักอเมริกันฟุตบอล ทีมไฮสกูล หรือทีมมหาวิทยาลัย เช่น เจอร์รัลด์ ฟอร์ด, ดไวต์ ไอเซนฮาวเออร์, โรนัลด์ เรแกน, ริชาร์ด นิกสัน, จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ รวมถึงโดนัลด์ ทรัมป์

รูปประกอบ

โจ ไบเดน สมัยเป็นนักอเมริกันฟุตบอล